น้ำหนักทารกแรกเกิด ลูกหนักน้อยไปน่าห่วงมั้ย ?
“น้ำหนักทารกแรกเกิด” เป็นสิ่งที่พ่อแม่ล้วนเป็นกังวล แม้แต่แพทย์เองก็ให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ หลังจากที่ทารกคลอดออกมา เพราะน้ำหนักของทารกแรกเกิดนั้นเป็นข้อมูลที่ชี้วัดความเสี่ยงต่าง ๆ เช่น ความไวต่อการเจ็บป่วย ภาวะความพิการ แต่น้ำหนักเท่าไหร่ละถึงจะเรียกว่าเป็นน้ำหนักแรกคลอดที่ปกติ
น้ำหนักทารกแรกเกิดแบบไหนที่ปกติ ?
ในการดูน้ำหนักแรกเกิดของทารกนั้น เราสามารถจำแนกได้ตามปัจจัยดังต่อไปนี้
1. จำแนกตามน้ำหนักแรกคลอด
- น้อยกว่า 1,000 กรัม เรียกว่าน้ำหนักน้อยมาก ๆ (Extremely Low Birth Weight)
- 1,000-1,500 กรัม เรียกว่า น้ำหนักน้อยมาก (Very Low Birth Weight)
- ทารกแรกเกิดที่มีน้ำหนักระหว่าง 1,501-2,499 กรัม เรียกว่า น้ำหนักน้อย (Low Birth Weight)
- 2,500-4,000 กรัม เรียกว่าน้ำหนักปกติ
- มากกว่า 4,000 กรัม เรียกว่าน้ำหนักมากผิดปกติ
2. จำแนกตามอายุครรภ์
- คลอดก่อน 37 สัปดาห์ของการตั้งครรภ์ เรียกว่าทารกคลอดก่อนกำหนด
- ระหว่าง 37-42 สัปดาห์ของการตั้งครรภ์ เรียกว่าทารกคลอดครบกำหนด
- คลอดหลัง 42 สัปดาห์ของการตั้งครรภ์ เรียกว่าทารกคลอดหลังกำหนด
3. ใช้การคำนวณตามน้ำหนักแรกเกิดและอายุในครรภ์
โดยนำน้ำหนักแรกเกิดและอายุในครรภ์มาเปรียบเทียบกัน สามารถกำหนดได้ ดังนี้
- น้ำหนักน้อยกว่าอายุในครรภ์ (SGA) หมายถึง ทารกแรกเกิดที่มีน้ำหนักต่ำกว่าเปอร์เซนต์ไทล์ที่ 10 เมื่อเทียบกับทารกปกติที่มีอายุในครรภ์เท่ากัน หรือเรียกว่า ทารกแรกเกิดที่มีน้ำหนักต่ำกว่าอายุครรภ์
- น้ำหนักเหมาะสมกับอายุในครรภ์ (AGA) หมายถึง ทารกแรกเกิดที่มีน้ำหนักอยู่ระหว่างเปอร์เซนต์ไทล์ที่ 10 ถึง 90 เมื่อเทียบกับทารกปกติที่มีอายุในครรภ์เท่ากัน หรือเรียกว่า ทารกแรกเกิดที่มีน้ำหนักเหมาะสมกับอายุครรภ์
- น้ำหนักมากกว่าอายุในครรภ์ (LGA) หมายถึง ทารกแรกเกิดที่มีน้ำหนักมากกว่าเปอร์เซนต์ไทล์ที่ 90 เมื่อเทียบกับทารกปกติที่มีอายุในครรภ์เท่ากัน หรือเรียกว่า ทารกแรกเกิดที่มีน้ำหนักมากกว่าอายุครรภ์
ความเสี่ยงของทารกที่มีน้ำหนักแรกเกิดน้อยกว่าปกติ
คงไม่ถูกต้องนักหากเราจะกล่าวว่าน้ำหนักตัวของทารกแรกเกิดเพียงอย่างเดียวเป็นสิ่งที่มีผลโดยตรงกับความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับตัวทารก เพราะนอกจากเราจะดูน้ำหนักทารกแรกเกิดแล้ว เรายังต้องพิจารณาถึงกำหนดคลอดและอายุในครรภ์ประกอบอีกด้วย ดังนั้น ทารกที่เกิดครบกำหนดคลอดแต่มีน้ำหนักตัวน้อย ก็อาจจะไม่มีปัญหาหรือมีความเสี่ยงต่ออาการต่าง ๆ อย่างที่เด็กแรกเกิดที่มีน้ำหนักน้อยอาจจะมี อย่างไรก็ตาม อาการเหล่านี้ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในทารกแรกเกิดที่มีน้ำหนักน้อย
- ความเสี่ยงในการเสียชีวิตในระยะปริกำเนิด คำว่าปริกำเนิด หมายถึง การเสียชีวิตของตัวอ่อนหรือทารกแรกเกิดในช่วงของการคลอด ก่อนการคลอด และหลังการคลอดที่มีระยะเวลาน้อยกว่า 28 วัน
- ความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตในขวบปีแรก
- ความไวต่อการเจ็บป่วยและติดเชื้อต่าง ๆ
- ปัญหาทางด้านการหายใจที่เรียกว่า ภาวะกดการหายใจในทารกแรกคลอด (Respiratory Distress Syndrome – RDS)
- ความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia) เป็นภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อระดับน้ำตาลในเลือดลดลงอย่างผิดปกติและเป็นอันตราย
- ปัญหาในการดูดนม
- ปัญหาทุพโภชนาการ
- ความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะเลือดข้น (Polycythemia) เป็นภาวะที่ไขกระดูกผลิตเซลล์เม็ดเลือดในจำนวนที่มากผิดปกติ ทำให้เลือดข้นขึ้น ส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือดที่ไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ในร่างกาย ส่งผลให้ทารกแรกเกิดหน้าแดง มือและเท้าแดง ความดันโลหิตสูง เลือดกำเดาไหล เกิดรอยฟกช้ำ
- มีพัฒนาการช้า
สาเหตุที่ทารกแรกเกิดมีน้ำหนักน้อย
- การคลอดก่อนกำหนด
- ครรภ์แฝด ส่งผลให้เกิดการแบ่งพื้นที่ในครรภ์ รวมทั้งแบ่งอาหาร
- มีโรคทางพันธุกรรม
- มีปัญหาเกี่ยวกับรก เช่น รกเสื่อม รกลอกตัวก่อนกำหนด เลือดจึงไม่สามารถเข้าไปหล่อเลี้ยงทารกในครรภ์ได้
- เกิดภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ เช่น ภาวะความดันโลหิตสูง ภาวะเลือดข้นขณะตั้งครรภ์
- แม่ท้องไม่พร้อมในขณะที่ยังอายุน้อย อาจส่งผลให้บำรุงครรภ์ไม่ได้ดีเท่าที่ควร
- แม่เกิดการติดเชื้อระหว่างตั้งครรภ์ เช่น ทางเดินปัสสาวะอักเสบ หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น ซิฟิลิส เริม
- ตั้งครรภ์หลังจากที่คลอดลูกคนก่อนหน้าไม่ถึง 6 เดือน
- ควันบุหรี่มือสองจากคนรอบตัวแม่ระหว่างตั้งครรภ์
- ภาวะทุพโภชนาการของแม่
แต่สาเหตุเหล่านี้ไม่ได้ครอบคลุมถึงทารกแรกเกิดที่มีน้ำหนักน้อยจากกรรมพันธุ์ ซึ่งจัดเป็นภาวะที่ไม่มีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตและเกิดโรค
ทำอะไรได้บ้าง หากทารกมีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ ?
- ให้ทารกได้กินนมแม่อย่างต่อเนื่อง เพราะทารกแรกคลอดที่มีน้ำหนักตัวต่ำกว่าเกณฑ์นั้น มักจะมีความต้องการสารอาหารต่าง ๆ เช่น โปรตีน เกลือแร่ วิตามิน แคลเซียม สูงกว่าทารกที่มีน้ำหนักปกติทั่วไป นมแม่จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและเสริมสร้างการเจริญเติบโตให้กับทารกที่มีน้ำหนักแรกคลอดน้อยได้เป็นอย่างดี
- หมั่นตรวจเช็คน้ำหนักและการเจริญเติบโตของลูกอยู่เสมอ
- พาลูกไปฉีดวัคซีนให้ครบทุกอย่างตามกำหนด
- ดูแลเรื่องการหายใจของลูก ให้ทางเดินหายใจโล่งอยู่เสมอ โดยการดูดเสมะที่ค้างในปากและลำคอ หากลูกอาเจียนในระหว่างหรือหลังจากการให้นม จะต้องดูดเสมหะในปากก่อน แล้วจึงค่อยดูดที่จมูก เพื่อป้องกันการสำลักเข้าหลอดลม
- ระบบย่อยอาหารและการดูดซึมสารอาหารยังไม่ดีพอ ดังนั้น ควรจับทารกเรอเพื่อไล่ลมทุกครั้งหลังจากให้นม เพื่อป้องกันการสำลัก
วิธีป้องกันทารกแรกเกิดน้ำหนักตัวน้อย
- รับประทานอาหารให้มากเพียงพอและในปริมาณที่เหมาะสม
- หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่จะเป็นเหตุให้ทารกในครรภ์เจริญเติบโตช้า
- หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้ทารกคลอดก่อนกำหนด
- ไม่ควรทำงานหนักจนเกินไป
- พักผ่อนให้เพียงพอ
อ่านบทความสำหรับแม่และเด็กอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ >> story.motherhood.co.th
มองหาสินค้าสำหรับแม่และเด็กในราคาสุดพิเศษได้เลยที่ >> Motherhood.co.th