Site icon Motherhood.co.th Blog

ปานแดงทารก เกิดได้อย่างไร ควรเอาออกไหม

ปานแดงทารก

คุณพ่อคุณแม่อาจกังวลหากทารกน้อยมีปาน

ปานแดงทารก เกิดได้อย่างไร ควรเอาออกไหม

รอยแดงบนตัวลูกน้อยที่มีติดมาหลังคลอดอาจจะทำให้คุณพ่อคุณแม่เป็นกังวลไม่น้อย แม้ว่า “ปานแดงทารก” นี้จะไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของลูก แต่ปานส่วนมากก็ไม่สามารถหายไปได้เอง มันจะติดตัวเขาตลอดไปจนโต และหากปานนั้นขึ้นตามใบหน้าหรือนอกร่มผ้าแบบเด่นชัด ก็อาจทำให้ลูกสูญเสียความมั่นใจได้อีก บางครั้งปานที่มีอาจจะลามหรือขยายใหญ่ขึ้นจนทำให้พ่อแม่กังวลเพิ่มขึ้น วันนี้ Motherhood จึงอานำเข้อมูลเกี่ยวกับปานชนิดต่าง ๆ รวมทั้งวิธีการรักษามาฝากค่ะ

Image: mirror.co.uk

ปานคืออะไร?

ปาน (Birthmarks) คือร่องรอยของจุดสีบนผิวหนัง ซึ่งมักปรากฏขึ้นเมื่อแรกคลอดหรือหลังคลอดได้ไม่นาน ปานมีทั้งลักษณะเรียบและนูน ขนาดเล็กและขนาดใหญ่ อีกทั้งสีของปานก็แตกต่างกันไป โดยอาจปรากฏอยู่บนผิวหนังไปตลอดชีวิต หรือค่อย ๆ หายหรือจางไปเองได้เมื่อโตขึ้น

ปาน Salmon patch มีสีแดงชมพู ลักษณะเรียบ 

การแบ่งประเภทของปาน

1. ปานแดง  (Vascular Birthmarks) คือสีผิวที่เปลี่ยนไป ซึ่งเกิดจากลักษณะของหลอดเลือดที่ผิดปกติ มักปรากฏบนผิวหนังของเด็กแรกคลอด หรือปรากฏขึ้นหลังจากที่เด็กคลอดออกมาได้ไม่นาน มักมีสีชมพู ม่วง หรือแดง ปานแดงสามารถแบ่งออกเป็น 3 ชนิดย่อย ได้แก่

ปานสตรอว์เบอร์รี่มักเป็นก้อนเนื้อสีแดง

2. ปานดำ (Pigmented Birthmarks) คือจุดสีบนผิวที่มีทั้งลักษณะเรียบหรือนูน โดยเม็ดสีเมลานินที่อยู่ในชั้นผิวนั้นมีมากเกินไป ปานดำมักปรากฏตั้งแต่แรกเกิด มีทั้งสีน้ำตาล ดำ น้ำเงิน หรือน้ำเงินเทา โดยแต่ละชนิดมีลักษณะที่แตกต่างกัน ดังนี้

ปานสีกาแฟใส่นมก็พบได้ทั่วไป

ปานเกิดจากอะไร?

ไม่มีสาเหตุที่แน่ชัดของการเกิดปาน และปานก็ไม่ได้เกิดจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม อย่างไรก็ตาม ปานส่วนใหญ่มักเกิดจากการที่เซลล์เคลื่อนตัวผิดปกติระหว่างที่ตัวอ่อนเริ่มเจริญขึ้น โดยเซลล์จะแบ่งตัวเพิ่มจำนวนและผลิตเนื้อเยื่อตามลักษณะของเซลล์ขึ้นมา แต่เซลล์อาจผลิตเนื้อเยื่อมากเกินไป รวมทั้งไม่เคลื่อนตัวไปยังตำแหน่งของเนื้อเยื่อนั้น ๆ จึงส่งผลให้เกิดปานขึ้นได้

รักษาปานอย่างไร?

ปานบางชนิดเป็นปานที่เกิดขึ้นชั่วคราวและหายไปเองได้เมื่อลูกโตขึ้น ไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษา มีเพียงบางชนิดที่อาจเกิดภาวะแทรกซ้อน ทำให้ขยายขนาดและติดตัวลูกไปอย่างถาวร จึงต้องได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์เพื่อเลือกวิธีการรักษา เช่น การจี้ด้วยไฟฟ้า หรือการใช้แสงเลเซอร์

ปานมองโกเลียนพบได้ที่หลังช่วงล่างและก้น

ปานสตรอว์เบอร์รี่ที่พ่อแม่หลายคนกังวล

ปานสตรอว์เบอร์รี่นั่นยังสามารถแบ่งแยกย่อยลงไปได้อีกตามระดับความลึกลงในผิวหนังของก้อนเนื้อที่ก่อตัวขึ้นเป็นปาน มี 3 ประเภท ดังนี้

1. ก้อนเนื้ออยู่เฉพาะชั้นตื้น (Superficial type) จะเห็นรอยปานสีแดงสดคล้ายสตรอว์เบอร์รี่อยู่บนผิวหนัง

2. ก้อนเนื้ออยู่ในชั้นลึก (Deep type) ก้อนเนื้อจะอยู่ใต้ชั้นผิวหนัง โดยจะเห็นสีของผิวหนังบนตัวก้อนเนื้อเป็นสีออกเขียว หรือสีฟ้าอมเขียว เหมือนสีของเส้นเลือดที่เราเห็นตามผิวหนัง

3. แบบผสม (Mixed type) จะมีก้อนของเนื้องอกอยู่ในชั้นลึก และด้านบนของก้อนจะเห็นรอยปานสีแดงของชั้นตื้นอยู่

การรักษาปานสตรอว์เบอร์รี่

ปานแดงชนิดนี้บางครั้งก็หายไปเองโดยไม่ต้องรับการรักษา แต่บางครั้งก็ไม่หายไปจนกว่าเด็กจะอายุ 5 ปี หรือ 12 ปี หากคุณพ่อคุณแม่เป็นกังวลต้องรีบพาลูกมาพบแพทย์ เพื่อตรวจหาว่ามีข้อบ่งชี้ที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาหรือไม่ เป้าหมายของการรักษาปานชนิดนี้คือ การควบคุมไม่ให้ก้อนปานขยายขนาดใหญ่มากจนเกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ โดยจะให้การรักษาจนกว่ารอยโรคจะเข้าสู่ระยะคงที่ ที่ช่วงอายุประมาณ 1 – 1 ½ ปี ถ้าเริ่มการรักษาได้เร็วมักจะมีผลการรักษาที่ดี โดยระยะเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการเริ่มการรักษาคืออายุ 1-3 เดือน วิธีการรักษาปานสตรอว์เบอร์รี่หลัก ๆ มีอยู่ 2 วิธี คือ

ปานอาจส่งผลต่อความมั่นใจ

หากคุณพ่อคุณแม่พบว่าลูกมีปานที่น่าสงสัย ก็ให้รีบพาไปให้แพทย์วินิจฉัยนะคะว่าปานนั้นจำเป็นต้องได้รับการรักษาหรือไม่ เพราะหากต้องรับการรักษาด้วยการศัลยกรรมตกแต่ง หากเริ่มเมื่อลูกอายุยังไม่มากก็จะยิ่งได้ผลดีค่ะ แผลหายไว ไม่ทิ้งรอยแผลเป็นเยอะด้วย

 

อ่านบทความสำหรับแม่และเด็กอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ >> story.motherhood.co.th

มองหาสินค้าสำหรับแม่และเด็กในราคาสุดพิเศษได้เลยที่ >> Motherhood.co.th