Site icon Motherhood.co.th Blog

7 ประโยชน์ด้านสุขภาพที่โดดเด่นของ “การกินแอปเปิ้ล”

การกินแอปเปิ้ลนั้นดี

7 คุณประโยชน์ที่รู้แล้วคุณจะต้องกินแอปเปิ้ลทุกวัน

7 ประโยชน์ด้านสุขภาพที่โดดเด่นของ “การกินแอปเปิ้ล”

“การกินแอปเปิ้ล” ไม่เพียงแต่จะได้ลิ้มรสที่อร่อยด้วยตัวของมันเองหรือเมื่อนำไปใส่ในอาหารเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วย แอปเปิ้ลเชื่อมโยงกับประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย รวมถึงสุขภาพทางเดินอาหารที่ดีขึ้น และลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมอง ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคหัวใจ โรคอ้วน และมะเร็งบางชนิด

แอปเปิ้ลผลขนาดกลางเป็นแหล่งใยอาหารที่ดี โดยประกอบด้วยไฟเบอร์ 4.4 กรัม ครอบคลุม 16 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน นอกจากนี้ แอปเปิ้ลขนาดเดียวกันยังมีวิตามินซี 8.4 มิลลิกรัม ซึ่งมากกว่าปริมาณที่แนะนำต่อวันถึง 9 เปอร์เซ็นต์ พร้อมกับวิตามินและแร่ธาตุอื่น ๆ อีกเล็กน้อย

แอปเปิ้ลทุกชนิดมีประโยชน์ แม้ว่าคุณค่าทางโภชนาการและสารต้านอนุมูลอิสระจะแตกต่างกันไปเล็กน้อยจากชนิดหนึ่งไปอีกชนิดหนึ่ง แต่สิ่งที่ดีที่ก็คือเลือกกินชนิดที่คุณชอบ นี่คือเหตุผลที่คำว่า ‘กินแอปเปิ้ลวันละผลช่วยห่างไกลหมอ’ อาจมีความจริงบางอย่างอยู่

1. แอปเปิ้ลอาจลดคอเลสเตอรอลสูงและความดันโลหิต

การศึกษาได้เชื่อมโยงการบริโภคแอปเปิ้ลกับความเสี่ยงที่ลดลงของโรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับประโยชน์ในการลดคอเลสเตอรอลของเส้นใยที่ละลายน้ำได้ที่พบในแอปเปิ้ล

เส้นใยที่ละลายน้ำละลายในน้ำเพื่อสร้างวัสดุเนื้อคล้ายเจล เส้นใยนี้ช่วยป้องกันการสะสมของคอเลสเตอรอลในเยื่อบุผนังหลอดเลือด จึงช่วยลดอุบัติการณ์ของหลอดเลือด (จำกัดการไหลเวียนของเลือดในหลอดเลือดแดงเนื่องจากการสะสมของคราบจุลินทรีย์) และโรคหัวใจ นอกจากนี้ยังสามารถช่วยลดระดับความดันโลหิตได้ การศึกษาพบว่าการบริโภคเส้นใยที่ละลายน้ำได้สูงขึ้นสัมพันธ์กับความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดที่ลดลง

การวิจัยแสดงให้เห็นว่าการกินแอปเปิ้ล (หรือลูกแพร์) เป็นประจำมีความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองลดลง 52 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ ผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ในเดือนกุมภาพันธ์ 2020 ใน The American Journal of Clinical Nutrition พบว่าการรับประทานแอปเปิ้ลวันละ 2 ผล ช่วยให้ผู้เข้าร่วมการศึกษาลดระดับคอเลสเตอรอล LDL และระดับไตรกลีเซอไรด์

2. การรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์ รวมทั้งแอปเปิ้ล ช่วยย่อยอาหารได้

คุณคงเคยได้ยินมาว่าไฟเบอร์นั้นดีสำหรับการย่อย และสิ่งที่คุณเคยได้ยินมานั้นเป็นความจริง ตามรายงานของ Harvard Health Publishing เส้นใยทั้งสองประเภท (ทั้งที่ละลายน้ำได้และไม่ละลายน้ำ) มีความสำคัญต่อการย่อยอาหาร และคุณโชคดี — แอปเปิ้ลมีเส้นใยทั้งสองประเภท

ไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้ช่วยชะลอการย่อยอาหาร ทำให้คุณรู้สึกอิ่ม และยังช่วยชะลอการย่อยกลูโคส ซึ่งช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของคุณ ในขณะเดียวกัน ไฟเบอร์ที่ไม่ละลายน้ำสามารถช่วยให้อาหารเคลื่อนผ่านระบบของคุณ และช่วยให้มีอาการท้องผูกและความสม่ำเสมอ

3. แอปเปิ้ลสามารถสนับสนุนระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง

ใครไม่ต้องการระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงขึ้นในช่วงหน้าฝนบ้าง ? แอปเปิ้ลอาจเป็นเครื่องมือสำคัญในชุดเครื่องมือสร้างภูมิคุ้มกันของคุณ จากการวิจัยในสัตว์ต่าง ๆ อาหารที่เต็มไปด้วยเส้นใยที่ละลายน้ำได้ช่วยเปลี่ยนเซลล์ภูมิคุ้มกันที่ก่อการอักเสบให้กลายเป็นเซลล์ต้านการอักเสบและภูมิคุ้มกัน การศึกษาในสัตว์อีกชิ้นหนึ่งซึ่งตีพิมพ์ในเดือนพฤษภาคม 2018 ในวารสาร Immunity พบว่าอาหารที่มีเส้นใยอาหารสูงช่วยป้องกันหนูจากไข้หวัด

ยังคงมีเหตุผลที่เชื่อได้ว่าแอปเปิ้ลอาจช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ส่วนหนึ่งเพราะมีวิตามินซีที่กระตุ้นภูมิคุ้มกัน การวิจัยที่ตีพิมพ์ในเดือนพฤศจิกายน 2017 ในวารสาร Nutrients พบว่าวิตามินซีมีบทบาทมากมายในการช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงาน เช่น โดยการเสริมสร้างเกราะป้องกันเยื่อบุผิวที่ต่อต้านเชื้อโรค และป้องกันความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชันจากสิ่งแวดล้อม

4. แอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่เป็นมิตรกับเบาหวาน

หากคุณมีโรคเบาหวานประเภท 2 ให้พิจารณาเพิ่มแอปเปิ้ลในอาหารของคุณ แน่นอนว่า,yoเป็นผลไม้ แต่เป็นความเข้าใจผิดทั่วไปว่าผู้ป่วยโรคเบาหวานไม่สามารถกินผลไม้ได้

ในกรณีนี้ เส้นใยที่ละลายน้ำได้ของแอปเปิ้ลสามารถช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือดและอาจช่วยเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดได้ นอกจากนี้ อาหารเพื่อสุขภาพที่มีเส้นใยที่ไม่ละลายน้ำสามารถลดโอกาสในการพัฒนาโรคเบาหวานประเภท 2 ได้ตั้งแต่แรก

นอกจากนี้ การศึกษาผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ตีพิมพ์ในเดือนสิงหาคมปี 2016 ใน Experimental and Therapeutic Medicine พบว่าการบริโภคเส้นใยที่ละลายน้ำได้เป็นประจำช่วยลดการดื้อต่ออินซูลิน และปรับปรุงระดับน้ำตาลในเลือดและไตรกลีเซอไรด์

5. สารต้านอนุมูลอิสระในแอปเปิ้ลอาจมีบทบาทในการป้องกันมะเร็ง

แม้ว่าจะไม่มีวิธีป้องกันมะเร็งที่แน่นอน แต่แอปเปิ้ลก็สามารถช่วยได้ เพราะแอปเปิ้ลอาจลดความเสี่ยงของมะเร็งบางชนิด ซึ่งนักวิจัยคาดการณ์ว่าเกี่ยวข้องกับสารต้านอนุมูลอิสระที่พบในแอปเปิ้ล การวิจัยชี้ให้เห็นว่าแอปเปิ้ลมีสารต้านอนุมูลอิสระในระดับสูงมาก และจากการศึกษาในห้องปฏิบัติการพบว่าสารต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้สามารถจำกัดการเติบโตของเซลล์มะเร็งได้

งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในเดือนตุลาคมปี 2016 ใน Public Health Nutrition พบว่าการกินแอปเปิ้ลเป็นประจำนั้นสัมพันธ์กับการลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งบางชนิด รวมทั้งมะเร็งลำไส้ใหญ่ ช่องปาก หลอดอาหาร และมะเร็งเต้านม

เส้นใยในแอปเปิ้ลอาจให้ประโยชน์ในการป้องกันมะเร็ง การศึกษาที่ตีพิมพ์ในเดือนมีนาคมปี 2016 ในวารสาร Pediatrics พบว่าผู้หญิงที่กินอาหารที่มีเส้นใยสูงมากขึ้นในช่วงวัยรุ่นและวัยหนุ่มสาว (โดยเฉพาะผักและผลไม้จำนวนมาก) มีความเสี่ยงมะเร็งเต้านมลดลงในภายหลัง

และผลการศึกษาอื่นที่ตีพิมพ์ในวารสาร The Lancet ในเดือนมกราคมปี 2019 พบว่าอาหารที่มีเส้นใยอาหารสูงสามารถป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก รวมถึงโรคเบาหวานประเภท 2 และโรคหลอดเลือดหัวใจ

6. การกินแอปเปิ้ลสามารถช่วยลดน้ำหนักได้

อาหารที่อุดมไปด้วยผลไม้ (และผัก) สามารถช่วยให้คุณรักษาน้ำหนักที่ดีต่อสุขภาพหรือลดน้ำหนักได้ เนื่องจากแอปเปิ้ลเต็มไปด้วยใยอาหาร จึงอยู่ในลำดับต้น ๆ ของลิสท์ ไฟเบอร์ช่วยให้ย่อยอาหารช้าลงและเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด ทำให้คุณรู้สึกอิ่มและมีโอกาสน้อยที่จะกินมากเกินไป

จากการศึกษาใน The Lancet คนที่กินไฟเบอร์มากที่สุดจะมีน้ำหนักตัวที่ต่ำกว่าอย่างเห็นได้ชัด การวิจัยแสดงให้เห็นว่าผู้หญิงที่มีน้ำหนักเกินที่กินแอปเปิ้ลสามลูกต่อวันลดน้ำหนักได้ 1.22 กก. หลังจากผ่านไป 12 สัปดาห์

ผลไม้ชนิดนี้มีแคลอรี่เพียง 95 แคลอรีสำหรับแอปเปิ้ลขนาดกลาง คุณควรกินเมื่อเกิดความอยากของหวาน

7. แอปเปิ้ลอาจช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ได้

ถึงเวลาเริ่มกินแอปเปิ้ลและอาหารที่อุดมด้วยฟลาโวนอยด์อื่นๆ เช่น เบอร์รี่และชามากขึ้น งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในเดือนสิงหาคม 2020 ใน The American Journal of Clinical Nutrition พบว่าผู้ใหญ่อายุ 50 ปีขึ้นไปที่รับฟลาโวนอยด์เพียงเล็กน้อยจากอาหารมีโอกาสเพิ่มขึ้น 2-4 เท่า ที่จะพัฒนาโรคอัลไซเมอร์และภาวะสมองเสื่อมประเภทที่เกี่ยวข้องกันมานานกว่า 20 ปี เมื่อเทียบกับผู้ที่รับประทานอาหารที่อุดมด้วยฟลาโวนอยด์มากกว่า

ยิ่งไปกว่านั้น บทวิจารณ์ที่ตีพิมพ์ในเดือนมกราคมปี 2020 ในวารสาร Biomolecules พบว่าเควอซิทิน (Quercetin) ซึ่งเป็นสารฟลาโวนอยด์ที่พบในแอปเปิ้ลและพืชในวงศ์ผักกาด ช่วยปกป้องเซลล์ประสาทจากความเสียหายจากปฏิกิริยาออกซิเดชัน และยังมีคุณสมบัติต้านโรคอัลไซเมอร์อีกด้วย แต่นักวิจัยกล่าวว่า จำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมนอกห้องปฏิบัติการ

 

อ่านบทความสำหรับแม่และเด็กอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ >> story.motherhood.co.th

มองหาสินค้าสำหรับแม่และเด็กในราคาสุดพิเศษได้เลยที่ >> Motherhood.co.th