“โฮมสคูล” แนวทางเรียนรู้แบบใหม่สำหรับลูกน้อยช่วงโควิด-19
เรียกว่าเป็นผลกระทบจากโควิด-19 อีกอย่างก็ว่าได้ เมื่อการมาถึงของโรคระบาดนี้ ทำให้ไทยเราต้องเข้าสู่รูปแบบการเรียนออนไลน์อย่างเร่งด่วน ทำให้เด็ก ๆ หลายคนต้องพบปัญหาการเรียนรู้ผ่านหน้าจอ และนี่เองที่ทำให้พ่อแม่ หรือผู้ปกครอง เริ่มสนใจของรูปแบบโฮมสคูลมากยิ่งขึ้น ทำไมถึงน่าสนใจ จริงไหมที่ประหยัดค่าใช้จ่ายกว่าไปโรงเรียน จนเหลือนำไปซื้อหลักประกันชีวิตอื่น ๆ ให้กับลูกหลานได้แทน ตามไปศึกษากันหน่อยดีกว่า
อะไรคือโฮมสคูล? อยากเริ่มต้นต้องเริ่มยังไงบ้าง?
โฮมสคูล (Home School) เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับการศึกษา มีจุดเด่นคือผู้เรียนสามารถเรียนอยู่ที่บ้านได้ มีความยืดหยุ่นในการเรียนสูง นอกจากนี้ยังตอบโจทย์ความต้องการและความสนใจของผู้เรียนได้เป็นอย่างดี เนื่องจากการเรียนแบบโฮมสคูลจะเน้นถึงความสนใจของผู้เรียนเป็นหลัก โดยการเรียนโฮมสคูลสามารถเรียนได้ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลไปจนถึงระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย โดยมีพ่อแม่ ผู้ปกครอง หรือบุคคลในครอบครัว เป็นผู้ดูแลรวมถึงวางแผนการศึกษาให้กับเด็กผู้เรียน
สำหรับการจะเรียนโฮมสคูลได้ จะต้องมีการยื่นขออนุญาตจดทะเบียนกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและวางแผนการศึกษาในเขตพื้นที่การศึกษาตามภูมิลำเนา และในระดับมัธยมศึกษา ให้ยื่นขออนุญาตจดทะเบียนจัดการศึกษาที่สำนักงานเขตพื้นที่การมัธยมศึกษา หรือจะลงทะเบียนกับ กศน. หรือการจัดการศึกษาทางไกล ก็ได้เช่นกัน ซึ่งแผนการศึกษาแบบโฮมสคูลนั้นจะมีส่วนประกอบ ดังนี้
- องค์ความรู้ ขอบเขตเนื้อหาทางวิชาการ อิงจากหลักสูตรต่าง ๆ ที่ทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากำหนดไว้
- กระบวนการ วิธีการเรียนรู้ ที่ยืดหยุ่นได้
- กิจกรรมนอกห้องเรียนเพื่อสร้างเสริมประสบการณ์ เช่น เข้าร่วมกลุ่มโฮมสคูล หรือค่ายกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้เด็ก ๆ ได้เข้าสังคม
นอกจากหลักสูตรการเรียนที่ต้องออกแบบเองแล้ว ผู้ปกครองยังต้องทำการบันทึกผลลัพธ์ จัดเก็บแฟ้มผลงานของเด็ก ๆ ที่เรียนโฮมสคูลในแต่ละเทอม เพื่อส่งต่อให้ทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทำการประเมินในแต่ละครั้ง หากมีส่วนไหนตกหล่นไป ทางสำนักงานเขตฯจะให้คำแนะนำเพิ่มเติมในหลักสูตรการเรียนปีการศึกษาครั้งต่อไป
ส่วนใครที่กังวลว่า เมื่อเรียนโฮมสคูลแล้ว เด็กๆ จะไม่มีผลสอบไว้เข้าเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย ก็ไม่ต้องกังวล เพราะผู้ปกครองสามารถให้เด็ก ๆ สอบเทียบด้วยวุฒิการศึกษาได้ ทั้งในไทย และต่างประเทศ เช่น GED หรือ IGCSE & A Level โดยที่จะมีการประเมินจากเขตอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ซึ่งจะสามารถนำวุฒิการศึกษาไปใช้เรียนต่อในระบบ หรือนำวุฒิการศึกษาไปสอบเข้าเพื่อเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยได้ตามปกติ
จะเห็นได้ว่าข้อดีของโฮมสคูลนั้นมีมากมาย แถมยังจัดสรรค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของลูกหลานได้ง่ายขึ้น และมีเงินเหลือสำหรับค่าใช้จ่ายจำเป็นด้านอื่นๆ ที่จำเป็นต่อชีวิต เช่น การซื้อประกันชีวิตสำหรับทุกๆ คนในครอบครัว ที่ช่วยเสริมความมั่นคงให้กับชีวิตได้มากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคโควิด-19
เรียนที่บ้าน ประหยัดจนเงินเหลือซื้อประกันสำหรับครอบครัวได้ จริงไหมนะ?
หลายคนอาจจะติดภาพว่าการเรียนโฮมสคูล จะต้องเรียนที่บ้านอย่างเดียว บอกเลยว่าไม่เสมอไป! เพราะการศึกษาในรูปแบบของโฮมสคูลเองก็ไม่ได้มีแค่รูปแบบเดียว และมีหลักสูตรที่ยืดหยุ่นสูง ปรับเปลี่ยนได้ตามความสนใจของผู้เรียนตลอดเวลา
เช่น อาทิตย์นี้อาจจะเรียนอยู่บ้าน แต่อาทิตย์ต่อไป ผู้ปกครองอาจนัดรวมกลุ่มกันเพื่อให้เด็กๆ ได้ทำกิจกรรมร่วมกัน หรือเดือนถัดไปจะจ้างคุณครูเฉพาะทางมาให้ความรู้โดยเฉพาะ หรือบางครอบครัวจะเรียนออนไลน์ โดยใช้หลักสูตรโฮมสคูลของต่างประเทศ ก็สามารถทำได้
นอกจากนี้ ผู้ปกครองยังไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย หากอยากพาลูกหลานออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านบ้าง เพราะสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาจะให้เงินอุดหนุนการศึกษาไปจนจบการศึกษาขั้นพื้นฐานให้ผู้ปกครองบริหารจัดการได้เอง ทั้ง ค่าหนังสือเรียน ค่าอุปกรณ์การเรียน หรือค่ากิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียน เป็นต้น
แต่การจะออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน เรื่องราวไม่คาดฝันนั้นสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ ความปลอดภัยของลูกหลานเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ดังนั้น เราขอแนะนำ ประกันชีวิตสำหรับครอบครัว จาก แรบิท แคร์ โบรกเกอร์ประกันที่คุณเชื่อถือได้ พร้อมบริการเปรียบเทียบค่าเบี้ยประกัน และให้คำปรึกษา คลิกเลย!