ใช้อโรมาเธอราพีตอนท้อง อันตรายหรือปลอดภัยกันแน่?
เป็นเวลาหลายพันปีที่ผู้คนใช้น้ำมันหอมระเหยเพื่อการรักษาโรคแบบองค์รวม สารเหล่านี้ยังช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยในการตั้งครรภ์ได้ แต่ “ใช้อโรมาเธอราพีตอนท้อง” ก็ยังไม่มีผลวิจัยที่มีน้ำหนักมาพอมารองรับว่าจะมีผลกระทบมากน้อยเพียงใดต่อการพัฒนาของตัวอ่อน เหล่านี้คือสิ่งที่คุณแม่ต้องรู้ก่อนที่จะดมกลิ่นน้ำมันหอมระเหยที่คุณชื่นชอบหรือเลือกใช้งานน้ำมันหอมระเหย
น้ำมันหอมระเหยคืออะไร?
คำว่า “น้ำมันหอมระเหย” นั้น จริง ๆ แล้วได้มาจาก “น้ำมันที่มีแก่นสาร” ซึ่งปรากฏว่ามาจากแนวคิดของอริสโตเติลที่ว่า ในขณะที่ธาตุไฟ ธาตุลม ธาตุดิน และธาตุน้ำ ประกอบขึ้นจากวัสดุจากธรรมชาติ มันเป็นองค์ประกอบที่ห้า หรือที่เรียกว่าแก่นสารที่ทำให้วัสดุบางอย่างมี “พลังชีวิต”
ตอนนี้เรารู้แล้วว่าน้ำมันหอมระเหยซึ่งมาจากพืชดอกไม้และเมล็ดพืชนั้น มีส่วนผสมของสารเคมีและสามารถแยกได้จากการกลั่น ต้องขอบคุณสารประกอบเหล่านั้นที่ทำให้น้ำมันหอมระเหยมีกลิ่นหอม ดังนั้นจึงถูกนำมาใช้ในการบำบัดด้วยกลิ่น ซึ่งถูกมองว่าเป็นพืชที่มีคุณสมบัติเป็นยา สุคนธบำบัด (Aromatherapy) นั้นเข้าใจว่ากลิ่นเชื่อมโยงกับสุขภาพโดยรวมและความเป็นอยู่ที่ดีของชีวิตคนเรา
น้ำมันหอมระเหยทำงานอย่างไร?
เมื่อเข้าไปในโพรงจมูก โมเลกุลของน้ำมันหอมระเหยจะส่งสารเคมีไปยังส่วนของสมองที่มีผลต่ออารมณ์ เมื่อเราได้สัมผัสกับกลิ่น มันก่อให้เกิดการตอบสนองทุกรูปแบบในร่างกาย ที่ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ที่ดีของเรา นั่นเป็นเหตุผลที่การดมสิ่งที่มีรสชาติอร่อยทำให้เราหิว เมื่อเรารู้สึกป่วยรือไม่สบายตัว การตอบสนองความเครียดของเราจะถูกกระตุ้น และกลิ่นหอมเหล่านี้เป็นเครื่องมือที่ลึกซึ้งที่จะช่วยจัดการกับวิธีที่เราตอบสนองต่อความเครียด
น้ำมันหอมระเหยกับไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์
คุณไม่ควรใช้น้ำมันหอมระเหยในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ เพราะอาจทำให้มดลูกหดตัวหรือส่งผลเสียต่อลูกน้อยของคุณในช่วงเริ่มต้นพัฒนาการ แม้จะการวิจัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้จะยังต้องมีขึ้นต่อไป แม่ตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยงการบำบัดด้วยอโรมาเธอราพีในไตรมาสแรก เนื่องจากน้ำมันหอมระเหยเป็นส่วนผสมสำคัญที่ใช้ในการบำบัดด้วยกลิ่น
น้ำมันหอมระเหยกับไตรมาสที่สองและสามของการตั้งครรภ์
ในช่วงไตรมาสที่สองและสาม น้ำมันหอมระเหยบางชนิดนั้นปลอดภัยต่อการใช้งานเนื่องจากลูกน้อยของคุณพัฒนาขึ้น น้ำมันเหล่านี้รวมถึงลาเวนเดอร์ ดอกคาโมไมล์ และกระดังงา ซึ่งทั้งหมดนี้ออกฤทธิ์เพื่อความสงบ ผ่อนคลาย และช่วยให้นอนหลับ คุณควรยึดติดกับน้ำมันหอมระเหยจากแบรนด์ที่มีชื่อเสียง และเป็นน้ำมันบริสุทธิ์ 100% ควรใช้น้ำมันหอมระเหยเฉพาะภายนอกเท่านั้น เพราะการบริโภคน้ำมันอาจทำให้แท้งลูก และยังนำไปสู่การคลอดก่อนกำหนดหรือส่งผลเสียต่อทารกในครรภ์ของคุณ สุดท้ายคุณควรเจือจางน้ำมันหอมระเหยด้วยน้ำมันมะกอกหรือน้ำมันมะพร้าวก่อนทาลงบนผิว
คุณสามารถใช้น้ำมันหอมกลิ่นเหล่านี้เมื่อคุณเข้าสู่ไตรมาสที่สอง:
- มะกรูด
- ดอกคาโมไมล์
- ยูคาลิปตัส
- เจอราเนียม
- ขิง
- เกรปฟรุต
- ลาเวนเดอร์
- เลมอน
- ตะไคร้
- มะนาว
- ส้มแมนดาริน
- ดอกส้ม
- พิมเสน
- กิ่งและใบของต้นส้ม
- กุหลาบ
- โรสวูด
- ไม้จันทน์
- ส้มหวาน
- ทีทรี
- กระดังงา
น้ำมันหอมระเหยที่ควรหลีกเลี่ยงช่วงตั้งครรภ์
น้ำมันที่สามารถทำให้เกิดการหดตัวของมดลูกนั้นเป็นสิ่งที่ต้องห้ามอย่างเด็ดขาด รวมถึงอบเชย กานพลู โรสแมรี่ และเสจ นี่คือน้ำมันที่คุณควรมองข้ามจนกระทั่งลูกน้อยของคุณครบกำหนดคลอด:
- อาร์นิคา
- โหระพา
- เบิร์ช (ชนิดหวาน)
- อัลมอนด์ขม
- โบลโด
- ว่านน้ำ
- การบูร
- อบเชย
- ไม้สนซีดาร์
- เสจ
- การพลู
- ผักชี
- เม็ดยี่หร่า
- เอื้องหมายนา
- ใบจาโบรันดี
- ดอกฮิซซอป
- จูนิเปอร์เบอร์รี่
- ไม้จำพวกถั่ว
- โกฐจุฬาลัมพา
- มัสตาร์ด
- ลูกจันทน์เทศ
- ผักชีฝรั่ง
- ต้นสน (แคระ)
- โรสแมรี่
- ไม้ตระกูล Sassafras
- ดอกแทนซี
- ไทม์สีแดง
- เมล็ดถั่วทองกา
- ระกำ
- ไม้วอร์มวูด
ใช้อโรมาเธอราพีตอนท้องอย่างไร?
น้ำมันอะไรก็ตามที่เลือกใช้ควรจะเจือจางในน้ำมันตัวพา เช่น น้ำมันมะพร้าว หรือน้ำมันอัลมอนด์ ด้วยความระมัดระวัง ตัวเลือกที่ปลอดภัยที่สุดในขณะตั้งครรภ์คือ การใช้น้ำมันหอมระเหยผ่านการบำบัดด้วยกลิ่นและเครื่องกระจายกลิ่นแทนการใช้เฉพาะที่
ในขณะที่สูดดมผ่านเครื่องกระจายกลิ่นและการใช้งานเฉพาะที่เมื่อเจือจางด้วยน้ำมันตัวพา โดยทั่วไปถือว่าปลอดภัย การบริโภคน้ำมันหอมระเหยหรือผสมลงในอาหารหรือเครื่องดื่มนั้น ยังคงเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันและความเห็นค่อนข้างชี้ไปในทิศทางว่าควรหลีกเลี่ยง
ผลข้างเคียงที่พบบ่อยที่สุดจากการกลืนคือการระคายเคืองในกระเพาะอาหาร ถ้าคุณใส่น้ำมันหอมระเหยลงไปในน้ำ น้ำมันจะไม่ละลายในน้ำ ดังนั้น มันจึงเป็นการยากที่ร่างกายของคุณจะดูดซึมน้ำมัน เพราะมันไม่ได้กระจายตัวอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ยังหมายความว่าคุณมีน้ำมันหอมระเหยหยดเล็ก ๆ ลอยอยู่ในท้องของคุณ ซึ่งอาจทำให้เกิดการระคายเคืองของเยื่อเมือกที่ละเอียดอ่อนมากในกระเพาะอาหาร
4 สูตรบำบัดด้วยน้ำมันหอมระเหยที่ปลอดภัยเมื่อตั้งครรภ์
ตอนนี้คุณรู้แล้วว่าสิ่งที่ควรและไม่ควรทำในการใช้น้ำมันหอมระเหยเมื่อตั้งครรภ์คืออะไร แต่อะไรคือสิ่งที่เกี่ยวกับการบำบัดด้วยน้ำมันหอมระเหยระหว่างตั้งครรภ์กันละ เหล่านี้คือสูตรบำบัดซึ่งปลอดภัยที่จะใช้ในช่วงไตรมาสที่สองและสามของคุณ ซึ่งแน่นอนว่าคุณควรปรึกษาแพทย์หรือนักบำบัดด้วยกลิ่นที่มีคุณสมบัติก่อนใช้น้ำมันหอมระเหยทุกครั้ง
- เพื่อช่วยซ่อมแซมรอยแตกลาย ให้ผสมลาเวนเดอร์หรือน้ำมันกุหลาบ 2-3 หยดกับน้ำมันที่คุณโปรดปราน เช่น น้ำมันมะพร้าวหรืออัลมอนด์ และทาบริเวณที่มีรอยแตกลายวันละ 1-2 ครั้ง
- เพื่อบรรเทาอาการคลื่นไส้ที่เกิดจากการแพ้ท้อง น้ำมันจากส้มหวานหรือส้มแมนดารินสามารถใช้กับเครื่องกระจายกลิ่นหรือสูดดมโดยตรงจากขวด น้ำมันเหล่านี้ยังทำงานได้ดีเมื่อนำไปผสมกับน้ำมันตัวพาและใช้นวดเข้าสู่ผิว
- เพื่อบรรเทาความรู้สึกไม่สบายที่เกิดจากการโตในท้องของลูกน้อย ให้ผสมน้ำมันลาเวนเดอร์สองสามหยดกับน้ำมันตัวพาและนวดลงบริเวณท้อง
- เพื่อบรรเทาอาการจากเท้าหรือข้อเท้าบวม ให้หยดน้ำมันลาเวนเดอร์ลาเวนเดอร์หรือเจอราเนี่ยม 3 – 5 หยด ลงในน้ำมันตัวพาที่คุณเลือก และใส่ลงในขสดลูกกลิ้ง จากนั้นนวดลงในพื้นที่ที่มีอาการ
- เพื่อรักษาโรคริดสีดวงทวาร น้ำมันไซเปรส เจอราเนียม ลาเวนเดอร์ สามารถบรรเทาอาการบวมและระคายเคืองได้ ให้ผสมน้ำมันหอมระเหยทั้งสามเข้าด้วยกัน รวมเป็น 8 หยด และเพิ่มส่วนผสมนี้ลงในเจลว่านหางจระเข้ 2 ช้อนโต๊ะ ใช้ส่วนผสมนี้ลงบนพื้นที่ที่มีอาการด้วยสำลี
- เพื่อช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น ทั้งลาเวนเดอร์ กระดังงา ส้มแมนดาริน และกำยาน ให้ใส่น้ำมันหอมระเหยรวม 12 หยดลงในน้ำกลั่น 2 ช้อนโต๊ะในขวดสเปรย์ และสเปรย์ลงบนหมอนก่อนนอน
อ่านบทความสำหรับแม่และเด็กอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ >> story.motherhood.co.th
มองหาสินค้าสำหรับแม่และเด็กในราคาสุดพิเศษได้เลยที่ >> Motherhood.co.th