Site icon Motherhood.co.th Blog

ปลูกฝี คืออะไร ต้องให้ทารกทำหรือไม่

การปลูกฝีให้เด็ก

มาทำความรู้จักกับการปลูกฝีกันเถอะ

ปลูกฝี คืออะไร ต้องให้ทารกทำหรือไม่

ในการดูแลทารกน้อยสำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เราต้องให้ความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการให้นม การอุ้มเรอ การทำความสะอาดสะดือ แต่การดูแลแผล “ปลูกฝี” กลับเป็นเรื่องที่หลายคนหลงลืมไป วันนี้ Motherhood จะพาไปทำความรู้จักว่าฝีจากการฉีดวัคซีนมีลักษณะแบบไหน และจะมีวิธีดูแลลูกน้อยได้อย่างไรบ้าง

การปลูกฝีคืออะไร

ทารกแรกเกิดทุกคนจะได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันวัณโรค (Bacillus Calmette-Guérin: BCG) เพื่อช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย เป็นการป้องกันไม่ให้เป็นวัณโรค โดยการฉีดวัคซีน BCG เข้าที่บริเวณต้นแขนของเด็ก ซึ่งหลังจากการฉีดวัคซีนมักจะทิ้งแผลเป็นไว้ จึงกลายเป็นที่มาของคำว่าปลูกฝี เพราะมีแผลเป็นที่เกิดจากการฉีดวัคซีนนั่นเอง

การปลูกฝีคือแผลเป็นที่ได้มาจากวัคซีนป้องกันวัณโรค

วัคซีนป้องกันวันโรคสำคัญอย่างไร

เนื่องจากทารกยังไม่มีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง จึงมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อได้ง่าย โดยเฉพาะทารกแรกเกิดไปจนถึงเด็กเล็กอายุประมาณ 5 ปี ซึ่งวัณโรคนั้นถือเป็นโรคติดต่อร้ายแรง โรคนี้เกิดขึ้นจากเชื้อแบคทีเรีย เมื่อร่างกายได้รับเชื้อเข้าไปจะทำให้มีอาการต่าง ๆ เช่น ไข้ต่ำ น้ำหนักลด เบื่ออาหาร ต่อมน้ำเหลืองโต และอาจร้ายแรงถึงขั้นเกิดอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบ หากอาการหนักก็สามารถทำให้เด็กเสียชีวิตได้ และในประเทศไทยของเราพบว่ามีผู้ที่ป่วยเป็นวัณโรคสูง จนทำให้ติดอันดับที่ 18 ของโลก ดังนั้น จึงต้องมีการฉีดวัคซีนชนิดนี้ให้กับทารกแรกเกิดทุกคน เพื่อป้องกันและลดปริมาณผู้ป่วยให้น้อยลงดังนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกน้อยเป็นวัณโรค คุณพ่อคุณแม่ควรให้ทารกได้รับวัคซีน BCG ซึ่งในปัจจุบัน ประเทศไทยได้กำหนดให้วัคซีน BCG เป็นหนึ่งในวัคซีนพื้นฐานที่ทารกแรกเกิดต้องได้รับการฉีดทุกคน

อัตราผู้ป่วยวัณโรคในไทยยังสูง การฉีดวัคซีนจึงจำเป็นมาก

การฉีดวัคซีนวัณโรคทำอย่างไร

ตำแหน่งในการฉีดวัคซีนวัณโรคคือบริเวณต้นแขนข้างซ้าย เหตุผลที่แพทย์นิยมปลูกฝีให้ที่ต้นแขนมากกว่าบริเวณอื่น เช่น สะโพก เป็นเพราะทารกต้องใส่ผ้าอ้อมเป็นประจำ หากมีแผลปลูกฝีในบริเวณนั้นอาจทำให้เกิดการเสียดสีกับแผล และก่อให้เกิดความเจ็บปวดกับทารก อีกทั้งทำให้ติดเชื้อได้ง่ายด้วย ดังนั้น แพทย์จึงนิยมปลูกฝีให้บริเวณต้นแขนมากกว่าในบริเวณอื่น ๆ เพราะคุณพ่อคุณแม่จะดูแลแผลให้ลูกน้อยง่ายและปลอดภัยต่อทารกมากกว่า

ลักษณะของแผลปลูกฝี

หลังจากการปลูกฝี ผิวตรงต้นแขนของทารกจะเกิดเป็นตุ่มนูน จากนั้นจะแตกออกเป็นแผลเล็ก ๆ มีหนองบ้าง และจะเป็น ๆ หาย ๆ แบบนี้ไปประมาณ 6 สัปดาห์ จึงจะหายเป็นปกติ โดยในช่วงนี้ร่างกายของทารกกำลังสร้างภูมิคุ้มกันโรคอยู่ ตามปกติแล้ว ทารกส่วนใหญ่จะมีรอยแผลเป็นทิ้งไว้ให้เห็นไปจนเขาโต แต่มีเด็กเพียง 1 ใน 10 คนเท่านั้นที่จะไม่มีรอยแผลเป็นหลงเหลือหลังจากการฉีดวัคซีนชนิดนี้ ดังนั้น หากพบว่าลูกไม่มีฝีขึ้นในตำแหน่งที่ฉีดวัคซีนเหมือนที่เด็กคนอื่น ๆ มีกัน คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ต้องกังวลว่าการฉีดวัคซีนอาจจะไม่ได้ผล เพราะการไม่มีรอยแผลเป็นหรือรอยปลูกฝีเป็นเรื่องที่อาจเกิดขึ้นได้ และไม่ได้ส่งผลเสียใดๆ ต่อทารกน้อยเลย

มีทารกเพียง 1 ใน 10 คนเท่านั้น ที่จะไม่มีแผลปลูกฝี

วิธีดูแลหลังจากฉีดวัคซีน

หลังจากการฉีดวัคซีนแล้ว คุณพ่อคุณแม่สามารถอาบน้ำให้ทารกได้ตามปกติ เพียงแค่ดูแลความสะอาดแล้วซับน้ำบริเวณที่ฉีดให้แห้ง โดยใช้สำลีสะอาดชุบน้ำต้มสุกที่เย็นแล้ว นำมาเช็ดบริเวณรอบ ๆ แผล พยายามไม่ให้โดนแผลโดยตรง และไม่ควรใส่ยาใด ๆ ที่แผล หรือใช้ผ้าพันแผลไปพันทับแผลไว้ นอกจากนี้ควรให้ทารกใส่เสื้อผ้าหลวม ๆ เพื่อไม่ให้เกิดความอับชื้นหรือเสียดสีกับแผล เพราะจะส่งผลให้แผลหายช้าหรือเกิดการอักเสบจนติดเชื้อได้

โดยปกติแล้วฝีจะแห้งและหายดีได้เอง แต่หากคุณพ่อคุณแม่สังเกตเห็นฝีกลายเป็นตุ่มหนองขนาดใหญ่ หรือพบว่ามีก้อนบวมขึ้นที่รักแร้ข้างที่ฉีดวัคซีน หรือพบว่าทารกมีต่อมน้ำเหลืองโตเกิน 1.5 เซนติเมตร ควรรีบพาลูกไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาทันที เพราะอาการเหล่านี้แสดงว่าอาจเกิดการติดเชื้อหรือเกิดความผิดปกติบางอย่าง หากปล่อยเอาไว้จะเป็นอันตรายต่อทารกได้

คุณพ่อคุณแม่พึงตระหนักไว้ว่า แม้ทารกจะได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว เขาก็ยังมีโอกาสเป็นวัณโรคได้อีก เพราะวัคซีนเป็นแค่ตัวช่วยในการป้องกันโรคเท่านั้น มันทำให้มีโอกาสเสี่ยงน้อยลง แต่มันก็ยังไม่สามารถป้องกันได้ 100% นะคะ ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงต้องดูแลสุขภาพของลูกน้อยให้แข็งแรงอยู่เสมอ รวมทั้งพาลูกไปเข้ารับการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคชนิดอื่น ๆ ตามตารางนัดมิให้ขาดก็จะยิ่งเป็นการดีที่สุด เพราะการให้ทารกได้รับวัคซีนอย่างครบถ้วนนั้นเป็นเรื่องสำคัญมาก ตราบใดที่กลุ่มคนต่อต้านวัคซีนยังไม่หมดไป โรคต่าง ๆ ที่เคยเข้าใจกันว่างดระบาดไปแล้วก็จะยังกลับมาได้เสมอค่ะ

 

อ่านบทความสำหรับแม่และเด็กอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ >> story.motherhood.co.th

มองหาสินค้าสำหรับแม่และเด็กในราคาสุดพิเศษได้เลยที่ >> Motherhood.co.th