“อาการชัก” เกิดตอนลูกมีไข้หรือตอนไหนได้บ้าง?
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกเล็ก เรื่องสุขภาพของลูกเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความกังวลได้มากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อลูกน้อยเป็นไข้ เด็กบางคนเป็นหนักจนเกิด “อาการชัก” ในบทความตอนนี้จะบอกกับคุณพ่อคุณแม่ถึงรายละเอียดของอาการและวิธีป้องกันลูกน้อยจากความเจ็บป่วยนี้ค่ะ
อาการชักในเด็ก
อาการชัก เป็นการแสดงออกถึงความผิดปกติของการทำงานของสมอง ซึ่งอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ หากเป็นอาการที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ เรียกว่าโรคลมชักหรือลมบ้าหมู หากอาการเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวยังไม่สามารถระบุได้ว่าผู้ป่วยเป็นโรคลมชัก
สาเหตุของโรค
อาการที่พบในเด็กอาจเกิดได้จากหลาย ๆ สาเหตุ ที่พบได้มากคืออาการไข้ ในเด็กอายุระหว่าง 6 เดือน – 6 ปี เมื่อมีไข้อาจจะทำให้เกิดการชักได้ ซึ่งจะพบได้ประมาณ 3% ของเด็กในช่วงอายุนี้ โดยที่ลักษณะของการชักมักจะชักเกร็งไปทั้งตัวหรือชักเกร็งกระตุกทั้งตัวก็ได้ อาการจะเกิดในระยะแรกของการมีไข้ และอาการจะหยุดเองในระยะสั้น ๆ ไม่เกิน 5 นาที ส่วนใหญ่จะมีประวัติชักจากคนในครอบครัว ความผิดปกติของสมดุลเกลือแร่ ซึ่งอาจจะพบได้ในเด็กเล็กที่มีอาการท้องเสียและมีการสูญเสียเกลือแร่ หรือได้รับสารเกลือแร่ขนาดที่ไม่เหมาะสมหรือเกินกว่าที่ต้องการ ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ การกระทบกระเทือนที่ศีรษะ การติดเชื้อของระบบประสาท เช่น ภาวะสมองหรือเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ยาหรือสารกระตุ้นสมอง เป็นอาการแสดงของโรคลมชัก
ลักษณะของการชัก
ลักษณะของการชักสามารถเกิดขึ้นได้หลายรูปแบบ คนทั่ว ๆ ไปมักจะเข้าใจว่า การชักจะต้องเป็นแบบกระตุกเป็นจังหวะทั้งตัว ในความเป็นจริงแล้วลักษณะของอาการอาจจะมีได้หลายแบบ มีทั้งแบบเหม่อลอยชั่วขณะ แบบหมดสติทันทีร่วมกับอาการตัวอ่อน เกิดการกระตุกเป็นครั้ง เกร็งผวา มีพฤติกรรมผิดปกติชั่วขณะ โดยที่ไม่มีการรับรู้ต่อสภาพแวดล้อม อาการเฉพาะที่ เช่น อาการกระตุกซ้ำ ๆ ของกล้ามเนื้อเฉพาะที่ และมีที่เป็นทันทีและเกิดในช่วงสั้น ๆ
ลักษณะของการชักที่มากับอาการไข้
ลักษณะการชักจากไข้สูงจะเป็นการชักแบบเกร็งหรือกระตุกทั้งตัว เป็นทั้งข้างซ้ายและขวาเท่า ๆ กัน ระยะเวลาที่ชักไม่เกิน 15 นาที ส่วนมากมักจะหยุดได้เองภายในเวลา 3-5 นาที หลังจากชักเด็กจะรู้สึกตัวดี อาการนี้จะเกิดขึ้นหลังจากมีไข้สูง ไม่เกิน 24-48 ชั่วโมง โดยทั่วไปจะเกิดเมื่อเด็กมีอุณหภูมิสูงกว่า 38.5 องศาเซลเซียส ซึ่งจัดว่ามี “ไข้สูง” อาการนี้จะพบในเด็กอายุตั้งแต่ 6 เดือน ไปจนถึงอายุ 5 ปี โดยช่วงอายุที่พบบ่อยที่สุดคือ ในเด็กเล็กที่มีอายุ 1-2 ปี
การชักเมื่อมีไข้สูงเกิดขึ้นได้อย่างไร?
การชักเมื่อมีไข้สูงเกิดจากการที่สมองของเด็กเล็กยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ ทำให้มีโอกาสชักได้เมื่อถูกกระตุ้นจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น มีอุณหภูมิร่างกายสูง จึงมักไม่พบอาการนี้ในเด็กที่อายุมากกว่า 5 ปีขึ้นไป
จะส่งผลต่อระดับสติปัญญาของเด็กหรือไม่?
โดยทั่วไปภาวะนี้จะไม่มีผลต่อระดับสติปัญญา พัฒนาการหรือการเรียนรู้ของเด็ก ยกเว้นในบางรายที่มีชักติดต่อกันเป็นเวลานาน โดยเฉพาะชักต่อเนื่องกันนานมากกว่า 30 นาที จนมีภาวะตัวเขียวเนื่องจากขาดออกซิเจน กรณีนี้อาจส่งผลต่อสมองได้ แต่โดยทั่วไปอาการชักจากไข้สูงมักจะหยุดได้เองภายในเวลา 3-5 นาที จึงไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสมองของเด็ก
มีโอกาสที่จะเป็นซ้ำ หรือเป็นโรคลมชักหรือไม่?
เด็กที่เคยชักจากไข้สูงจะมีโอกาสเสี่ยงต่อการชักซ้ำ ประมาณ 30% หากมีไข้สูงอีก จนกว่าจะอายุมากกว่า 5 ปี ดังนั้น เมื่อลูกมีไข้สูงควรให้ยาลดไข้หรือให้ยาพาราเซตามอล และเช็ดตัวให้ลูกทันทีเพื่อลดไข้
ส่วนความเสี่ยงในการเป็นโรคลมชักนั้นไม่ได้แตกต่างจากเด็กปกติทั่วไป ยกเว้นในเด็กรายที่มีอาการชักนานกว่า 15 นาที มีอาการชักซ้ำมากกว่า 1 ครั้งภายใน 24 ชั่วโมง มีความผิดปกติทางสมองและพัฒนาการก่อนมีอาการชัก หรือมีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคลมชัก ก็จะมีโอกาสเป็นโรคลมชักได้มากกว่าเด็กปกติ
อันตรายจากการชัก
ในระหว่างที่เกิดการชักที่เป็นแบบทั้งตัวและมีอาการหมดสติ อาจจะก่อให้เกิดอันตรายโดยตรงกับร่างกายส่วนต่าง ๆ ได้ โดยเฉพาะศีรษะ เกิดการสำลักซึ่งอาจจะอุดกั้นหลอดลม เป็นผลทำให้เกิดภาวะสมองขาดออกซิเจนได้ การชักที่ขึ้นเกิดนานมักจะควบคุมยาก และอาจจะก่อให้เกิดความผิดปกติของสมองส่วนอื่น ๆ เพิ่มได้ ขณะเกิดการชักที่เป็นทั้งตัว โอกาสที่เด็กจะกัดลิ้นตัวเองนั้นมีน้อยมาก ความเชื่อที่ว่าเมื่อเกิดอาการชักแล้วจะต้องพยายามงัดปาก หรือสอดใส่วัสดุใด ๆ เข้าไปในปากเพื่อป้องกันการกัดลิ้นนั้นไม่ถูกต้อง ในความเป็นจริงแล้วการพยายามช่วยเหลือด้วยวิธีดังกล่าวจะก่อให้เกิดอันตรายทั้งต่อเด็กที่กำลังชักและผู้ที่กระทำ
ข้อควรปฏิบัติเมื่อลูกชัก
พ่อแม่ต้องตั้งสติให้มั่น แล้วจัดท่าให้ลูกอยู่ในลักษณะที่ปลอดภัยจากการชัก คือนอนราบและตะแคงศีรษะไปด้านข้าง และพยายามกำจัดน้ำลายหรือเศษอาหารที่ลูกอาจจะอาเจียนออกมา ห้ามสอดใส่วัสดุใด ๆ เข้าไปในปากหรือพยายามงัดปากเด็ดขาด ในกรณีที่ลูกมีอาการไข้สูงร่วมด้วย พ่อแม่ต้องรีบเช็ดตัวลดไข้ โดยทั่วไปหากเด็กชักจากไข้ จะชักไม่เกิน 5 นาที เมื่อลูกหยุดชักควรพาไปพบแพทย์ทันที เพื่อให้แพทย์ทำการวินิจฉัยและรักษาอาการต่อ หากลูกมีอาการชักนานมากกว่า 5 นาที หรือรอบปากมีรอยเขียวคล้ำ ควรรีบส่งโรงพยาบาลทันที
การรักษา
การชักจากไข้ แพทย์จะรักษาสาเหตุของไข้และให้ยาเพื่อหยุดอาการชักพร้อมกันไปด้วย ถ้าเด็กมีการชักซ้ำบ่อยจะแนะนำให้ใช้ยาป้องกันการชักซ้ำ ซึ่งให้ใช้เฉพาะเวลาที่เด็กมีไข้ ยาที่ให้ใช้คือยา DIAZERAM ให้ในเวลามีไข้สูงเกิน 38.5 องศาเซลเซียส การให้ยาป้องกันการชักระยะยาวจะให้ในเด็กที่ชักบ่อยมาก หรือชักนานในแต่ละครั้ง
กรณีที่เป็นโรคลมชัก แพทย์จะให้รับประทานยากันชัก โดยให้รับประทานยาสม่ำเสมออย่างน้อบ 2 ปี หลังจากการชักคร้งสุดท้อย ถ้าควบคุมอาการได้ แพทย์จะค่อย ๆ ให้ลดยาลงและหยุดยาภายใน 3-6 เดือน สำหรับการชักจากสาเหตุอื่น ๆ แพทย์จะทำการรักษาตามสาเหตุ
วิธีป้องกันการชักจากไข้สูง
ช่วงเวลาที่จะพบว่าเด็กชักจากไข้สูงมากที่สุดคือ ช่วงเที่ยงคืนถึงตีสอง เนื่องจากเป็นช่วงที่พ่อแม่ส่วนมากเหนื่อยล้าจากการทำงานมาทั้งวันจนอาจเผลอหลับไป หรืออาจจะวางใจว่าลูกไข้ลดแล้วทั้ง ๆ ที่ไข้นั้นจะขึ้น ๆ ลง ๆ พ่อแม่สามารถดูแลลูกเพื่อป้องกันลูกชักเพราะไข้สูงด้วยวิธีการดังนี้
- เช็ดตัวให้ลูกบ่อย ๆ ด้วยน้ำอุณหภูมิห้อง ไม่ควรใช้น้ำเย็นจัดเพราะจะทำให้ร่างกายปรับอุณหภูมิไม่ทันและอาจเกิดการช็อกได้
- การเช็ดตัวที่ถูกวิธีคือ ควรเช็ดในทิศทางย้อนขึ้น เช่น เช็ดจากมือย้อนขึ้นไปที่ต้นแขน
- หากเป็นเด็กเล็กจะเลือกวิธีอาบน้ำ โดยให้เด็กนั่งแช่ในอ่างอาบน้ำเด็กหรือกะละมังก็ได้ แต่ไม่ต้องฟอกสบู่ ควรใช้ฟองน้ำหรือผ้าเปียกเช็ดหัวด้วย ไม่ใช่เช็ดแค่ตัวอย่างเดียว วิธีนี้จะช่วยให้ร่างกายลดอุณหภูมิได้เร็วขึ้น แต่ควรใช้น้ำแตะ ๆ ที่ปลายเท้าลูกก่อน เพื่อที่ร่างกายจะได้ปรับอุณหภูมิได้
- หากเป็นเด็กโตถ้าอาบน้ำได้ก็ควรพาไปอาบน้ำ
- หลังเช็ดตัวเสร็จไม่ต้องทาครีมหรือแป้ง เพื่อให้ร่างกายระบายความร้อนได้
- ไม่ควรใส่เสื้อผ้าหนาหรือห่มผ้า เพราะเมื่อลูกไข้ขึ้น เสื้อผ้าและผ้าห่มที่คลุมร่างกายลูกอยู่คือสาเหตุที่ทำให้ร่างกายไม่สามารถระบายอุณหภูมิได้ จึงเกิดอาการชัก
- หากพ่อแม่เหนื่อยล้าจากงานมากเสียจนดูแลลูกไม่ไหว ควรพาลูกไปโรงพยาบาลเพื่อค้างคืน ให้มีพยาบาลคอยดูแลไม่ให้มีการชัก
เมื่อทราบถึงสาเหตุและการป้องกันการชักแล้ว คุณพ่อคุณแม่ก็คงวางใจขึ้นได้ในระดับหนึ่งแล้วนะคะ ทางที่ดีคือต้องดูแลสุขภาพของลูกให้แข็งแรงอยู่ตลอดเวลา จะได้ไม่ติดเชื้อหวัดจนเป็นไข้ง่าย ๆ โอกาสที่ลูกน้อยจะชักเพราะไข้สูงก็จะลดลงค่ะ
อ่านบทความสำหรับแม่และเด็กอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ >> story.motherhood.co.th
มองหาสินค้าสำหรับแม่และเด็กในราคาสุดพิเศษได้เลยที่ >> Motherhood.co.th