เช้าวันอังคาร คุณตื่นมาพบกับลูกวัยสามขวบร้องไห้โยเย คร่ำครวญ คุณหยิบ สมาร์ทโฟน ออกมา เปิดหนังซักเรื่องก่อนจะยัดมือถือใส่มือลูก เจ้าหนูนั่งเงียบ ตากว้าง ตาจ้องจอ นี่คือวิธีที่คุณแม่สมัยใหม่หลายคนใช้เพื่อกล่อมให้ลูกสงบ
ข้อดีของเทคโนโลยีนี้คือการที่มันช่วยให้การใช้ชีวิตของทุกครอบครัวง่ายขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ภาพของเด็กที่ก้มหน้าเล่นมือถือกลายเป็นภาพชินตาที่เห็นได้ทั่วไป แต่ประมาณไหนล่ะที่จะเป็นตัวบ่งบอกว่าลูกของคุณอาจกำลังติดสมาร์ทโฟนมากเกินไป
แน่นอน ลูกของคุณอาจใช้โทรศัพท์เพื่อเป็นอุปกรณ์ให้ความบันเทิง ใช้เพื่อดูวิดีโอบนยูทูปหรือแม้แต่ดาวน์โหลดเกม การใช้โทรศัพท์มือถือจะเป็นเรื่องใหญ่ก็ต่อเมื่อเจ้าตัวน้อยของคุณแทบจะไม่ยอมวางมือจากโทรศัพท์เลย นั่นแหละคือสัญญาณอันตรายที่พ่อแม่ควรจะต้องรีบสังเกตให้เห็นเสียตั้งแต่เนิ่นๆ
แล้วจะเกิดอะไรขึ้นหากลูกของคุณติดโทรศัพท์มือถือมากเกินไป?
มันส่งกระทบต่อความสามารถในการเรียนรู้ของลูก
สมาร์ทโฟนเป็นส่งที่ส่งผลด้านลบต่อพัฒนาการของเด็กและอาจทำให้เด็กขาดสกิลในการเรียนรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ เด็กๆจะเรียนรู้ได้ดีกว่าเมื่อใช้สื่อการสอนที่จับต้องได้ ไม่ใช่แค่เพียงมองเห็นอย่างเดียว ตัวอย่างเช่น แฟลชการ์ด ของเล่น หรือแม้แต่หนังสือซึ่งจะช่วยในเรื่องของพัฒนาการของเด็ก โดยเฉพาะในเรื่องของความจำ
มันทำให้เด็กๆนอนไม่พอ
การใช้สมาร์ทโฟนบ่อยเกินไปทำให้เจ้าตัวน้อยนอนไม่พอ เหนื่อยล้า และอาจส่งผลต่อคุณภาพในการนอนของเด็ก อย่างไรก็ตาม เด็กทุกคนจำเป็นต้องได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอเพื่อที่จะพักสมองและร่างกายเตรียมตัวสำหรับวันต่อไป และเพื่อให้แน่ใจว่าเจ้าตัวน้อยจะมีพัฒนาการและการเติบโตที่สมบูรณ์แบบ
มันทำให้เด็กขาดความคิดสร้างสรรค์
เด็กๆควรจะใช้เวลาเล่นนอกบ้าน อ่านหนังสือ หรือแม้แต่ทำงานอดิเรกอะไรก็ตามที่ช่วยพัฒนาด้านความคิดสร้างสรรค์ ทว่าการที่เด็กเริ่มใช้สมาร์ทโฟนเร็วเกินไปอาจเป็นการจำกัดจินตนาการของเด็กและทำให้ประสาทสัมผัสของเขาไม่สามารถพัฒนาได้อย่างเต็มที่ นั่นหมายความว่าการใช้สมาร์ทโฟนที่มากเกินไปเท่ากับเป็นการขโมยเวลาที่เด็กๆจะสามารถใช้เพื่อทำกิจกรรมอื่นๆที่จะช่วยพัฒนาในเรื่องของความคิดสร้างสรรค์และพัฒนาการอื่นๆ
มันส่งผลต่อพัฒนาการด้านการเข้าสังคมของเด็ก
สมองของเด็กจะพัฒนาเร็วมากเมื่อตอนที่พวกเขายังเล็ก ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะสอนลูกในเรื่องการมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น แต่การใช้สมาร์ทโฟนที่มากเกินไปจะเข้ามาแทรกแซงปฏิสัมพันธ์ในรูปแบบดังกล่าว การเอาแต่ก้มหน้าเล่นมือถือโดยพยายามหลีกเลี่ยงอายส์คอนแทคท์เป็นเรื่องอันตรายตอ่สมองและพัฒนาการด้านการเข้าสังคม อันที่จริงแล้ว มันอาจส่งผลร้ายแรงถึงขั้นกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกในครอบครัวเลยทีเดียว
มันส่งผลต่อนิสัยของเด็ก
ปฏิเสธเลยไม่ได้ว่าการจ้องจอมือถือนานเกินไปเป็นสิ่งทีส่งผลกระทบต่อสมาธิและความสนใจ เช่นเดียวกับที่ส่งผลกับลักษณะนิสัย ตัวอย่างเช่น การเล่นเกมบนสมาร์ทโฟนจะส่งผลให้เด็กมีอาการสมาธิสั้น ที่จริงแล้ว การจ้องจออะไรก็ตามที่มากเกินไปจะเป็นการทำลายสมองอย่างถาวร! เพราะมันทำให้เด็กเล็กไม่สามารถพัฒนาเรื่องของการโฟกัสเวลาที่ต้องทำอะไรนานๆ เช่นเดียวกับที่มันส่งผลต่อเรื่อง EQ ของเด็ก
มันก่อให้เกิดอาการเสพย์ติด
การใช้สมาร์ทโฟนที่มากเกินไปในเด็กเป็นสิ่งที่เป็นอันตรายต่อพัฒนาการของเด็ก มือถืออาจกลายเป็นสิ่งเสพย์ติดที่กินเวลาเกือบทั้งหมดของลูก หรือแย่ไปกว่านั้น มันอาจส่งผลระยะยาวต่อสภาวะจิตใจของลูกแม้กระทั่งเมื่อเขาหรือเธอกลายเป็นผู้ใหญ่
การเป็นพ่อแม่ คุณจะต้องเป็นตัวอย่างให้กับลูกในเรื่องของการใช้สมาร์ทโฟนเช่นเดียวกับที่จะต้องคอยสังเกตดูนิสัยของลูกไปด้วย เป็นเรื่องยากที่จะดึงเจ้าตัวน้อยออกมาจากโลกของเทคโนโลยี เราหมายถึงพ่อแม่บางคู่ด้วย แม้แต่ผู้ใหญ่เองก็ยังถูกดึงดูดเข้าหาอุปกรณ์ชิ้นนี้แม้กระทัั่งเวลาขับรถหรือแม้แต่เวลาทานข้าว สมาร์ทโฟนควรเป็นสื่อเพื่อการเรียนรู้และเติบโต แต่มันไม่ควรเป็นสื่อการเรียนรู้เพียงชนิดเดียวที่เด็กสามารถเข้าถึง ดังนั้น สำคัญมากที่พ่อกับแม่จะต้องคอยเฝ้าดูและควบคุมการใช้มือถือของเจ้าตัวน้อยเสียตั้งแต่ตอนที่พวกเขายังเล็ก
***
ทุกสิ่งที่เลือกสรรสำหรับเจ้าตัวน้อย: Motherhood.co.th
หลากหลายเรื่องราวและเคล็ดลับในการเลี้ยงลูก: Story.Motherhood