วันเดย์ทริป กับรถไฟไทย พาลูกไปได้ง่ายๆ
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่การงานรัดตัว แต่ยังอยากจะพาลูกๆไปเที่ยวต่างจังหวัดบ้าง ลองจัดโปรแกรมเที่ยวเป็น “วันเดย์ทริป” ดูก็ดีนะคะ เพราะสมัยนี้สามารถไปเที่ยวต่างจังหวัดแบบไปเช้าเย็นกลับกับการรถไฟแห่งประเทศไทยได้แล้ว แต่จะมีปลายทางที่น่าสนใจที่ไหนบ้าง และมีรายละเอียดในการจองตั๋วอย่างไร ติดตามได้ในบทความเลยค่ะ
#01 กรุงเทพฯ – สวนสนประดิพัทธ์
ชายหาดสวนสนประดิพัทธ์ตั้งอยู่ระหว่างเขาตะเกียบและเขาเต่า ไม่ห่างจากหัวหินเท่าไหร่ โดยพื้นที่นี้เป็นสถานพักฟื้นของกองทัพบก ทำให้เป็นชายหาดที่ค่อนข้างสงบ ผู้คนไม่พลุกพล่าน ขบวนรถไฟพิเศษนำเที่ยวสวนสนประดิพัทธ์ ขบวนที่ 911 จะออกเดินทางทุกวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดราชการ ในช่วง 6.30 น. จากสถานีกรุงเทพ ก่อนจะแวะไปหยุดที่นครปฐมเป็นเวลา 40 นาที เพื่อให้ผู้โดย เพื่อให้ผู้โดยสารได้แวะนมัสการองค์พระปฐมเจดีย์ และแวะซื้อเสบียงที่ตลาดเช้าหลังสถานีรถไฟ หรือจะแวะกินข้าวเช้าในตลาดก็ได้เช่นกัน ซึ่งในตลาดแห่งนี้มีข้าวหมูแดงร้านเด็ดร้านดังอยู่หลายร้าน นอกจากนี้ยังมีข้าวเหนียวหมูและข้าวเหนียวเนื้อรสเด็ดที่อยู่หลังสถานีรถไฟอีกด้วย
จากนั้นรถไฟจะมุ่งหน้าไปยังสวนสนประดิพัทธ์ เมื่อลงจากรถไฟแล้ว เดินเท้าไปอีกนิดเดียวก็จะถึงบริเวณชายหาด ที่นี่เราจะได้พักผ่อนกันเต็มอิ่มถึง 4 ชั่วโมง ก่อนที่จะเดินทางกลับในช่วงบ่ายสามครึ่ง และถึงกรุงเทพในเวลา 19.25 น. เนื่องจากว่าเส้นทางนี้เป็นเส้นทางการเดินรถที่คนนิยมกันมาก หากคุณพ่อคุณแม่สนใจจะพาเด็กๆไป ก็ต้องรีบจองกันล่วงหน้า เพราะเต็มไวมาก
อัตราค่าบริการ
รถนั่งธรรมดาชั้น 3 – ผู้ใหญ่ / เด็ก คนละ 120 บาท
รถปรับอากาศชั้น 2 – ผู้ใหญ่ / เด็ก คนละ 240 บาท
#02 – กรุงเทพ-เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เป็นเขื่อนแกนดินเหนียวที่มีความยาวมากที่สุดในประเทศไทย มีพื้นที่คาบเกี่ยว 2 จังหวัด คือ จังหวัดสระบุรีและจังหวัดลพบุรี ซึ่งเมื่อมีการสร้างเขื่อนเกิดขึ้นทำให้ระดับน้ำสูงขึ้นท่วมถนน หมู่บ้าน และเส้นทางรถไฟ การรถไฟแห่งประเทศไทยจึงต้องสร้างเส้นทางรถไฟขึ้นมาใหม่ในแนวเส้นทางที่ใกล้กับจุดเดิมให้สูงกว่าระดับน้ำ จนกลายเป็นเส้นทางรถไฟที่แปลกตา เหมือนทางรถไฟวิ่งไปบนท้องน้ำที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตาของอ่างเก็บน้ำ ที่สำคัญคือรถไฟนำเที่ยวขบวนนี้เป็นรถเพียงขบวนเดียวที่หยุดให้ผู้โดยสารลงไปถ่ายรูปทัศนียภาพบนสะพานได้เลย
ขบวนรถไฟพิเศษนำเที่ยวเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ขบวนที่ 921 จะออกเดินทางทุกวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดราชการ ในช่วง 7.10 น. โดยจะไปถึงจุดชมทัศนียภาพรถไฟลอยน้ำประมาณ 10.10 น. ภายในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์มีร้านอาหารให้เลือกมากมาย แต่เมนูเด็ดที่ห้ามพลาดเลยก็คือปลาเผาเนื้อแน่น และเมล็ดดอกทานตะวันคั่ว ที่ใครๆมาแล้วก็ไม่ควรพลาดที่จะได้ลอง นักท่องเที่ยวจะได้ใช้เวลาที่เขื่อนร่วม 4 ชั่วโมง ก่อนที่รถไฟจะออกเดินทางเพื่อกลับเข้ากรุงเทพ และถึงที่หมายในเวลา 18.20 น.
อัตราค่าบริการ
รถนั่งธรรมดาชั้น 3 – ผู้ใหญ่ / เด็ก คนละ 270 บาท
รถปรับอากาศชั้น 3 – ผู้ใหญ่ / เด็ก คนละ 470 บาท
#03 – กรุุงเทพ-สถานีน้ำตก
จังหวัดกาญจนบุรีเป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่ไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก และยังมีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์กับสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติมากมาย ซึ่งทางการรถไฟแห่งประเทศไทยมีขบวนรถไฟนำเที่ยวแบบ one day trip ให้เราไปเช้าเย็นกลับได้ในราคาที่ไม่แพง โดยรถไฟขบวนนำเที่ยว 909 จะออกเดินทางจากกรุงเทพในช่วงเช้า และมีการแวะจอดที่นครปฐม 40 นาที ผู้โดยสารสามารถแวะลงเพื่อหาอาหารเช้าได้ที่ตลาดหลังสถานีรถไฟ ซึ่งมีของกินขึ้นชื่อมากมาย ทั้งข้าวหมูแดงนครปฐมและข้าวเหนียวหมู ข้าวเหนียวเนื้อร้านดัง หรือจะขึ้นไปยังองค์ประปฐมเจดีย์เพื่อกราบนมัสการก็ได้เช่นกัน
จากนั้นรถไฟก็จะวิ่งเข้าสู่เส้นทางรถไฟสายประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือที่พวกเรารู้จักกันในชื่อ “ทางรถไฟสายมรณะ” จุดนี้เองรถไฟจะแวะพักให้เราลงไปถ่ายรูปที่สะพานข้ามแม่น้ำแควประมาณ 30 นาที แล้วออกเดินทางต่อไปยังน้ำตกไทรโยคน้อย ในระหว่างทางเราจะได้พบกับสะพานถ้ำกระแซะ ซึ่งเป็นสะพานรถไฟเลียบหน้าผา ที่ทั้งสวยงามและน่าหวาดเสียวในเวลาเดียวกัน ทริปนี้นักท่องเที่ยวจะได้เพลิดเพลินกับน้ำตกไทรโยคน้อยเป็นเวลา 3 ชั่วโมงด้วยกัน ก่อนจะเดินทางกลับในช่วงบ่าย และถึงกรุงเทพในช่วงหัวค่ำ แต่ถ้าหากอยากเที่ยวที่ใดที่หนึ่งนานๆหรืออยากแวะชมสัมพันธมิตรดอนรัก ก็สามารถลงระหว่างทางได้ แล้วค่อยรอขบวนที่วิ่งกลับมาจากทางฝั่งน้ำตกไทรโยคเข้ากรุงเทพฯ
อัตราค่าบริการ
รถนั่งธรรมดาชั้น 3 – ผู้ใหญ่ / เด็ก คนละ 120 บาท
รถปรับอากาศชั้น 2 – ผู้ใหญ่ / เด็ก คนละ 240 บาท
#04 – ตลาดพลู-ตลาดมหาชัย
เส้นทางนี้จัดมาเพื่อเอาใจครอบครัวสายกินโดยเฉพาะ แม้จะไม่ใช่ขบวนรถไฟที่อยู่ในโครงการขบวนรถไฟพิเศษนำเที่ยวของการรถไฟแห่งประเทศไทยก็ตาม แต่เราสามารถซื้อตั๋วโดยสารได้ตามปกติ เพื่อไปลงยังสถานีปลายทาง ไม่ว่าจะเป็นสถานีตลาดพลูหรือสถานีมหาชัยก็ตาม
รถไฟเที่ยวไปเริ่มต้นทางที่สถานีวงเวียนใหญ่ ใช้เวลาเดินทางไปยังสถานีตลาดพลูเพียงแค่ 5 นาทีเท่านั้น ตลาดพลูเป็นแหล่งรวมร้านอาหารชื่อดังไว้มากมาย ซึ่งแต่ละร้านก็ล้วนแต่มีประวัติมายาวนานไม่ต่ำกว่า 50-60 ปีทั้งสิ้น เมนูเด็ดที่ห้ามพลาดก็ได้แก่ กุ้ยช่ายตลาดพลู ข้าวหมูแดงสุณี หมี่กรอบจีนหลี ขนมหวานตลาดพลู นอกจากนี้เรายังสามารถเดินเลียบเลาะทางรถไฟไปยังชุมชนมุสลิมที่มัสยิดสวนพลูได้เช่นกัน เพื่อไปลองชิมขนมบดินที่เป็นขนมเลื่องชื่อของชุมชนมุสลิมที่นี่
หากครอบครัวไหนเป็น seafood lover แล้วละก็ ตลาดมหาชัยก็เป็นอีกจุดหมายหนึ่งที่ไม่ควรพลาด ตลาดสดแห่งนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน ใกล้กับศาลหลักเมือง ห่างจากศาลากลางจังหวัดประมาณ 200 เมตร ที่นี่เป็นแหล่งรวมอาหารทะเลเพราะที่ตั้งของเมืองติดกับอ่าวไทย จึงมีท่าเรือขึ้นของทะเล มีอาหารทะเลสดๆและอาหารทะเลแปรรูปขายเยอะแยะไปหมด มาเลือกซื้อ กุ้ง ปู ปลาหมึก และปลาสดๆ กลับไปทำอาหารกันได้เลย รับรองว่าได้อาหารทะเลกลับไปแบบจุใจในราคาย่อมเยาสบายกระเป๋าแน่นอน และการนั่งรถไฟไปมหาชัยก็ใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น
อัตราค่าบริการ
ตั๋ว 3-10 บาท / คน
จะเห็นได้ว่าแม้มีเวลาเพียงแค่ 1 วัน คุณพ่อคุณแม่ก็สามารถพาลูกๆนั่งรถไฟไปชมบรรยากาศ ถ่ายรูปสวยๆ เรียนรู้ประวัติศาสตร์ และชิมช็อปของอร่อยกันได้แล้วนะคะ หากเสาร์อาทิตย์ที่จะถึงนี้ยังไม่มีแผนอะไรเป็นพิเศษ ก็รีบจองตั๋วรถไฟไปลองเที่ยวกันดูได้เลยค่ะ
อ่านบทความสำหรับแม่และเด็กอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ >> story.motherhood.co.th
มองหาสินค้าสำหรับแม่และเด็กในราคาสุดพิเศษได้เลยที่ >> Motherhood.co.th