เด็กเล็กกับอินเตอร์เน็ต อะไรดี ? อะไรเสีย ?
“เด็กเล็กกับอินเตอร์เน็ต” ทุกวันนี้ ไม่ใช่เรื่องผิดปกติที่เราจะเห็นเด็กวัยหัดเดินเลื่อนหน้าจอและกดปุ่มบน iPad หรือแท็บเล็ตอย่างไม่ลังเล ไม่ว่าในกรณีใด พ่อแม่และผู้ปกครองที่ชื่นชอบความสงบที่มาพร้อมกับแก็ดเจ็ทให้ลูกเล่น ดังนั้น คำถามไม่ได้อยู่ที่ว่าลูกของคุณจะได้รับการให้ความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์หรือไม่ คำถามคือเมื่อไหร่ต่างหาก — และเมื่อไหร่คือเร็วเกินไปที่จะเริ่มให้เด็ก ๆ ได้ทำความรู้จักกับนวัตกรรมเหล่านี้
ข้อดีก็พอมี
สำหรับเด็ก เทคโนโลยีสามารถช่วยพัฒนาทักษะการพัฒนากล้ามเนื้อและส่งเสริมการทำงานประสานกันของมือและตา นอกจากนี้ยังสามารถแสดงให้เขาเห็นถึงสถานการณ์และผลลัพธ์สุดท้ายของมัน ในการจับแต่ละครั้ง อักขระหรือสัญลักษณ์ที่พวกเขากดหรือปัดทำให้มีบางสิ่งเกิดขึ้น
นอกจากนี้ เนื่องจากเทคโนโลยีกลายเป็นสิ่งที่พบได้ทั่วไปในโรงเรียนมากขึ้นเรื่อยๆ จึงเป็นประโยชน์สำหรับพวกเขาที่จะจบลงด้วยการเรียนรู้เทคโนโลยี ยิ่งไปกว่านั้น ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าโปรเจคที่มีคุณภาพดีเยี่ยมและการเขียนโปรแกรมเฉพาะทางสามารถช่วยให้เยาวชนที่มีความท้าทายในการเรียนรู้สร้างทักษะที่ยังมีไม่เพียงพอได้
ข้อเสียก็ไม่น้อย
เวลาที่ต้องใช้ไปกับการอยู่หน้าจอหมายถึงการมีเวลาอยู่ร่วมกับเพื่อน ๆ ของเด็ก ๆ น้อยลง ดังนั้น ความสามารถทางสังคมของเด็ก ๆ อาจไม่เป็นไปอย่างสร้างสรรค์เท่าที่ควร
นอกจากนี้ ยังหมายถึงเวลาน้อยลงสำหรับการมีส่วนร่วมอย่างจริงจังกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นตรงหน้า การสัมผัสและความรู้สึกต่อสิ่งที่แท้จริงควรจะเป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนการพัฒนาสำหรับวัยเยาว์
ลูกน้อยของคุณอาจรู้สึกกระปรี้กระเปร่าเกินพอดีเมื่อได้รับแรงกระแทกจากการสัมผัสทุกอย่าง เช่น เสียงอึกทึก เฉดสีที่สะดุดตา แสงที่ลุกโชน และกิจกรรมที่ไม่สิ้นสุด
สุดท้ายนี้ เด็กเล็กต้องการการเคลื่อนไหวร่างกายเพื่อกระตุ้นพัฒนาการ เพื่อสร้างกล้ามเนื้อและตระหนักว่าร่างกายของพวกเขาพร้อมที่จะทำอะไร เวลาที่ใช้ไปกับหน้าจออาจจะมีเพิ่มขึ้นมาก แต่ก็เท่ากับลดเวลาการเล่นทางกายภาพลงอย่างมากเช่นกัน
ผู้เชี่ยวชาญบางคนกล่าวว่าการดูหน้าจอตั้งแต่เนิ่น ๆ น่าจะเป็นการกระตุ้นให้ไม่เกิดการสำรวจสิ่งต่าง ๆ ที่เหลืออยู่ และสุดท้ายก็นำไปสู่ความสนใจที่มากกว่าปกติ (Fixation)
จะทำอย่างไรต่อไปดี ?
1. ในแง่ของการวิจัย ต่อไปนี้เป็นแนวทางทั่วไปบางประการเกี่ยวกับวิธีที่ดีที่สุดในการจัดการลูกวัยเตาะแตะของคุณและอินเทอร์เน็ตหรือเทคโนโลยีไม่ให้เวลาหน้าจอกับเด็กที่อายุน้อยกว่า 2 ปี สถาบันกุมารเวชศาสตร์แห่งอเมริกา (APP) กำหนดว่าเด็กที่อายุน้อยกว่า 2 ปีไม่ควรมีเวลาอยู่หน้าจอไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตาม ในปี 2013 กระทรวงสาธารณสุขของสหรัฐฯ ได้กำหนดให้เด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบไม่ควรอยู่หน้าจอ และเมื่อพ้นจากช่วงนี้ เวลาหน้าจอเพื่อสันทนาการที่มากที่สุดควรจะอยู่ที่เกือบสองชั่วโมงทุกวัน
2. เวลาอยู่หน้าจอวันละ 2 ชั่วโมงก็เพียงพอแล้วสำหรับเด็กอายุไม่เกิน 6 ปี (และมากกว่า 2 ปี)
3. โดยปกติแล้ว เด็กจะเหนื่อยล้าจากการใช้สื่อประเภทหนึ่งอย่างรวดเร็ว และมักจะใช้เวลาอยู่หน้าจอร่วมกับการเล่นของเล่นและการเล่นทางกายภาพ
4. โปรดทราบว่านวัตกรรมไม่ได้สร้างปัญหา สิ่งที่ทำให้แตกต่างคือการให้ความสำคัญกับมันของเราต่างหาก
5. ตั้งกฎการควบคุมเวลาหน้าจอของครอบครัวขึ้นมา เช่น จะไม่มีการดูอะไรระหว่างมื้ออาหาร
6. ทำให้เป็นตัวอย่าง เคยดูอีเมลของคุณ ใช้สมาร์ทโฟนของคุณ หรือนั่งอยู่หน้าทีวีในขณะที่ลูกพยายามจะคุยกับคุณหรือไม่ ? เลิกใช้แกดเจ็ตแล้วพูดกับโดยตรง นี่จะเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูก ๆ ของคุณ
7. ไม่อยู่หน้าจอก่อนเข้านอน ให้มีเวลาพักจากหน้าจอเสียก่อนที่จะเข้านอน หน้าจอส่วนใหญ่ใช้ระบบ LCD ที่ปล่อยแสงสีน้ำเงินที่ขัดขวางการพักผ่อนและทำให้นาฬิกาในร่างกายรวน
พยายามอย่ากลัวความเหนื่อยล้าที่จะเกิดขึ้น การเร่งพวกเขาอย่างเกินกำลังน่ากลัวกว่าการหมดแรงเป็นไหน ๆ ส่วนเด็ก ๆ เองก็ต้องหาวิธีจัดการกับความเหนื่อยล้าจากการเล่นที่เกิดขึ้น