Site icon Motherhood.co.th Blog

ทำไม “เพลง Baby Shark” ถึงดังขึ้นมาได้?

เพลง baby shark ฮิตได้ไง

มาดูที่มาของเพลง Baby Shark และเคล็ดลับความฮิต

ทำไม “เพลง Baby Shark” ถึงดังขึ้นมาได้?

ในช่วงปลายปี 2560 ที่ผ่านมา คงแทบจะไม่มีใครไม่เคยได้ยิน “เพลง Baby Shark” เป็นแน่ ลูกเด็กเล็กแดงพากันร้องและเต้นเพลงนี้จนหลอนหูพ่อแม่และสมาชิกในครอบครัวอยู่นาน ไม่ว่าไปตามอีเวนท์ที่ไหนก็มักได้ยินเพลงนี้ถูกนำไปเปิดเรียกแขกอยู่เสมอ จนหลายคนเริ่มสงสัยว่าเพลงนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร ใครเป็นคนแต่งขึ้นมา วันนี้ Motherhood หาคำตอบมาให้แล้วค่ะ

เริ่มต้นจากบริษัทสตาร์ทอัพในประเทศเกาหลี

ใครกันนะแต่ง Baby Shark

Baby Shark เป็นผลงานของสตาร์ทอัพสัญชาติเกาหลีใต้ ที่ชื่อ SmartStudy ก่อตั้งขึ้น ในปี 2010 สตาร์ทอัพแห่งนี้เน้นในด้านการทำแอปพลิเคชัน EdTech (Education Technology) ครอบคลุมในหมวด ไม่ว่าจะเป็น Education, Mobile, Video On Demand (VOD), Comics, Games และ Photos โดยเจาะกลุ่มไปยังเด็กปฐมวัย

SmartStudy มีบริษัทลูกที่ชื่อ Pinkfong ซึ่งไม่ได้มีแค่แอปและเกมแบบที่บริษัทแม่ก็มีเท่านั้น แต่ยังมีคอนเทนต์ที่เป็นสื่อการสอนจำพวกวิดีโอและเพลงร่วมสองพันชิ้น นอกจากนี้ยังมีหนังสือและของเล่นขายอีกด้วย Baby Shark ที่ถูกอัพโหลดลง YouTube เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2016 ก็เป็นผลงานของ Pinkfong นั่นเอง

เพลงครอบครัวฉลาม นี้ เป็นบทเพลงที่บรรยายถึงวงศาคณาญาติของฉลาม ไล่เรียงตั้งแต่ ลูกฉลาม พ่อฉลาม แม่ฉลาม รวมไปถึงปู่ย่าตายายฉลาม เพลงถูกแต่งขึ้นมาเพื่อเป็นเพลงสำหรับเด็ก ที่มีเนื้อร้องกับคำศัพท์ภาษาอังกฤษแสนง่าย

Baby Shark ดังได้อย่างไร?

Baby Shark ดังมาจากการที่ศิลปิน K-POP ชั้นนำอย่าง Girls’ Generation, Red Velvet และ Black Pink ร้อง cover เพลงนี้ในคอนเสิร์ตของพวกเธอ จากนั้นภาพและวิดิโอดังกล่าวก็ถูกเผยแพร่ทางทีวีและสื่อต่างๆ ทำให้เพลงนี้กลายเป็นไวรัลวิดิโอในชั่วข้ามคืน และแพร่ไปทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างรวดเร็ว

ทำให้เกิดกระแสไวรัลที่มีคนดารา นักร้อง ศิลปินทั่วเอเชีย ต่างก็เต้น cover เพลงนี้กันอย่างสนุกสนาน โดยเฉพาะในประเทศอินโดนีเซียที่ฮิตมากถึงขั้นมีแฮชแท็ก #BabySharkChallenge เพื่อเต้นประกวดแข่งกัน  ซึ่งได้เหล่าคนดังไม่ว่าจะเป็น ไคลี่ย์ เจนเนอร์ และ พิธีกรชื่อดัง เอเลน ร่วมในชาเลนจ์นี้ด้วย และในบ้านเรากระแส Baby Shark ก็มีเข้ามาเช่นกัน

ปัจจุบัน บริษัทผู้ผลิตเพลง เปิดเผยว่า Baby Shark นั้นมีการนำมารีมิกซ์ใหม่ จนมีเป็นกว่า 100 เวอร์ชั่น และถูกแปลไปถึง 11 ภาษา

สาเหตุที่กลายเป็นไวรัล

  1. เนื้อหาของเพลงมีความตรงไปตรงมา ข้าใจได้ง่าย จำได้ง่าย ที่แม้แต่เด็กอายุสามขวบก็สามารถร้องตามได้
  2. เนื้อเพลงมีท่อนที่ร้องซ้ำๆ และการทำเสียง ‘ดู ดู ดู ดู ดู ดู’ ซึ่งเป็นภาษาสากลที่คนทุกชาติทุกภาษาเข้าถึงได้ง่าย
  3. เป็นเพลงป็อปที่มีท่อนฮุคที่ดึงดูด ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญที่สุด
มีนักร้องดังนำเพลงมา cover กันมากมาย

ยอดวิวสูงไหม?

หลังจากที่เพลงนี้สร้างปรากฏการณ์ Earworm ได้สำเร็จในปีที่ผ่านมา รวมไปถึงยอดวิวที่ทะลุ 2,100 ล้านวิว รวมไปถึงการเป็น 1 ใน 30 คลิปที่มียอดผู้ชมสูงสุด ซึ่งล่าสุดยังมาไกลจนติดชาร์ต Billboard 100 ในอันดับที่ 32 ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เจมี่ โอ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารการตลาดของ Pinkfong ระบุว่า “ยอดคนดูคลิป ‘Baby Shark’ 800 ล้านวิวมาจากตลาดต่างประเทศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และยอดคนดูก็กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ”

นอกจากนี้ตัวแอปพลิเคชันที่มีเพลงนี้อยู่ อย่าง Pinkfong Best Kids Songs ก็ติด 10 อันดับแอปที่มียอดผู้ดาวน์โหลดมากที่สุดในประเทศเกาหลีใต้ บังคลาเทศ สิงคโปร์ ฮ่องกง และอินโดนีเซียอีกด้วย

โดยทางเจมี่ โอ ระบุว่าเทรนด์ #BabySharkChallenge ไม่ได้เป็นแผนการตลาดจากทางบริษัท แต่จากเทรนด์ดังกล่าวทำให้บริษัทได้ผลตอบรับที่ดีไปด้วย โดยรายได้ 65 เปอร์เซ็นต์ของเนื้อหาออนไลน์จาก Pinkfong มาจากนอกเกาหลีใต้ โดยบริษัทคาดการณ์ว่าจะทำรายได้จาก YouTube เพิ่มขึ้น 30 เปอร์เซ็นต์จากปีก่อน

การใช้เสียงเพลงนับเป็นหนึ่งในตัวช่วยเรื่องพัฒนาด้านสติปัญญาของลูกน้อย เพราะนอกจากจะช่วยทำให้เด็กอารมณ์ดีมีสมาธิแล้ว ดนตรีที่มีเนื้อร้องยังช่วยส่งเสริมสติปัญญาและความคิดสร้างสรรค์ของเขาอีกด้วย

 

อ่านบทความสำหรับแม่และเด็กอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ >> story.motherhood.co.th

มองหาสินค้าสำหรับแม่และเด็กในราคาสุดพิเศษได้เลยที่ >> Motherhood.co.th