โคลิค คืออะไร พ่อแม่จะรับมือได้ยังไง?
“โคลิค” (colic) คืออาการของทารกที่มีอายุ 2-4 สัปดาห์ ร้องไห้อย่างหนักโดยไม่ทราบสาเหตุและไม่สามารถกล่อมให้หยุดร้องได้โดยง่าย เป็นการร้องไห้ที่มีลักษณะรุนแรงกว่าปกติและเกิดขึ้นได้กับเด็กทุกเพศ แม้ว่าจะเป็นเด็กที่มีสุขภาพสมบูรณ์ และสามารถรับประทานนมได้ตามปกติก็ตาม
โดยทั่วไปแล้วเมื่อทารกรู้สึกหิว หรือไม่สบายตัวเพราะรูสึกเปียกชื้นในผ้าอ้อม เด็กก็จะส่งเสียงร้องไห้ออกมา หากมีอาการโคลิคเด็กจะร้องไห้หนักกว่านั้นมากและสามารถร้องได้นานนับชั่วโมง ส่วนใหญ่เด็กจะร้องตรงเวลาแทบจะทุกวัน และมักจะร้องในเวลาหัวค่ำจนถึงหลังเที่ยงคืนไปแล้ว แต่อาการจะค่อย ๆ หายไปเองเมื่อทารกมีอายุ 3-4 เดือน แต่บางรายก็ต้องรอถึง 5 เดือน
ข้อสังเกตว่าลูกร้องโคลิคหรือเปล่า
- มักร้องในเวลาเดิม ๆ ทุกวัน
- เด็กจะร้องไห้จนหน้าแดง บางรายมีอาการเกร็งมือกำไว้แน่นและงอขาขึ้นมาสูงถึงระดับอก
- เสียงที่เด็กร้องจะแหลมมาก
- เด็กบางคนร้องได้นาน 2-3 ชั่วโมง โดยที่ไม่แสดงอาการปวดท้องแน่นท้องเลย
- เด็กมีสุขภาพปกติดี ไม่ได้มีอาการเจ็บป่วย และไม่ได้กำลังหิว
อาการโคลิคเกิดจากอะไร
ในปัจจุบันวงการแพทย์ยังไม่ทราบแน่ชัดถึงสาเหตุที่แท้จริงของอาการโคลิค แต่อาจจะเกิดขึ้นจากหลายปัจจัย เช่น
- การหดเกร็งของกล้ามเนื้อในระบบทางเดินอาหาร
- มีลมหรือแก๊สในท้องมาก ยิ่งร้องไห้มากก็จะยิ่งกลืนลมเข้าไปในท้องมากตามไปด้วย
- อาการปวดท้องเพราะฮอร์โมนในร่างกายปรับเปลี่ยน
- ปัจจัยภายนอกเป็นสิ่งกระตุ้นและรบกวน เช่น แสงไฟ เสียง
- มีการพัฒนาของประสาทที่ยังไม่สมบูรณ์
- ปัญหาจากการป้อนนม เช่น ป้อนนมไม่ถูกวิธี ป้อนนมในปริมาณที่ไม่เหมาะสม
- ปัญหาทางสุขภาพอื่น ๆ ของทารก เช่น ผื่นผ้าอ้อม กรดไหลย้อน ไส้เลื่อน หูอักเสบ เป็นต้น
ต้องพบแพทย์หรือไม่
แม้ว่าลูกน้อยจะร้องไห้งอแงเป็นปกติ ถ้าคุณพ่อคุณแม่พบว่าการร้องไห้ของลูกนั้นส่งผลกระทบในการนอน การกิน หรืออาจจะมีปัญหาสุขภาพเป็นสาเหตุ ก็สามารถพบแพทย์ได้ และเมื่อพบว่าลูกน้อยมีอาการเหล่านี้ ควรรีบพบแพทย์ทันที
- ร้องไห้นานเกินไป ร้องเสียงแหลมผิดปกติ
- เมื่ออุ้มลูกขึ้นมา ร่างกายเขาอ่อนปวกเปียก
- อาเจียนออกมาเป็นสีเขียว มีลักษณะเหลว
- ถ่ายเป็นเลือด
- ไม่ยอมกินนม
- มีไข้สูงกว่า 38 องศาเซียลเซียส สำหรับทารกที่อายุต่ำกว่า 3 เดือน และมีไข้สูงเกิน 39 องศาเซียลเซียสสำหรับเด็กอายุ 3-6 เดือน
- ตัวเขียว หรือสีผิวซีด
- มีอาการชักหรือหายใจผิดปกติ
รับมือกับอาการโคลิคอย่างไร
คุณพ่อคุณแม่สามารถรับมือกับอาการโคลิคได้หลายวิธี แต่มันก็ไม่ได้มีวิธีที่ดีที่สุดเสมอไป อาจต้องใช้เวลาทดลองกับลูกว่าวิธีไหนได้ผลดีสำหรับเขามากที่สุด รวมทั้งหาสาเหตุที่แน่ชัดของการร้องไห้ด้วยตัวเอง ทดลองกันไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะเจอวิธีการที่เหมาะสม
- ตรวจดูผ้าอ้อมว่ามีความเปียกชื้นหรือไม่ ถ้าเปียกชื้นมากเกินไปก็จะทำให้เด็กไม่สบายตัว
- ปรับอุณหภูมิในห้องนั้นๆไม่ให้ร้อนหรือหนาวเกินไป
- การร้องไห้ของทารกไม่ได้แปลว่าเขาหิวเสมอไป อาจจะแค่อยากหาอะไรดูด ให้ลองหาจุกนมหลอกมาให้ลูกดูดเล่น
- หากพบว่าเป็นเพราะมีลมในท้องมา ควรเลือกขวดนมป้องกันโคลิค ที่จะช่วยป้องกันไม่ให้ลมเข้าท้องเด็กมากจนเกินไปเมื่อเขาดูดนม
- ถ้าเด็กอายุ 6 สัปดาห์ขึ้นไป สามารถนวดผ่อนคลายให้เขาได้ อีกทั้งเป็นการช่วยไล่ลมในท้องและกระตุ้นระบบย่อยอาหารด้วย
วิธีนวดบรรเทาอาการโคลิค
การนวดไม่ใช่เพียงแต่จะช่วยบรรเทาอาการโคลิคเท่านั้น แต่จะทำให้ลูกผ่อนคลายมากขึ้น ท่านวดบางท่าทำให้เกิดการเคลื่อนไหวของข้อต่อ เป็นการเพิ่มทักษะการเคลื่อนไหวให้กับลูกได้อีกทางหนึ่ง คุณพ่อคุณแม่สามารถทำการนวดได้ 3 วิธี ดังนี้
- วางมือเป็นรูปถ้วยตามแนวขวางของท้อง และค่อยๆดันมืองลงเบาๆจากอุ้งมือไปสู่ปลายมือ ทำการนวดระหว่างชายโครงกับท้องน้อย แต่ไม่ควรกดลงไปตรงกลางพุงเพราะจะทำให้เด็กอึดอัด
- วางมือเป็นรูปตัววี (V) โดยเริ่มลูบจากด้านบนของท้องมายังบริเวณท้องน้อย ทำแบบนี้สลับมือ จึงจะเป็นรูปตัววี
- รวบเท้าของเด็กเข้าด้วยกัน งอเข่าขึ้นและดันไปทางท้อง ทำค้างไว้ประมาณ 5 วินาที เพื่อไล่ลมในท้อง
อาการโลลิคของลูกอาจจะส่งผลกระทบต่อคุณพ่อคุณแม่อยู่บ้าง เมื่อลูกรักร้องโดยไม่มีสาเหตุเป็นเวลานาน ๆ ก็อาจจะทำให้เครียด เพราะหาสาเหตุไม่ได้ว่าลูกเป็นอะไรแน่ ยิ่งไปว่านั้นอาจจะทำให้หงุดหงิดกับเสียงร้องได้ ถ้าลูกร้องขึ้นมาในเวลาที่คุณพ่อคุณแม่หลับกันไปแล้ว แต่ขอให้อย่าเพิ่งไปวิตกกับความเชื่อโบราณว่าลูกเห็นอะไรบางอย่างเข้า อาจจะยิ่งทำให้กลัวกันเข้าไปใหญ่ ขอให้อดทนไว้ ถ้าหากลูกร้องโคลิคจริง ๆ ก็เป็นสัญญาณที่ดีว่าเขาไม่ได้มีอาการเจ็บป่วยอย่างอื่น พอเขาโตขึ้นเกิน 6 เดือนอาการก็จะหายไปเองอย่างแน่นอน
อ่านบทความสำหรับแม่และเด็กอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ >> story.motherhood.co.th
มองหาสินค้าสำหรับแม่และเด็กในราคาสุดพิเศษได้เลยที่ >> Motherhood.co.th