ความรุนแรงในครอบครัว เราช่วยกันหยุดมันได้
“ความรุนแรงในครอบครัว” กำลังเป็นปัญหาเรื้อรังในแทบทุกจะสังคม ซึ่งผลของมันก่อให้เกิดความเจ็บปวด และความทุกข์ทรมานทั้งทางร่างกายและจิตใจแก่ผู้ถูกกระทำความรุนแรง มีแนวคิดทฤษฎีมากมายที่พยายามอธิบายถึงสาเหตุของความรุนแรงในครอบครัว และผู้คนในสังคมก็เกิดความกังวลหนึ่งที่มีร่วมกันว่าครอบครัวที่มีเด็กและเกิดการใช้ความรุนแรงภายในครอบครัวนั้น จะทำให้เด็กมีการเลียนแบบพฤติกรรมอันรุนแรงเหล่านั้นบ้างหรือไม่ รวมทั้งยังมีความรุนแรงในระดับสังคมที่เกี่ยวเนื่องหรือส่งผลให้ปัญหาความรุนแรงในครอบครัวยังคงมีอยู่ต่อไป ทำอยางไรถึงจะป้องกันปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นภายในครอบครัวนี้ได้ สมาชิกในครอบครัวจะมีส่วนช่วยลดระดับความรุนแรงที่เกิดขึ้นได้อย่างไร และจะช่วยป้องกันความเสียงที่จะเกิดความรุนแรงขึ้นภายในครอบครัวของตนเองได้อย่างไรบ้าง ติดตามบทความนี้กันค่ะ
อะไรคือความรุนแรงในครอบครัวและความสัมพันธ์?
ความรุนแรงในครอบครัวและในความสัมพันธ์คือพฤติกรรมการข่มขู่ทำร้ายในความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด หรือความสัมพันธ์แบบอื่นๆในครอบครัว ซึ่งคนๆหนึ่งอยู่ในสถานะที่มีอำนาจเหนืออีกคนหนึ่งและทำให้อีกฝ่ายเกิดความกลัว มีชื่อเรียกหลายอย่าง เช่น ความรุนแรงในความสัมพันธ์ ความรุนแรงในครอบครัว หรือความรุนแรงของคู่รัก และจัดเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย
ความรุนแรงแบบนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับความสัมพันธ์หลากหลายรูปแบบ ตัวอย่างเช่น ระหว่างสามีและภรรยา หรือแฟนหญิงกับชาย ระหว่างผู้ใหญ่กับเด็ก ระหว่างผู้ใหญ่กับพ่อแม่ที่แก่ชรา หรือระหว่างคนในครอบครัวขยาย เช่น ป้า ลุง หรือ ปู่ย่าตายาย หรือระหว่างคนที่อยู่ด้วยกันโดยไม่จำเป็นต้องมีความสัมพันธ์ทางเพศ เรามักเรียกความรุนแรงนี้ว่าเป็นแบบแผนเชิงบังคับข่มขู่และควบคุม บางทีก็เรียกผู้ทำร้ายว่า “ผู้กระทำความรุนแรง”
ความรุนแรงในครอบครัวและในความสัมพันธ์ไม่ได้ยุติลงเสมอไปเมื่อความสัมพันธ์นั้นสิ้นสุด มันอาจจะเกิดขึ้นกับคนที่เคยเป็นคู่รักกันก็ได้ ซึ่งผู้ทำร้ายจะใช้วิธีการหลายอย่างเพื่อรักษาไว้ซึ่งอำนาจและการควบคุม เช่น
- การทำร้ายร่างกาย เช่น การบีบคอ การทุบตี การผลัก และการข่มขู่ว่าจะทำอันตราย
- การกระทำรุนแรงทางเพศ การบังคับให้มีเพศสัมพันธ์ หรือบังคับให้บุคคลอื่นกระทำเรื่องเพศที่ไม่เต็มใจ
- การทำร้ายจิตใจ ด่าว่า ดูถูกเหยียดหยาม ปฏิบัติอย่างไม่ให้ความเคารพ
- การทำให้โดดเดี่ยวจนไม่ได้รับความช่วยเหลือ แยกตัวออกจากครอบครัวและชุมชน หรือการใช้ครอบครัวและชุมชนเพื่อทำให้อับอาย ซึ่งรวมถึงการส่งข้อความหรือโพสต์ในสังคมออนไลน์
- การตามดูหรือติดตาม ‘ทุกความเคลื่อนไหว’ รวมทั้งการติดตามบนอินเตอร์เน็ทผ่านโซเชียลมีเดีย หรือการใช้อุปกรณ์ติดตาม GPS เป็นต้น
- การทำร้ายจิตใจ เช่น การตำหนิคนที่ถูกทำร้ายว่าเป็นต้นเหตุให้ผู้ทำร้ายมีพฤติกรรมเช่นนั้น การว่าผู้ถูกทำร้ายว่าพวกเขามีปัญหาทางจิต การบิดเบื่อนความจริงโดยจงใจ และการปฏิเสธว่ามีพฤติกรรมการทำร้าย
- การทำร้ายทางการเงิน เช่น การไม่ให้ค่าใช้จ่ายเพื่อกินอยู่ หรือ ‘เงินสำหรับแม่บ้าน’ การห้ามไม่ให้ทำงาน การข่มขู่บังคับให้เซ็นเอกสารทางกฎหมาย หรือใช้กฎหมายการเงินที่ทำให้อีกคนเป็นหนี้ การใช้อำนาจบังคับเอาเงินจากอีกคนหนึ่ง
- การห้ามไม่ให้ประกอบพิธีกรรมตามความเชื่อหรือความศรัทธา หรือการบังคับให้อีกฝ่ายมีความศรัทธาหรือความเชื่อซึ่งไม่ใช่ความเชื่อของเขา
- การทำร้ายหรือขู่ว่าจะทำร้ายคนรัก รวมถึงเด็ก
- การทำร้ายหรือขู่ว่าจะทำร้ายสัตว์เลี้ยง
- การทำร้ายทางกฎหมาย เช่น การใช้ประโยชน์จากระบบกฎหมายครอบครัวเพื่อทำให้อับอาย ทำให้หมดแรง ทำเพื่อเอาเปรียบหรือทำให้อีกฝ่ายหมดศักดิ์ศรี
ผู้ทำร้ายสามารถแสดงการควบคุมได้หลายแบบซึ่งแตกต่างกันไปในแต่ละความสัมพันธ์ ในบางความสัมพันธ์ การไม่ให้ยาที่ใช้เป็นประจำก็นับว่าเป็นการควบคุมรูปแบบหนึ่ง พฤติกรรมที่เป็นการบังคับข่มขู่ เช่น การขู่ฆ่าตัวตาย หรือการทำร้ายตัวเองเมื่ออีกฝ่ายพยายามจะบอกเลิก ก็เป็นส่วนหนึ่งของรูปแบบการควบคุมด้วย ในสถานการณ์ที่ผู้หญิงที่มีความพิการต้องพึ่งพาอีกคนหนึ่งให้ช่วยเหลือหรือดูแล การเลิกดูแลหรือการใช้การดูแลนั้นเป็นเครื่องมือเพื่อควบคุมเป็นการใช้อำนาจที่ยอมรับไม่ได้ การแทรกแซงเรื่องการเลี้ยงดูบุตร โดยการห้ามกล่อมเด็กทารกหรือห้ามให้นมแม่กับเด็กทารกก็เป็นรูปแบบหนึ่งของความรุนแรงในครอบครัวและในความสัมพันธ์ด้วยเช่นกัน
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความรุนแรงภายในครอบครัว
- ปัจจัยส่วนบุคคล พื้นฐานการเกิดปัญหาความรุนแรงส่วนใหญ่มาจากทัศนคติ ความคิด และอารมณ์ในตัวบุคคล
- ปัจจัยด้านครอบครัว อาจเกิดจากการขาดความรัก ความอบอุ่น ขาดการดูแลเอาใจใส่ที่เหมาะสมจากครอบครัว ขาดความเข้าใจซึ่งกันและกัน หรือบางกรณีเกิดกับคนที่อยู่ในครอบครัวที่ใช้ความรุนแรงอยู่ก่อนแล้ว
- ปัจจัยด้านพฤติกรรม ครอบครัวที่มีสมาชิกที่ชอบบังคับขู่เข็ญ มีนิสัยก้าวร้าว อารมณ์ร้อน ดื่มสุรา มีความเครียดมาจากการทำงาน หรือในบางรายมีสมาชิกที่ติดสารเสพติด จะมีโอกาสเกิดความรุนแรงในครอบครัวมากกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับครอบครัวที่สมาชิกไม่มีพฤติกรรมดังกล่าว
- ปัจจัยด้านสื่อ ครอบครัวที่มีพฤติกรรมความชอบส่วนตัว ที่ชอบดูสื่อประเภทที่มีการแข่งขันต่อสู้ หรือในบางครอบครัวที่มีสมาชิกที่ชอบเสพสื่อออนไลน์ที่มีการสื่อถึงความรุนแรงจะมีโอกาสเกิดความรุนแรงในครอบครัวมากกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับครอบครัวที่ไม่มีสมาชิกชอบดูสื่อเหล่านี้
แบบตรวจประเมินพฤติกรรมรุนแรงภายในครอบครัว
องค์กรรีเลชันชิปส์ ออสเตรเลีย (Relationships Australia) ได้จัดทำแบบตรวจประเมินพฤติกรรมขึ้นมา เพื่อให้ผู้ชายที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้ลองทำ ความรุนแรงในครอบครัวนั้นครอบคลุมพฤติกรรมการข่มเหงที่หลากหลาย และการที่เราสามารถเจาะจงได้แต่เนิ่นๆว่าพฤติกรรมใดเป็นพฤติกรรมของ ‘การใช้อำนาจควบคุมคนในครอบครัว’ ก็อาจช่วยรักษาชีวิตผู้คนที่ต้องตกเป็นเหยื่อไว้ได้มากมาย
สำหรับคุณผู้ชายเมื่อคุณอ่านรายการตรวจประเมินข้างล่างนี้ ขอให้ถามตัวเองว่า ‘คุณเคยมีพฤติกรรมแบบนั้นไหมสักครั้งหนึ่ง หรือมากกว่านั้น และแสดงพฤติกรรมนี้กับใคร?’ และสำหรับคุณผู้หญิง ต้องถามตัวเองดูว่าคู่ครองหรือแฟนของคุณเคยมีพฤติกรรมการใช้ความรุนแรงในครอบครัวเหล่านี้บ้างหรือไม่
- ตบตี/คว้าหรือกระชากตัวเข้ามา/ต่อย
- ขว้างปาสิ่งของให้แตก/ปาสิ่งของใส่
- ต่อยผนัง/ทุบโต๊ะ
- ใช้สายตา สีหน้า การกระทำ และท่าทาง เพื่อทำให้เธอรู้สึกเกรงกลัว
- ทำลายสิ่งของของเธอ
- ทำร้ายสัตว์เลี้ยง
- เอาอาวุธมาแสดงให้เห็น
- พยายามทำให้เธอรู้สึกผิดที่ไม่ยอมมีเพศสัมพันธ์ด้วย
- มีเพศสัมพันธ์กับเธอขณะที่เธอนอนหลับ หรือหมดสติจากการเมาสุรา
- ขู่เข็ญให้เธอมีเพศสัมพันธ์กับคุณ
- ขู่ที่จะฆ่าตัวตาย
- พยายามทำให้เธอถอนการแจ้งความกับตำรวจ
- พยายามทำให้เธอถอนการดำเนินคดีกับคุณ
- พูดจาให้เธอรู้สึกหดหู่ สิ้นหวัง หรือหมดกำลังใจ
- จับตาดูการใช้โทรศัพท์มือถือของเธอ
- ตำหนิเกี่ยวกับรูปร่างหรือร่างกายของเธอ
- ทำให้เธอคิดว่าตัวเธอเองเสียสติ
- กำหนดเงินใช้จ่ายให้เธอใช้
- ทำให้เธอรู้สึกผิด
- ควบคุมว่าใครที่เธอสามารถพบได้บ้าง
- ควบคุมสิ่งที่เธออ่าน
- ควบคุมว่าเธอสามารถไปไหนได้บ้าง
- ไม่ยอมให้เธอมีใบขับขี่ หรือไม่ยอมให้เธอมีรถใช้
- ใช้การหึงหวงเป็นเหตุผลอธิบายว่าทำไมคุณจึงมีพฤติกรรมต่างๆเหล่านั้น
- มองว่าพฤติกรรมการข่มเหงของคุณนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร มองว่าความวิตกของเธอไม่ใช่เรื่องสำคัญ
- กล่าวโทษเธอเกี่ยวกับพฤติกรรมการข่มเหงของคุณ
- กล่าวโทษยาเสพติด หรือสุราว่าทำให้คุณมีพฤติกรรมการข่มเหงเหล่านั้น
- กีดกันไม่ให้เธอได้งานทำ หรือกีดกันไม่ให้เธอทำงานต่อไปได้
- ทำให้เธอต้องขอเงินจากคุณ
- ไม่ให้เธอรู้ หรือไม่ให้เธอเข้าถึงเงินรายได้ของครอบครัว
- คาดหวังให้เธอซื้ออาหารทั้งหมด และจ่ายบิลต่างๆ ทั้งๆ ที่ไม่มีเงินเพียงพอ
- ฝากบอกเรื่องต่างๆกับเธอ โดยใช้ลูกเป็นผู้ส่งสาร
- เฝ้าติดตาม และคอยคุกคามเธอทางโซเชียลมีเดีย
- เฝ้าจับตาดูความเคลื่อนไหวของเธอ โดยใช้แอพพลิเคชันโทรศัพท์มือถือ
- คุณคิดว่าพฤติกรรมของคุณสร้างปัญหาให้แก่ความสัมพันธ์ของคุณหรือไม่
หากตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตราย
- พิจารณาความปลอดภัยของตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก
- เตรียมสิ่งของสำคัญ เช่น เอกสารสำคัญ (หนังสือเดินทาง เอกสารการอพยพ สูติบัตร และอื่นๆ) เงินสด และกุญแจสำคัญ ไว้ในกระเป๋า และนำไปเก็บไว้ในที่ปลอดภัย
- โทร 191 ในกรณีขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน
- แสวงหาการปฐมพยาบาลเมื่อได้รับบาดเจ็บ
- เก็บข้อมูลหลักฐาน เช่น ภาพถ่ายที่แสดงถึงอาการบาดเจ็บบนร่างกาย และถ่ายสำเนารายงานทางการแพทย์ ใบแจ้งความ และเก็บข้อมูลจากพยาน
ผลกระทบที่เกิดจากการใช้ความรุนแรงในครอบครัว
ผลกระทบที่เกิดขึ้น มีทั้งผลกระทบที่มีต่อตัวบุคคลที่ถูกกระทำ ไม่ว่าจะเป็นทางร่างกาย ทางจิตใจ และพฤติกรรม รวมไปถึงผลกระทบต่อครอบครัว เนื่องจากครอบครัวที่มีพฤติกรรมรุนแรงจะไม่สามารถทำหน้าที่ครอบครัวได้ดี เพราะสัมพันธภาพระหว่างสมาชิกในครอบครัวถูกทำลาย บุคคลที่เป็นหัวหน้าครอบครัว คือสามีภรรยา หรือพ่อแม่ ไม่สามารถทำหน้าที่ของตนได้ ครอบครัวไม่มีความสงบสุข ขาดความรัก ขาดความอบอุ่น ขาดการดูแลเอาใจใส่ ขาดความสามัคคีและความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ครอบครัวลักษณะนี้จะไม่สามารถดำเนินชีวิตอยู่ได้อย่างปกติในสังคม และจะแยกทางกันไปในที่สุด
สุดท้ายคือผลกระทบต่อสังคม พฤติกรรมรุนแรงในครอบครัวมีผลต่อทั้งความสันติสุขและเศรษฐกิจของสังคม ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นปัญหาเรื้อรังที่ถ่ายทอดถึงคนรุ่นหลังได้อีก จึงเป็นมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่สังคมต้องเข้าใจปัญหาอย่างชัดเจน และตระหนักถึงความ
รุนแรงนี้โดยพร้อมใจกันทุกฝ่าย เพื่อดูแลป้องกันไม่ให้ปัญหาเกิดมากขึ้นอีกในอนาคต
แนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงภายในครอบครัว
- เรียนรู้วิธีควบคุมอารมณ์ เมื่อเกิดเหตุการกระทบกระทั่งกับบุคคลในครอบครัว เราควรที่จะพูดคุยกันด้วยเหตุผล ไม่ใช้อารมณ์นำ และเรียนรู้ที่จะระบายความโกรธแบบไม่ทำร้ายผู้อื่น
- มีเทคนิคหลีกเลี่ยงหรือจัดการอย่างเหมาะสมเมื่อถูกก้าวร้าว เมื่อเกิดเหตุการณ์กระทบกระทั่งกับบุคคลในครอบครัว ที่ส่อเค้าว่าจะเป็นไปในทิศทางที่รุนแรง เราควรที่จะหลีกเลี่ยงเพื่อหาทางทำให้ใจเย็นลงก่อน หลังจากนั้นค่อยพูดคุยกันเพื่อหาข้อยุติ
- ให้ความรักความเข้าใจต่อคนในครอบครัว ควรให้ความรักกับทุกคนในครอบครัวอย่างเท่าเทียมกัน และต้องเรียนรู้ที่จะเอาใจเขามาใส่ใจเรา มีความเห็นอกเห็นใจ เข้าใจซึ่งกันและกัน
- ลดความเครียดด้วยการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ หากบรรยากาศในครอบครัวเริ่มตึงเครียด สมาชิกในครอบครัวมีความสัมพันธ์ที่ห่างเหินกัน เราจึงควรที่จะหากิจกรรมต่างๆให้ทุกคนในครอบครัวได้ทำร่วมกัน เพื่อเป็นการสานสัมพันธ์ให้แก่สมาชิกในครอบครัว
- ขอคำปรึกษาจากญาติหรือเพื่อนที่ไว้ใจได้หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อเกิดปัญหาขึ้นในครอบครัว สิ่งแรกที่เราต้องทำคือการแก้ไขปัญหานั้นในทันที แต่ในบางกรณีที่ปัญหานั้นใหญ่เกินกว่าที่เราคนเดียวจะแก้ไขได้ เราจึงควรขอคำปรึกษาจากบุคคลที่เราไว้ใจได้ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนหรือญาติ เพื่อร่วมกันหาทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
ปัญหาการใช้ความรุนแรงในครอบครัวส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจาก ความเชื่อ ทัศนคติ อารมณ์ การเลียนแบบพฤติกรรมที่ผิด รวมไปถึงความไม่เข้มแข็งของกฎหมาย ที่ไม่สามารถเอาผิดได้ถ้าเป็นการทะเลาะวิวาทกันในครอบครัว และถูกคนส่วหนึ่งในสังคมมองว่าเป็นเรื่องปกติ คนในสังคมจึงควรผลักดันให้ทุกคนตระหนักถึงปัญหาความรุนแรงในครอบครัว ปัญหาอาจจะลดน้อยลงด้วยการแจ้งเจ้าหน้าที่เมื่อพบเห็นความรุนแรงในครอบครัว เพราะความรุนแรงในครอบครัวเป็นเรื่องของสาธารณชน ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องภายในครอบครัวอีกต่อไป
อ่านบทความสำหรับแม่และเด็กอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ >> story.motherhood.co.th
มองหาสินค้าสำหรับแม่และเด็กในราคาสุดพิเศษได้เลยที่ >> Motherhood.co.th