Site icon Motherhood.co.th Blog

กวาดยา ทำไปทำไม เด็กติดเชื้อได้เพราะไปกวาดยา

การกวาดยาอันตรายไหม

การกวาดยา มีผลเสียมากกว่าผลดีจริงไหม?

กวาดยา ทำไปทำไม เด็กติดเชื้อได้เพราะไปกวาดยา

เมื่อประมาณ 1 ปีมาแล้ว มีข่าวแม่พาลูกไป “กวาดยา” แต่สุดท้ายเด็กกลับติดเชื้อในกระแสเลือด จนเป็นเยื่อหุ้มสมองอักเสบ และมองไม่เห็น การกวาดยาในเด็กทารกถือเป็นสิ่งที่คนเฒ่าคนแก่เชื่อว่าถ้าพาเด็กไปรับการกวาดยาแล้วจะไม่เป็นโรค และเด็กจะแข็งแรง ทำให้ในสมัยก่อนมีการกวาดยากันอย่างแพร่หลาย  ซึ่งในปัจจุบันนี้หลายครอบครัวยังคงทำตามความเชื่อเดิมอยู่ แต่ข่าวก็มีให้เห็นกันบ่อยๆทั้งในหน้าหนังสือพิมพ์และในสื่อสังคมออนไลน์ ว่ามีเด็กที่ได้รับอันตรายเพราะการกวาดยา สรุปแล้วมันเป็นเป็นอันตรายกับลูกจริงไหม มาดูกันเลยค่ะ

การกวาดยาคืออะไร จำเป็นกับเด็กจริงหรือ?

มันคือการเอายาป้ายในลำคอเด็กโดยใช้นิ้วมือ เป็นการรักษาแบบแผนโบราณ ที่จะใช้สมุนไพรในการรักษาอาการต่างๆให้กับเด็ก โดยการป้ายเข้าไปที่ปากของเด็ก ไม่ว่าเด็กจะเป็นหวัดธรรมดา มีอาการไอ เจ็บคอ ลิ้นเป็นฝ้า เป็นไข้ ซาง เบื่ออาหาร ร้อนใน ก็มักจะใช้วิธีนี้ให้ลูกกันเรื่อยมา

ผู้กวาดยาไม่สวมถุงมือ อาจมีเชื้อโรคเข้าสู่คอเด็ก

ในปัจจุบันแพทย์แผนใหม่ไม่แนะนำให้ทำแล้ว เพราะการเอานิ้วเข้าไปกวาดคอลูกลึกๆ นิ้วอาจจะไม่สะอาด หรือเล็บของคนทำอาจไปโดนคอลูกทำให้เกิดแผลและติดเชื้อได้ มีเด็กมากมายที่ไปกวาดยามาแล้วติดเชื้อ เชื้อนี้อาจจะมาจากมือคนกวาด หรืออาจจะในยาที่เอามากวาดยากวาดมีส่วนผสมของฝิ่นที่อันตรายมากกับเด็กเล็ก และในวัยทารกเพดานปากจะอ่อนมาก ทำให้เชื้อโรคเข้าไปได้ง่าย

เรื่องเล่าเกี่ยวกับโรคโบราณในเด็ก

ในหนังสือแพทยศาสตร์สงเคราะห์ได้อธิบายถึงโรคที่เกิดในเด็กไว้อย่างละเอียดถี่ถ้วนในคัมภีร์ปฐมจินดา และคัมภีร์ฉันทศาสตร์ที่บอกเล่าโรคที่เกิดขึ้นในเด็กตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 12 ปี หรือที่ชาวบ้านส่วนใหญ่เรียกันติดปากว่า “ซาง”

ซาง เป็นกลุ่มอาการหรือโรค ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรคทางเดินหายใจ เช่น หวัด ตัวร้อน เป็นไข้ ไอ เจ็บคอ ลิ้นเป็นฝ้า มีเม็ดในปากและคอ และโรคทางเดินอาหาร เช่น ท้องอืด ท้องเสีย ท้องผูก อาเจียน เบื่ออาหาร พยาธิ

นอกจากนี้ในทางการแพทย์แผนไทยเชื่อว่าโรคที่เกิดในเด็กยังประกอบไปด้วยโรคหละ สะพั้น ละออง ตาน และทับ ซึ่งเกิดกับเด็กแรกคลอดกระทั่งอายุ12 ขวบ โดยจะมีอาการดังนี้

ผู้ทรงคุณวุฒิทางการแพทย์แผนไทยได้อธิบายไว้ว่า ในอดีตตอนเด็กอยู่ในท้อง แม่อาจบริโภคอาหารโดยขาดความระมัดระวัง เช่นอาหารที่ไม่สะอาด อาหารดิบมีพยาธิ อาหารที่ย่อยได้ยาก ก็ส่งผลต่อสุขภาพของเด็กในครรภ์ได้ ประกอบกับน้ำนมแม่มีคุณภาพที่ไม่ค่อยจะดีนัก ไม่รักษาความสะอาดให้ถูกสุขลักษณะ จึงทำให้เด็กเป็นซางได้ นอกจากนี้แล้วยังมีความเชื่อว่าการที่เด็กป่วยเป็นโรคนั้นโรคนี้เกิดจากสิ่งเหนือธรรมชาติ เช่น ปีศาจหรือมารร้าย แม่ซื้อ หรือขวัญหนี เพราะมีสิ่งมากระทบจิตใจ

บางคนเชื่อว่าเมื่อลูกลิ้นเป็นฝ้าขาว พาไปกวาดยาก็จะหาย

ลิ้นเป็นฝ้าขาวในเด็กเกิดจากอะไร?

1. เชื้อราที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ โดยปกติเราสามารถพบเชื้อราในช่องปากของลูกได้ตั้งแต่แรกคลอด หรือในเด็กอายุต่ำกว่า 6 เดือน ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ เชื้อราที่พบนั้นเป็นเชื้อราที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติที่เมื่อเกิดขึ้นแล้วจะหายไปเอง

2. เชื้อราที่เกิดจากการทำความสะอาดไม่ทั่วถึงจนเกิดเป็นคราบสะสม ซึ่งคราบสะสมที่เกิดขึ้นนี้อาจเกิดจากนมที่ลูกกินเข้าไป หลังจากกินนมเสร็จ คุณแม่ไม่ได้ให้ลูกดื่มน้ำตาม ซึ่งเหตุผลที่คุณแม่ไม่ให้ลูกได้ดื่มน้ำนั้น มักจะมาจากลูกกินนมจนอิ่ม จึงไม่อยากกินน้ำ หรือเป็นเพราะคุณแม่ปล่อยให้ลูกดูดนมจนหลับคาขวดนม ทั้งหมดนี้ทำให้เกิดเชื้อแบคทีเรียสะสมเป็นฝ้าหนาอยู่ที่ลิ้นของเด็ก

3. เชื้อราที่เกิดจากเชื้อโรคที่ มันเกิดมาจากการที่ลูกหยิบจับสิ่งของต่างๆที่สกปรกเข้าปากทำให้ได้รับเชื้อและเกิดเป็นเชื้อราได้

สังเกตยังไงว่าใช่เชื้อราไหม?

เชื้อราที่เกิดขึ้นในปากของลูกนั้นมีวิธีสังเกต คือ ดูที่กระพุ้งแก้มทั้ง 2 ข้าง และบริเวณเหงือก หากมีคราบขาวจากเชื้อรา มีเยอะหรือหนามาก เด็กเล็กมักจะมีอาการงอแง กินนมหรือกินอาหารเสริมได้น้อย น้ำหนักตัวลด อาการแบบนี้แสดงว่าลูกเจ็บปากที่เกิดเพราะมีเชื้อราจับตัวอยู่ในปากนั่นเอง

พ่อแม่สามารถกำจัดอาการลิ้นฝ้าของลูกได้เอง

การป้องกันลิ้นเป็นฝ้าและเชื้อราในปาก

1. หมั่นเช็ดทำความสะอาดในช่องปากของลูกอย่างสม่ำเสมอ โดยเช็ดช่องปากด้วยผ้าก๊อซทั้งในตอนเช้า เย็น และก่อนนอน
2. ควรให้ลูกดื่มน้ำต้มสุกหลังจากที่กินนม หรือหลังมื้ออาหารเสริมทุกครั้ง หรืออาจใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดตาม
3. คุณแม่ที่ให้นมลูกควรทำความสะอาดหัวนมและเต้านมทั้งก่อนและหลังให้นมลูกทุกครั้ง
4. ของเล่นต่างๆของลูกต้องหมั่นเช็ดล้างทำความสะอาดให้บ่อย เพราะเด็กเล็กๆมักชอบเอาของเล่นเข้าปาก
5. หากคุณแม่พบว่าลูกเริ่มเป็นฝ้าขาวในลิ้นหรือภายในช่องปาก ควรรีบทำความสะอาด อย่าปล่อยทิ้งไว้จนหนาเตอะ เพราะจะทำความสะอาดยาก และอาจทำให้ลูกเจ็บปากจนเบื่อนมเบื่ออาหารอีกด้วย
6. หากคุณแม่ดูแลทำความสะอาดแล้วฝ้าที่ลิ้นก็ยังไม่หาย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำต่อไป

การกวาดยาจะช่วยรักษาลิ้นเป็นฝ้าได้ไหม?

หากจะพาลูกไปกวาดยาคุณพ่อคุณแม่ต้องมั่นใจในความสะอาด อีกทั้งยาที่นำมากวาดนั้นควรได้รับคำแนะนำจากเภสัชกร หรืออาจปรึกษาแพทย์ก่อนจะดีกว่า เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่นำเข้าปากลูกน้อยต้องให้ความใส่ใจและระมัดระวังให้มาก ถ้าหากทำไม่ถูกวิธีแล้วอาจเกิดแผลในปากติดเชื้อลุกลามได้

ในย่านเจริญกรุงมีตรอกเล็กๆที่ชื่อว่าตรอกหมอ ปัจจุบันคือซอยเจริญกรุง 83 มีบ้านไม้ขนาดเล็กสร้างแบบสถาปัตยกรรมแบบไทยโบราณที่ถูกปรับปรุงให้เป็นคลินิกแผนไทย เรียกกันติดปากว่าคลินิกหมอมา ที่นี่เป็นคลิกนิกแผนไทยที่มีคุณหมอผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการกวาดยา สำหรับยาที่ใช้ในการกวาดนั้นจะเป็นตำรับเฉพาะที่ตกทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ และใช้กันมาอย่างยาวนานหลายรุ่น แต่การกวาดยานั้นต้องอาศัยความรู้ความชำนาญในการกวาด เพราะมิเช่นนั้นอาจจะเป็นอันตรายต่อเด็กเกิดอาการสำลัก และไปอุดกั้นทางเดินหายใจได้ ฉะนั้นควรปรึกษาแพทย์แผนไทยจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด

เมื่อคุณพ่อคุณแม่ทราบอย่างนี้แล้ว หากคิดว่าการกวาดยาคือหนทางที่เหมาะสมในการรักษาลูกจริงๆ ก็ควรไปพบแพทย์แผนไทยที่เชี่ยวชาญโดยตรงจะดีกว่า ก็จะลดความเสี่ยงเรื่องความสะอาดและความไม่ชำนาญลงไปได้เยอะ หากแต่ความเห็นของแพทย์แผนปัจจุบันนั้นยังลงความเห็นว่าไม่ใช่สิ่งจำเป็นค่ะ

 

อ่านบทความสำหรับแม่และเด็กอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ >> story.motherhood.co.th

มองหาสินค้าสำหรับแม่และเด็กในราคาสุดพิเศษได้เลยที่ >> Motherhood.co.th