ทำประกันให้ลูก ข้อดีคืออะไร ทำที่ไหนคุ้ม
เรื่องราวของสุขภาพลูกน้อยน่าจะเป็นสิ่งที่คนเป็นพ่อแม่เป็นห่วงมากที่สุด และในสมัยนี้ค่ารักษาพยาบาลก็แพงเอาเรื่อง “ทำประกันให้ลูก” จึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่พ่อแม่หลายคนกำลังมองหา เพราะมันจะช่วยแบ่งเบาภาระทางการเงินไปได้มาก แต่หลายๆบ้านอาจจะยังไม่มีความรู้ด้านนี้มากนัก หรือไม่แน่ใจว่าการซื้อประกันสุขภาพเป็นสิ่งที่จำเป็นจริงๆหรือไม่กันแน่ เพื่อช่วยคุณพ่อคุณแม่ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น Motherhood จึงรวบรวมข้อมูลและรายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับประกันสุขภาพของลูกน้อยมาให้คุณพ่อคุณแม่ได้ลองพิจารณาก่อนตัดสินใจค่ะ

ข้อดีของการทำประกันสุขภาพให้ลูก
1. ได้ความสบายใจ
สิ่งนี้น่าจะเป็นเหตุผลหลักๆที่พ่อแม่หลายคนนิยมซื้อประกันสุขภาพให้ลูกน้อย เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมาคอยกังวลว่าถ้าเกิดลูกป่วยแล้วเราต้องจ่ายค่ารักษาแพงๆ เราจะเตรียมเงินจากไหน ในบางเคสค่ารักษาพยาบาลอาจจะถึงขั้นหลายแสนบาทก็เป็นได้ ซึ่งถ้าเรารู้ว่าเราต้องจ่ายค่าเบี้ยปีละเท่านั้นเท่านี้ เราก็น่าจะเตรียมการง่ายกว่า เทียบกับการที่เราจะต้องมาจ่ายเงินก้อนใหญ่มากตอนลูกต้องเข้าโรงพยาบาล
2. มีโอกาสหายเร็วขึ้น
แน่นอนว่าพอเรามีประกันสุขภาพให้ลูกแล้ว พ่อแม่ก็ไม่ต้องคิดมากเลยว่า เมื่อลูกป่วย เราจะเลือกไปโรงพยาบาลดี หรือเลือกที่จะรอให้อาการลูกทุเลาลงเองดี ซึ่งการที่รอให้อาการดีขึ้นบ้าง หรือการไปซื้อยามาให้ลูกกินเองบ้าง จะกลายเป็นการรักษาที่ไม่ถูกจุด อาการก็ไม่หาย กว่าพ่อแม่จะพาเด็กมาโรงพยาบาลก็อาการหนักแล้ว แบบนี้ก็ทำให้แพทย์รักษาได้ยากขึ้น แถมค่ารักษาก็สูงขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย หากเด็กไม่มีประกันสุขภาพ จนพ่อแม่ต้องมัวแต่กลัวว่าจะเสียเงิน เลยไม่พาไปรักษาที่โรงพยาบาล ทำไปทำมามันจะเข้าข่าย “เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย” เอาได้
3. ได้ความคุ้มครองทุกโรค
ข้อนี้ถือเป็นข้อดีที่สำคัญมากเลยก็ว่าได้ เพราะการทำประกันสุขภาพให้ลูกตั้งแต่เขายังอายุน้อย มีข้อดีก็คือ เด็กจะไม่มีประวัติการเจ็บป่วยอะไรมาก่อน ดังนั้นเมื่อกรมธรรม์อนุมัติจึงคุ้มครองทุกโรค แต่ในรายที่มาทำประกันสุขภาพเอาเมื่ออายุมากแล้ว ส่วนใหญ่จะเจอปัญหา เพราะมีประวัติสุขภาพมาก่อนทำประกัน เช่น ความดันสูง เบาหวาน หรือเคยเป็นเนื้องอก ดังนั้นบริษัทประกันก็จะรับประกันยากขึ้น หรืออาจจะต้องถูกเพิ่มเบี้ยประกัน หรือถูกยกเว้นการคุ้มครองโรคที่เคยเป็นมาก่อน
ดังนั้น พ่อแม่จึงไม่ควรละเลยเรื่องการทำประกันสุขภาพให้กับลูกรัก ซึ่งในทุกวันนี้เราก็สามารถเลือกประกันสุขภาพได้หลากหลายกว่าแต่ก่อนมาก แต่ก่อนจะตัดสินใจซื้อประกัน ควรเลือกและตรวจสอบผลประโยชน์ที่จะได้รับจากแผนนั้นๆให้ดีเสียก่อน และควรต้องอยู่บนพื้นฐานความเหมาะสมของงบประมาณที่มีเทียบกับรายได้ของพ่อแม่ด้วย เพราะถ้าเราเลือกประกันแบบเบี้ยที่สูงเกินไป ก็อาจจะทำให้เราขาดอายุในภายหลังได้
เมื่อทราบข้อดีของการมีประกันสุขภาพแล้ว สิ่งที่ต้องทำต่อมาคือศึกษารายละเอียดของความคุ้มครอง เงื่อนไขและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ลูกจะได้รับให้ดี เพราะแต่ละบริษัทจะมีแผนประกันสุขภาพไม่เหมือนกัน การวางแผนทำประกันสุขภาพเด็กจะต้องศึกษาและพิจารณาจากคุณสมบัติดังนี้
1.ความคุ้มครอง
- ความคุ้มครองแบบผู้ป่วยนอก คือ การรักษาแบบที่ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล ซึ่งประกันจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ คุณพ่อคุณแม่จะต้องให้ความสำคัญกับวงเงินค่ารักษาแบบผู้ป่วยนอกในการทำประกันสุขภาพเด็กด้วย โดยการพิจารณาว่า ใน 1 ปี ลูกของคุณมีโอกาสเจ็บป่วยกี่ครั้ง เช่น ในสภาวะที่อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ต้องซื้อประกันสุขภาพเด็กในวงเงินเท่าไหร่จึงจะเพียงพอ การซื้อประกันสุขภาพที่คุ้มครองค่ารักษาแบบผู้ป่วยนอกนั้น เวลาพาลูกไปหาหมอแบบไม่ต้องเข้าพักที่โรงพยาบาลเราก็สามารถนำใบเสร็จพร้อมใบรับรองแพทย์ไปเบิกประกันหรือจะใช้ระบบ Fax Claim ก็ได้ โดยที่เราไม่ต้องจ่ายเงิน หรืออาจจะจ่ายเพิ่มอีกนิดหน่อย หากค่าใช้จ่ายเกินจำนวนวงเงินประกันที่ซื้อไว้
- ความคุ้มครองแบบผู้ป่วยใน คือ การรักษาแบบที่ต้องนอนโรงพยาบาล ความคุ้มครองประเภทนี้ มีไว้รองรับความเสี่ยงเมื่อลูกมีอาการเจ็บป่วยจนต้องนอนโรงพยาบาล เนื่องจากเด็กๆมีความเสี่ยงในการนอนโรงพยาบาลมากกว่าผู้ใหญ่ ในการเข้ารักษาตัวแต่ละครั้งก็จะขึ้นอยู่กับวงเงินประกันภัยของลูกน้อยที่คุณพ่อคุณแม่เลือกซื้อ ว่าครอบคลุมค่าใช้จ่ายมากน้อยแค่ไหน ซึ่งถ้าคุณพ่อคุณแม่เคยพาลูกเข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลนั้นๆมาก่อน ก็สามารถเอาใบเสร็จไปปรึกษาตัวแทนประกันได้ว่า จากอัตราค่ารักษาพยาบาลของโรงพยาบาลที่เราใช้บริการนั้น เราควรซื้อประกันสุขภาพแบบไหน ด้วยอัตราค่าเบี้ยประกันเท่าไร เพื่อที่คุณพ่อคุณแม่จะได้ไม่ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันที่สูงเกินไป สำหรับประกันสุขภาพที่คุ้มครองค่ารักษาแบบผู้ป่วยใน ความคุ้มครองที่ได้รับก็จะประกอบด้วย
- ค่าห้องและค่าอาหาร
- ค่าบริการทั่วไป
- ค่าใช้จ่ายในกรณีที่มีการรักษาพยาบาลฉุกเฉินหลังการเกิดอุบัติเหตุ
- ค่าใช้จ่ายสำหรับแพทย์เยี่ยมไข้
- ค่ารักษาทางการแพทย์ต่างๆ
2.เงื่อนไขความคุ้มครอง
สิ่งที่สำคัญรองลงมาจากความคุ้มครองก็คือเงื่อนไขความคุ้มครอง คุณพ่อคุณแม่ควรที่จะต้องศึกษาเงื่อนไขให้ดีๆ ว่าสิ่งที่ควรได้รับคืออะไรบ้าง เช่น
- การจ่ายเบี้ยชดเชยสูงมากพอในยามที่เจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุหรือไม่
- ค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอกจากอุบัติเหตุ และต่อเนื่องจากการรักษาผู้ป่วยใน ได้เท่าไหร่
- ต้องสำรองจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลหรือไม่
- คิดเปอร์เซ็นต์เพิ่มของค่าใช้จ่ายส่วนที่เกินตามตารางค่าผ่าตัดและค่ารักษาพยาบาลหรือไม่
3.ประกันสุขภาพที่จะเลือกมีระยะเวลารอคอยหรือไม่
ระยะเวลารอคอย คือ ระยะเวลาที่ผู้เอาประกันยังไม่สามารถเรียกร้องเงินชดเชยได้ ต้องให้ผ่านระยะเวลานี้ไปก่อนจึงจะสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้
4.ความคุ้มครองเพิ่มเติม
นอกจากความคุ้มครองหลักแล้ว คุณพ่อคุณแม่ยังควรตรวจสอบความคุ้มครองเพิ่มเติมอื่นๆให้ดีด้วย เช่น ค่าชดเชยในการนอนโรงพยาบาล ค่าแพทย์ทางเลือก ค่าทำฟัน เป็นต้น
การทำประกันสุขภาพสำหรับเด็กจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะถึงแม้เราจะวางแผนการดำเนินชีวิตให้ลูกน้อยของเราได้ดีแล้วก็ตาม แต่อนาคตไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับลูกๆของเราบ้าง อย่างน้อยการทำประกันไว้จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่อุ่นใจได้เมื่อเกิดโรคภัยขึ้นกับลูกน้อย
ซื้อประกันให้ลูกแบบไหนดี?
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังตัดสินใจจะซื้อประกันให้ลูก กำลังมองหาบริษัทประกันและแผนประกันชีวิต จะเลือกแบบไหนดีและคุ้มค่า ลองมาดูตัวอย่างความคุ้มครองของแผนประกันแบบต่างๆด้วยกันค่ะ
1. ประกันเอไอเอ | AIA H&S Extra
ประกันสุขภาพสำหรับเด็กเล็ก ที่มีอายุ 1 เดือน ถึง 5 ปี
- ค่าห้อง ค่าอาหาร และค่าบริการพยาบาล สูงสุด 6,500 บาทต่อวัน (ห้อง ICU ชดเชยเพิ่มเป็น 2 เท่า)
- ค่าแพทย์ผ่าตัดและหัตถการ สูงสุด 120,000
- ค่าแพทย์ตรวจรักษาประจำวัน 1,200 บาท
- ค่ารักษาพยาบาลอื่น ๆ สูงสุด 40,000 บาท
- ค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉินสำหรับการเป็นผู้ป่วยนอก (เนื่องจากอุบัติเหตุ) 7,000 บาท
2. ประกันอลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต | ประกันสุขภาพเด็กเหมาจ่าย
ให้ลูกรักของได้รับการรักษาเต็มที่และดีที่สุด เมื่อต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาล คุณพ่อคุณแม่สบายใจได้ หมดห่วงเรื่องค่าใช้จ่าย
- สำหรับเด็กตั้งแต่อายุ 1 เดือน 1 วัน ถึง 10 ปี (ต่อได้ถึงอายุ 84 ปี)
- ต้องซื้อควบคู่กับสัญญาหลักตามกฎเกณฑ์ที่บริษัทกำหนด
- วงเงินความคุ้มครองสูงถึง 1.2 ล้านบาทต่อปี และปรับเพิ่มเป็ น 2 ล้านบาทต่อปี เมื่อเด็กมีอายุ 11 ปี ขึ้นไป
- ค่าแพทย์เยี่ยมไข้ ต่อวัน 2,000 บาท
- ค่าห้อง ค่าอาหาร และค่าบริการพยาบาล สูงสุด 3,000 บาทต่อวัน
- ค่าห้อง ค่าอาหาร และค่าบริการพยาบาล ห้องผู้ป่วยหนัก ICU สูงสุด 6,000 บาทต่อวัน
- ค่ายากลับบ้าน (ไม่เกิน 7 วัน ต่อการเข้ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลแต่ละครั้ง) 1,500 บาท
3. ประกันกรุงไทย – แอ็กซ่า ประกันชีวิต | ประกันสุขภาพสำเร็จรูป iKid
แบบประกันสุขภาพสำเร็จรูป ให้ลูกน้อยเรียนรู้ได้อย่างเต็มที่ โดยที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป
- อายุรับประกันภัย 1 เดือน ถึง 15 ปี ต่อสัญญาได้จนถึงอายุ 21 ปี
- ความคุ้มครองการสูญเสียชีวิต (ทุกกรณี) ตามจำนวนเงินเอาประกันภัยที่ผู้ขอเอาประกันภัยเลือก (ขั้นต่ำ 1,000,000 บาท)
- ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยในแบบเหมาจ่ายสูงสุดรวมทุกความคุ้มครองไม่เกิน 6,000,000 ต่อปี
- ใส่ใจการดูแลรักษาด้วยผลประโยชน์ผู้ป่วยนอก(OPD) 35,000 บาท ต่อปี (และไม่เกินผลประโยชน์รวมสูงสุดต่อปี)
- รับเงินจ่ายคืนประจำปี ตั้งแต่สิ้นปีที่ 2 จนครบสัญญา และ ครบกำหนดสัญญา (อายุครบ 90 ปี) รับ 100% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ณ วันครบกำหนดสัญญา
4. ประกันเมืองไทยประกันชีวิต | เมืองไทย สมาร์ท โพรเทคชั่น 99/20
สร้างหลักประกันเงินล้านให้ครอบครัวได้ง่ายๆ คุ้มครอง 100% ยาวไปจนถึงครบอายุ 99 ปี จ่ายเบี้ยไม่แพง
- อายุรับประกันภัย 30 วัน ถึง 70 ปี ระยะเวลาชำระเบี้ยประกันภัย 20 ปี
- ค่าห้อง ค่าอาหาร และค่าบริการพยาบาล สูงสุด 4,000 บาทต่อวัน
- ค่าแพทย์ผ่าตัดและหัตถการ สูงสุด 90,000 บาท
- ค่ารักษาพยาบาลทั่วไปต่อครั้ง สูงสุด 30,000 บาท
- ค่าแพทย์ตรวจรักษาต่อครั้ง 1,000 บาท
- ค่าเบี้ยโดยเฉลี่ย ปีละ 21,500 ถึงอายุ 5 ปี หลังจาก 6 ปีขึ้นไปเบี้ยจะลดลง
5. ประกันไทยสมุทรประกันชีวิต | รักจัดเต็ม สบายใจเรื่องค่ารักษา
คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องสำรองค่าใช้จ่าย เมื่อเด็กเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลเครือข่าย (ในฐานะผู้ป่วยใน) และคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉินขณะเป็นผู้ป่วยนอก
- อายุรับประกันภัย 1 เดือน 1 วัน ถึง 64 ปี ต่อสัญญาได้ถึงอายุ 69 ปี สิ้นสุดสัญญาเมื่ออายุครบ 70 ปี
- ค่าห้อง ค่าอาหาร และค่าบริการพยาบาล สูงสุด 5,000 บาทต่อวัน
- ค่าห้อง ค่าอาหาร และค่าบริการพยาบาล ห้องผู้ป่วยหนัก ICU (สูงสุด 10,000 บาทต่อวัน)
- ค่าแพทย์ผ่าตัดและหัตถการ สูงสุด 120,000
- ค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉินขณะเป็นผู้ป่วยนอก (เนื่องจากอุบัติเหตุ) สูงสุด 10,000 บาท
Motherhood หวังว่าข้อมูลของประกันสุขภาพสำหรับลูกที่นำมาฝากในวันนี้จะเป็นประโยชน์ต่อพ่อแม่หลายคนที่กำลังมองหาประกันสุขภาพ และจะสามารถช่วยเลือกประกันที่เหมาะสมให้กับเด็กได้นะคะ การทำประกันสุขภาพให้แก่ลูกน้อยถือว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะว่าเราไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับลูกของเราหรือไม่ การมีประกันเอาไว้ทำให้พ่อแม่อุ่นใจ เพราะยามที่ลูกไม่สบายก็สามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่ต้องการได้ค่ะ
อ่านบทความสำหรับแม่และเด็กอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ >> story.motherhood.co.th
มองหาสินค้าสำหรับแม่และเด็กในราคาสุดพิเศษได้เลยที่ >> Motherhood.co.th