โรคขาดสารไอโอดีน ยังคงมีอยู่ในประเทศไทย
สมัยก่อนเราอาจจะเคยได้ยินกันว่ามีคนจากบางภาคที่ไม่ค่อยได้กินอาหารทะเลจะมีอาการของ “โรคขาดสารไอโอดีน” หรือที่เรียกกันจากสภาพที่เห็นว่าโรคคอหอยพอก หลายปีให้หลังมานี้กลับไม่ค่อยมีสื่อพูดถึงกันสักเท่าไหร่ แต่ในความเป็นจริงแล้วโรคนี้ก็ยังคงพบได้ในประไทยตลอดมา วันนี้ Motherhood จะพาไปทำความรู้จักกับอาการของโรคนี้เพิ่มเติมกันค่ะ
โรคขาดสารไอโอดีน (Iodine deficiency disorders – IDD) หรือที่นิยมเรียกกันอีกชื่อตามสภาพของโรคที่แสดงอาการว่า โรคคอพอก (simple goiter) คือ โรคที่เกิดจากความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ซึ่งเกิดจากภาวะการขาดสารไอโอดีนของร่างกายทำให้มีลักษณะโคโตหรือคอพอกตามมา
ในปัจจุบันภาวะการขาดสารไอโอดีนของประชากรไทยได้ลดลงไปมากจนเกือบไม่พบแล้ว แต่ยังมีพบได้บ้างในพื้นที่บางส่วนที่การคมนาคมเข้าไม่ถึง พื้นที่ที่มีความทุรกันดานมาก เนื่องจากปัจจุบันการขนส่งสินค้าสามารถทำได้เกือบครอบคลุมทั้งประเทศแล้ว ทำให้มีการขนส่งเกลือและอาหารทะเลได้ทั่วถึงทุกพื้นที่ อีกส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของภาคการผลิต ที่ปัจจุบันมีการผลิตเกลือสินเธาว์ที่ไม่มีไอโอดีน แต่ก็มีการเติมไอโอดีนเพิ่มลงไป ก่อนส่งจำหน่ายไปยังผู้บริโภค
สาเหตุของโรคขาดสารไอโอดีน
ต่อมไทรอนด์ (Thyroid gland) ถือเป็นต่อมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของร่างกาย มีลักษณะเป็นกลีบ 2 กลีบ รูปทรงคล้ายปีกผีเสื้อ ยาวประมาณ 5 เซนติเมตร หนักประมาณ 30 กรัม อยู่ด้านหน้าของหลอดลม บริเวณใต้ลูกกระเดือกลงมาเล็กน้อย ซึ่งสามารถเคลื่อนไหวขึ้นลงได้ตามท่าทางการกลืนของหลอดอาหาร
ต่อมไทรอยด์ทำหน้าที่ควบคุมการเจริญเติบโตของระบบประสาท ระบบสมอง และระบบเนื้อเยื่อของร่างกายด้วยฮอร์โมนไทร๊อกซิน (Thyroxine) โดยอาศัยสารไอโอดีนช่วยในการสร้างฮอร์โมนตัวนี้ ต่อมไทรอยด์เองสามารถดึงเอาไอโอดีนมาจากส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเพื่อมาเก็บกักไว้ภายในตัวมันเองได้ ทำให้มีปริมาณไอโอดีนในต่อมสูงมากกว่าที่มีในเลือดกว่า 30 เท่า
หากร่างกายขาดสารไอโอดีนจะทำให้ระบบประสาท ระบบสมอง และระบบกล้ามเนื้อไม่สามารถเจริญเติบโตได้ตามปกติ อัตราการเผาผลาญพลังงานจะมีน้อยลง ทำให้ร่างกายเจริญเติบโตช้า สมองทึบ ไม่มีเรี่ยวแรง เหนื่อยง่าย นอกจากนั้นอาการที่เด่นชัดคือ เกิดภาวะต่อมไทรอยด์บวมโต 4-5 เท่า ของขนาดปกติ หรือที่เรียกกันว่าคอพอก หากเกิดในแม่ที่กำลังตั้งครรภ์จะส่งผลต่อพัฒนาการทางสมองของทารกในครรภ์ หากขาดไอโอดีนรุนแรง อาจทำให้แท้ง ทารกพิการแต่กำเนิด ปัญญาอ่อน ร่างกายแคระแกร็น
สารไอโอดีนคืออะไร
ไอโอดีนเป็นแร่ธาตุชนิดหนึ่งที่พบมากในทะเล รวมถึงพบในพืชและสัตว์ที่อาศัยอยู่ใต้ทะเล จากการละลายและชะล้างจากพื้นดินลงไปสู่ทะเล แต่จะพบได้น้อยในดินและแหล่งน้ำจืด โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่หุบเขาและห่างไกลจากทะเล จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ประชากรในพื้นที่เหล่านี้มักเกิดภาวะร่างกายขาดสารไอโอดีน
ปัจจัยเสี่ยงต่อการขาดสารไอโอดีน
- สภาพภูมิประเทศ มักพบได้ในประชากรที่อาศัยในพื้นที่ที่ห่างไกลจากทะเล จะมีโอกาสเสี่ยงต่อการขาดสารไอโอดีนมากกว่าพื้นที่ที่อยู่ใกล้ทะเล เนื่องมาจากการคมนาคมที่ไม่สะดวก ทรัพยากรทางเศรษฐกิจ ความรู้ และการศึกษาที่เข้าไปไม่ถึง
- สภาพเศรษฐกิจ สาเหตุหลักมาจากปัจจัยความยากจนที่ไม่สามารถซื้ออาหารทะเลมารับประทานได้
- การคมนาคม โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ทุรกันดานที่การคมนาคมเข้าไปไม่ถึงทั้งทางบกหรือทางน้ำ ทำให้ไม่มีโอกาสที่จะได้รับสารไอโอดีน
- พฤติกรรมการบริโภค โดยเฉพาะคนที่ไม่ชอบรับประทานอาหารทะเล ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญต่อการขาดสารไอโอดีนได้ง่าย
- ร่างกายได้รับสารบางชนิด มักเป็นสารที่ออกฤทธิ์ต่อกระบวนการดูดซึมไอโอดีนของร่างกายเข้าสู่กระแสเลือด และที่ออกฤทธิ์ต่อการทำงานของต่อมไทรอยด์ เช่น กำมะถัน ไธโอชัยแอนเนท ที่ส่งผลต่อการดูดซึมไอโอดีนของต่อมไทรอยด์
อาการของโรค
อาการของโรคขาดสารไอโอดีนั้นสามารถแบ่งออกได้ตามช่วงอายุต่าง ๆ ดังนี้
1. มารดาและทารกในครรภ์
แม่ตั้งครรภ์ที่มีภาวะการขาดสารไอโอดีนหรือได้รับปริมาณไอโอดีนไม่เพียงพอ จะมีผลทำให้เกิดอาการแท้งหรือทารกเสียชีวิตในครรภ์ รวมถึงตัวแม่เองก็มีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้ง่าย
2. ทารกแรกเกิด
ทารกแรกเกิดในช่วง 0-2 ปี หลังจากการคลอดที่เกิดจากภาวะการขาดสารไอโอดีนขณะอยู่ในครรภ์ และการขาดสารไอโอดีนหลังการคลอดในช่วงระยะเวลาดังกล่าว มักมีร่างกายผิดปกติหลังคลอด เกิดอาการคอพอก ภาวะฮอร์โมนไทรอกซินต่ำ จะเกิดความผิดปกติของระบบประสาท สมอง และทางร่างกาย ปัญญาอ่อน หูหนวก แขนขากระตุก ตาเหล่ เป็นต้น
3. เด็กและวัยรุ่น
หากเกิดภาวะการขาดสารไอโอดีนในช่วงที่กำลังมีการเจริญเติบโตและมีพัฒนาทางด้านร่างกาย เด็กมักมีอาการคอพอก ฮอร์โมนไทรอกซินต่ำ ร่างกายแคระแกร็น ซูบผอม สติปัญญาไม่พัฒนาเท่าที่ควร
4. ผู้ใหญ่
ภาวะขาดสารไอโอดีนในวัยผู้ใหญ่ทำให้มีอาการคอพอก ฮอร์โมนไทรอกซินต่ำ อ่อนแรง เหนื่อยง่าย เชื่องซึม ไม่กระฉับกระเฉง ผิวหนังแห้ง เสียงแหบ ท้องผูก ทนหนาวไม่ได้ และเกิดภาวะแทรกซ้อนของโรคอื่น ๆ ได้ง่าย
วิธีตรวจลำคอเพื่อหาภาวะขาดสารไอโอดีน
1. สังเกตตำแหน่งต่อมไทรอยด์ทั้งด้านหน้าและด้านข้าง จากนั้นให้กลืนน้ำลายเพื่อสังเกตการเคลื่อนไหวของต่อมไทรอยด์ โดยให้ผู้เข้ารับการตรวจนั่งท่าปกติ หันหน้าไปข้างหน้าและเงยคางเล็กน้อย
2. แพทย์จะหันหน้าเข้าหาผู้รับการตรวจ ใช้นิ้วหัวแม่มือจับกลีบไทรอยด์ กดนิ้วหัวแม่มือและค่อย ๆ ดันไปด้านขวา กดเบา ๆ แล้วผลักต่อมไทรอยด์เล็กน้อย ในช่วงนี้ถ้าให้กลืนน้ำลายร่วมด้วยจะเห็นอาการได้ชัดเจนขึ้น
3. ใช้นิ้วคลำกลีบต่อมไทรอยด์ โดยใช้นิ้วมือสัมผัสกับต่อมด้านใน นิ้วที่เหลือสัมผัสด้านนอกต่อมที่ด้านข้างลำตัวผู้เข้ารับการตรวจ
4. แพทย์อาจใช้วิธีอ้อมไปอยู่ด้านหลังผู้ตรวจ และใช้วิธีคลำกลีบไทรอยด์ โดยใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วมืออื่น ๆคลำกลีบของต่อมทีละข้าง
นอกจากการตรวจสอบด้วยวิธีการคลำต่อมไทรอยด์แล้ว แพทย์ยังสามารถตรวจด้วยวิธีอื่น ได้แก่
- การตรวจหาไอโอดีนที่ขับออกมาในปัสสาวะที่ 24 ชั่วโมง
- การวัดการดักจับไอโอดีนด้วยสารกัมมันตรังสี
- การตรวจหาระดับฮอร์โมนในเลือด
- การหาปริมาณไทรอยด์สติมูเลทติ้งฮอร์โมน (TSH)
การแบ่งระดับอาการคอพอก
การรักษาภาวะขาดสารไอโอดีน
1. ให้สารไอโอดีนร่วมกับอาหารและน้ำดื่ม โดยให้สารไอโอดีนทีละน้อยอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำทุกวัน ในรูปของเกลือที่ปรุงอาหาร และเครื่องดื่มต่าง ๆ
2. การให้สารไอโอดีนที่มีความเข้มข้นสูง ซึ่งสามารถทำได้ 2 วิธี คือ
- การกิน โดยให้กินสารไอโอดีนที่มีความเข้มข้นสูงที่อยู่ในรูปแคปซูลขนาด 200 มิลลิกรัม เป็นประจำตามคำแนะนำของแพทย์ ซึ่งสารไอโอดีนจะถูกดูดซึมในระบบทางเดินอาหารเข้าสู่กระแสเลือดและเข้าสู่ต่อมไทรอยด์ต่อไป โดยจะช่วยป้องกันการขาดสารไอโอดีนได้หลายปี
- การฉีด เป็นการฉีดสารไอโอดีนที่มีความเข้มข้นสูงเข้าบริเวณกล้ามเนื้อขาหรือแขน ซึ่งจะสะสมอยู่ตามกล้ามเนื้อและไขมันในร่างกาย ก่อนที่จะเข้าสู่ระบบไหลเวียนเลือดและเข้าสู่ต่อมไทรอยด์
3. การรับประทานอาหารทะเล ทั้งอาหารทะเลที่เป็นพืชและสัตว์ เช่น สาหร่ายทะเล 100 กรัม จะพบสารไอโอดีนประมาณ 200 ไมโครกรัม ปลาทะเล 100 กรัม จะมีสารไอโอดีนประมาณ 50 ไมโครกรัม
4. การผ่าตัด ในผู้ป่วยบางรายที่มีอาการคอพอกมาก ลักษณะคอบวมโตจนมีผลต่อระบบทางเดินอาหารและการกลืนกินอาหาร รวมถึงมีผลต่อระบบทางเดินหายใจทำให้หายใจลำบาก แพทย์จะใช้วิธีการผ่าตัดเพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้น และทำการให้สารไอโอดีนเพิ่มอย่างสม่ำเสมอ
ปริมาณไอโอดีนที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน
- แม่ในช่วงให้นม ประมาณ 200 ไมโครกรัม
- แม่ท้อง ประมาณ 175 ไมโครกรัม
- ผู้ใหญ่ ประมาณ 150 ไมโครกรัม
- เด็กวัยเรียน ประมาณ 120 ไมโครกรัม
- เด็กอายุ 6 เดือน ถึง 6 ปี ประมาณ 50-100 ไมโครกรัม
- เด็กแรกเกิด ถึง 6เดือน ประมาณ 40 ไมโครกรัม
อาหารที่อุดมด้วยไอโอดีน
- อาหารทะเล เช่น ปลาทะเล สาหร่ายทะเล กุ้ง หอย ปู
- ผลิตภัณฑ์เสริมไอโอดีน เช่น เกลือเสริมไอโอดีน น้ำปลาเสริมไอโอดีน
- ผัก เช่น ผักโขม ผักกาดเขียว บร็อคโคลี่
- โยเกิร์ต
- เมล็ดงา ถั่วเมล็ดแบน
- ไข่
- น้ำมันตับปลา
เมื่อต้องการซื้อเกลือเสริมไอโอดีนให้สังเกตฉลากที่มี คำว่า “เกลือบริโภคเสริมไอโอดีน” อยู่บนบรรจุภัณฑ์ และตรวจสอบว่ามีเลขอย.กำกับด้วยทุกครั้ง หากปรุงอาหารด้วยเกลือเสริมไอโอดีน และรับประทานอาหารทะเลเป็นครั้งคราว โอกาสก็จะเกิดภาวะขาดสารไอโอดีนก็แทบไม่มีเลยค่ะ
อ่านบทความสำหรับแม่และเด็กอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ >> story.motherhood.co.th
มองหาสินค้าสำหรับแม่และเด็กในราคาสุดพิเศษได้เลยที่ >> Motherhood.co.th