Site icon Motherhood.co.th Blog

7 วิธีช่วยให้ลูกน้อยเอาชนะหน้าร้อนได้แบบปราศจาก “ผดผื่น”

7 วิธีช่วยให้ลูกน้อยเอาชนะหน้าร้อนได้แบบปราศจาก “ผดผื่น”

วันในฤดูร้อนเป็นอะไรที่วิเศษสุด ๆ แต่สำหรับครอบครัวที่มีลูกน้อยแล้ว นี่เป็นช่วงเวลาแห่งปัญหา “ผดผื่น” และพวกเขาต้องดูแลให้เจ้าหนูรู้สึกสบายที่สุดแม้ว่าอากาศจะร้อนสักเพียงใดก็ตาม พวกเราที่ Motherhood อยากจะช่วยทุกครอบครัวที่กำลังเจอกับปัญหานี้ นี่คือคำแนะนำจากกุมารแพทย์ที่จะช่วยให้ลูกน้อยของคุณสามารถจัดการกับปัญหาผดผื่นที่เกิดจากความร้อนของอากาศข้างนอกได้

10 คำแนะนำเพื่อ ความปลอดภัย ของ ลูก ที่ พ่อแม่ ทุกคนควรจะเรียนรู้!!

เลือกใช้เครื่องปรับอากาศ

เครื่องปรับอากาศดีกว่าพัดลมมาก แต่คุณต้องแน่ใจว่าอุณหภูมิและความชื้นกำลังพอดี ไม่หนาวจนเกินไป

รักษาอุณหภูมิให้คงที่

อุณหภูมิที่กำลังเหมาะสมคือ 22 องศา ในขณะที่ความชื้นไม่ควรต่ำกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ เธอร์โมมิเตอร์จะช่วยแสดงค่าเหล่านี้ การใช้เครื่องปรับอากาศหรือเครื่องปรับความชื้นจะช่วยให้คุณปรับอุณหภูมิได้อย่างเหมาะสม

ค่อยๆปรับอุณหภูมิห้อง

การปรับอุณหภูมิห้องควรจะค่อยๆปรับ ถ้าในห้องอุณหภูมิ 30 องศาและคุณต้องการที่จะลดอุณหภูมิลงไปที่ 24 ขั้นแรก ปรับอุณหภูมิลงมาที่ 28 องศาก่อน ครึ่งชั่วโมงต่อมาจึงค่อยปรับเป็น 26 องศา จากนั้นจึงค่อยปรับเป็น 24 ตามลำดับ

ระบายอากาศในห้องบ่อยๆ

คุณควรจะปล่อยให้มีลมเข้ามาในห้องบ้างนานๆครั้ง เพราะเครื่องปรับอากาศและพัดลมจะทำให้อากาศในห้องแห้งเกินไป

เลือกที่วางเฟอร์นิเจอร์ให้ดี

อากาศจากเครื่องปรับอากาศไม่ควรจะปล่อยให้เป่าตรงๆลงไปที่ตัวเด็กหรือเตียงนอนของเด็ก

อาบน้ำบ่อยๆ

การแช่น้ำหรือการอาบน้ำฝักบัวเป็นเรื่องที่ดีถ้าทำทุกๆ 1 – 2 ชั่วโมงเป็นเวลาราวสองสามนาที อย่าเช็ดตัวเด็กให้แห้งจนเกินไป เพราะน้ำที่เกาะอยู่ที่ผิวจะระเหยขึ้น ช่วยทำให้อุณหภูมิของร่างกายเย็นลง

 อย่าลืมดื่มน้ำเยอะๆ

เด็กเล็กต้องดื่มน้ำเยอะ เด็กที่อายุน้อยกว่าหนึ่งขวบควรดื่มน้ำแร่ที่ไม่มีรสชาติ ขณะที่เด็กที่อายุมากกว่านั้นอาจดื่มน้ำที่มีรสเค็มนิดหน่อยหรือน้ำเปล่าอัดแก๊ซ อีกทางเลือกหนึ่งคือน้ำผลไม้และเบอร์รี่แช่เย็น ซึ่งมีโพแทสเซียมจำนวนมาก หรืออาจจะชาสมุนไพร

จำไว้ว่าเมื่อไหร่ที่คุณรู้สึกร้อนหรืออบอ้าว เจ้าตัวน้อยก็จะรู้สึกแบบเดียวกัน

***

ทุกสิ่งที่เลือกสรรสำหรับเจ้าตัวน้อย: Motherhood.co.th

หลากหลายเรื่องราวและเคล็ดลับในการเลี้ยงลูก: Story.Motherhood