Site icon Motherhood.co.th Blog

10 วิธีในการทำให้ “การรีโนเวทบ้าน” เป็นกิจกรรมสำหรับครอบครัวที่สนุกสนาน

การรีโนเวทบ้านกับครอบครัว

คุณสามารถทำให้การรีโนเวทบ้านของคุณสนุกขึ้นได้กับทุกคนในครอบครัว

10 วิธีในการทำให้ “การรีโนเวทบ้าน” เป็นกิจกรรมสำหรับครอบครัวที่สนุกสนาน

หากพูดถึง “การรีโนเวทบ้าน” สมาชิกในครอบครัวหลายคน โดยเฉพาะเด็ก ๆ อาจจะไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องสนุกสักเท่าไหร่นัก ทั้งฝุ่น ไหนจะต้องออกแรงขนย้ายข้าวของ ทั้งอาจจะต้องลงมือทำอะไรหลายอย่างด้วยตัวเอง (ก็คุณแม่อยากประหยัดงบนี่นา) แต่วันนี้ Motherhood มีวิธีที่จะให้การรีโนเวทบ้านของคุณกลายเป็นกิจกรรมในครอบครัวที่สนุกสนานขึ้นได้ เรารับประเด็ก ๆ ก็จะให้ความร่วมมือกับคุณเป็นอย่างดีแน่นอน

เด็ก ๆ สามารถช่วยทาสีภายใต้การดูแลของผู้ใหญ่
1. ให้เด็ก ๆ มีส่วนร่วมกับโปรเจคเล็ก ๆ ของเขาเอง

การให้เด็กเล็กมีส่วนร่วมเป็นเรื่องสนุกในระยะสั้นและเป็นประโยชน์ในระยะยาว “เพราะเด็ก ๆ ชอบลองสิ่งใหม่ๆ” เจสสิก้า แฮร์ริส ผู้จัดการฝ่ายออกแบบการผลิตที่ร้านเฟอร์นิเจอร์ระดับประเทศอธิบาย “การมีส่วนร่วมจะช่วยให้พวกเขาสร้างความมั่นใจตั้งแต่อายุยังน้อย และกระตุ้นให้พวกเขาอยากรู้อยากเห็น”

คาร์สันแนะนำให้เด็ก ๆ ทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่คุณสามารถทำได้ด้วยกัน ในขณะที่ให้โอกาสพวกเขาเป็นผู้นำและรู้สึกมีส่วนร่วม “ตัวอย่างเช่น การอัพเกรดความสวยงามในบ้านแบบเบสิคก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี” เธอกล่าว “ให้ลูก ๆ ของคุณช่วยทาสีพื้นที่หรือซอกเล็ก ๆ ในขณะที่คุณจัดการกับพื้นที่ที่ยุ่งยาก เช่น การตัดขอบและมุม ให้ลูก ๆ ของคุณใช้แปรงทาสีสำหรับผนังที่ใหญ่กว่า เพื่อให้พวกเขาได้สนุกกับพื้นที่เล็ก ๆ สำหรับข้อผิดพลาด”

หรือคุณสามารถลองปลูกสวนริมหน้าต่างด้วยกันได้ คาร์สันกล่าว “สำหรับพืชที่ใช้เริ่มในช่วงแรก ให้พิจารณาเลือกต้นที่เติบโตได้ง่ายและต้องการการดูแลเพียงเล็กน้อย เช่น สมุนไพร” เธออธิบาย “ด้วยวิธีนี้ ลูก ๆ ของคุณสามารถติดตามความคืบหน้าและภาคภูมิใจในผลงานของพวกเขา เมื่อพืชโตพร้อม ทุกคนในครอบครัวสามารถเฉลิมฉลองด้วยอาหารแสนอร่อยที่บ้าน”

2. คอยให้คะแนะนำแก่เด็กเล็กด้วย

แน่นอนว่ายิ่งเด็กมากเท่าไหร่ เขาก็ต้องการคำแนะนำมากเท่านั้น คุณจะต้องเสนอให้เด็ก ๆ กำหนดขอบเขตไว้ล่วงหน้าเพื่อทำงาน แฮร์ริสแนะนำ “แทนที่จะพูดว่า ‘เลือกสี’ ให้ตัวเลือกที่ได้รับการอนุมัติล่วงหน้าสัก 3 ตัวเลือกแก่พวกเขา” เธอกล่าวเสริม

จากนั้นปล่อยให้พวกเขากุมบังเหียนเองแม้เพียงเล็กน้อย เพื่อให้พวกเขารู้สึกมีส่วนร่วมอย่างแข็งขัน “หากคุณกำลังตัดสินใจว่าจะใช้สีเพ้นท์ตัวไหนดีและมีสีตัวอย่าง 2-3 สี ให้ลูกของคุณเป็นคนเลือกและทามันลงบนผนัง” แฮร์ริสกล่าว

ให้เจ้าตัวน้อยระบายสีหินและนำไปตกแต่งในสวน
3. จัดโปรเจคกลางแจ้งให้กับเด็กก่อนวัยเรียน

วางแผนที่จะเพิ่มสวนหรือปลูกดอกไม้ใหม่อยู่หรือเปล่า ? นี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะให้เด็กก่อนวัยเรียนของคุณมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์ “พาพวกเขาไปที่สวนสาธารณะและรวบรวมก้อนหิน ยิ่งแบนยิ่งดี และเอามันไว้บริเวณที่พวกเขาสามารถทาสีหรือวาดเครื่องหมาย” แฮร์ริสกล่าว “หินหลากสีสันจะเป็นสีสันที่สมบูรณ์แบบสำหรับสวนของคุณ และมันจะช่วยให้ลูกของคุณรู้จักสร้างสรรค์งานบนสื่อที่ไม่ใช่กระดาษธรรมดาที่พวกเขาคุ้นเคยในโรงเรียนหรือสถานรับเลี้ยงเด็ก”

เด็กๆ จะสนุกกับการเลียนแบบคุณและทำงานในโปรเจคกลางแจ้งในแบบฉบับของพวกเขาเอง “ถ้ามีพื้นที่เพียงพอ ให้กำหนดพื้นที่ที่สามารถจัดเป็นสวนของพวกเขาได้” แฮร์ริสกล่าว “ช่วยพวกเขาเลือกเมล็ดพันธุ์ดอกไม้ที่จะปลูกและสอนพวกเขาเกี่ยวกับการดูแลสวน เช่น การรดน้ำ” ยังมีอะไรอีก ? “มันจะช่วยสอนพวกเขาว่าเหตุใดการทำอะไรเป็นกิจวัตรจึงสำคัญ ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในการเตรียมบุตรหลานของคุณให้พร้อมสำหรับความสำเร็จในโรงเรียนเช่นกัน”

4. ให้เด็กประถมช่วยทำความสะอาดและเตรียมของ

“เด็ก ๆ วัยประถมสามารถจัดการกับงานที่มากขึ้นเล็กน้อยซึ่งมันจะช่วยแบ่งเบางานคุณได้” คาร์สันอธิบาย คุณอาจเสนอโปรเจคที่เกี่ยวข้องกับการบำรุงรักษาหรือทำความสะอาดง่าย ๆ แก่พวกเขา รวมถึงการกวาดใบไม้ หรือแม้แต่ปล่อยให้พวกเขาช่วยคุณทาสีห้อง เปลี่ยนวอลเปเปอร์ใหม่

ให้เด็ก ๆ ช่วยเตรียมของตอนประกอบเฟอร์นิเจอร์กันเองก็ได้
5. เสริมทักษะด้านคณิตศาสตร์ให้กับเด็กประถม

คิดเสียว่า DIY โปรเจคเป็นโอกาสอันดีให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้และสนับสนุนการศึกษานอกห้องเรียน “คุณอาจจะแปลกใจที่พบว่าการปรับปรุงบ้านสามารถช่วยให้เด็ก ๆ ของคุณในด้านทักษะอื่น ๆ เช่น คณิตศาสตร์ได้มากเพียงใด” คาร์สันกล่าว

ตัวอย่างเช่น เมื่อใดก็ตามที่คุณต้องวัดอะไร ขอความช่วยเหลือจากลูกชั้นประถม “ให้คิดว่ามันเป็นโอกาสในการสอนลูก ๆ ของคุณเกี่ยวกับการแปลงหน่วย สมการแบบง่าย ๆ” คาร์สันกล่าว

6. ให้ลูกวัยรุ่นได้สัมผัสถึงความเป็นเจ้าของ

“การไว้วางใจให้วัยรุ่นรับผิดชอบโปรเจคตั้งแต่ต้นจนจบ ด้วยการดูแลเพียงเล็กน้อย สามารถเพิ่มแรงจูงใจให้พวกเขาได้” แอนดี้ มอร์ส ผู้ก่อตั้งและผู้ออกแบบหลักของ Andi Morse กล่าว

พ่อแม่สามารถกระตุ้นให้พวกเขาซื้อของที่จำเป็น จัดพื้นที่ทำงาน และทำโปรเจคต่าง ๆ เช่น ทาสีหรือตกแต่งใหม่ ซึ่งคาร์สันเห็นด้วยและตั้งข้อสังเกตว่า “การทำให้วัยรุ่นรู้สึกเป็นเจ้าของและมีสิทธิ์เสรีมากขึ้นสามารถช่วยกระตุ้นได้ พวกเขาสามารถภาคภูมิใจในงานและผลลัพธ์ที่แล้วเสร็จ”

7. วัยรุ่นมาปูกระเบื้องกัน

เนื่องจากการปูกระเบื้องใหม่ต้องใช้ทักษะการเคลื่อนไหวที่ดีและใส่ใจในรายละเอียด จึงเป็นโปรเจคที่คุณควรจะทำร่วมกับวัยรุ่น “ให้พวกเขาฝึกซ้อมก่อนเริ่มในพื้นที่ที่คุณต้องการเพื่อที่ว่าหากพวกเขาทำผิดพลาด มันจะไม่ทำลายความมั่นใจของพวกเขาหรือทำให้พวกเขากลัวการทดลอง” แฮร์ริสแนะนำ

ให้วัยรุ่นปูพื้นห้องตัวเองใหม่ซะเลยก็ไม่เลว
8. ประกอบเฟอร์นิเจอร์ใหม่กับลูกวัยรุ่น

“เมื่อลูกๆ ของคุณโตขึ้น ให้นึกถึงงานที่พวกเขาสามารถทำได้อย่างปลอดภัยด้วยเครื่องมือที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น การจัดเฟอร์นิเจอร์ใหม่ หรือแม้แต่ปรับปรุงเฟอร์นิเจอร์ไม้เก่า” คาร์สันอธิบาย “ด้วยกระดาษทราย ไม้สำหรับอุดรู สี และน้ำยาเคลือบเงา พวกเขาสามารถแปลงโต๊ะและเก้าอี้ที่สีเริ่มหมองคล้ำให้เป็นการสร้างสรรค์ของตัวเองที่พวกเขาสามารถแสดงต่อเพื่อนและครอบครัวได้อย่างภาคภูมิใจ”

เธอเสริมว่าโปรเจคแบบนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเชื่อมสัมพันธ์ โดยแนะนำว่า “เล่าเรื่องเกี่ยวกับเฟอร์นิเจอร์เก่าที่คุณซ่อมแซมเมื่อหลายปีก่อนให้พวกเขาฟัง หรือถ้าจะให้ดีกว่านั้น เอามาอวดเลย”

9. ทั้งบ้านมาช่วยกันตกแต่ง

การตั้งกำแพงแกลเลอรี่ที่เต็มไปด้วยรูปถ่ายครอบครัวที่แสนอบอุ่นใจเป็นสิ่งที่ทุกคนในบ้าน ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ก็สามารถช่วยได้ แฮร์ริสกล่าว “ในขณะที่เด็กเล็กสามารถช่วยเลือกรูปถ่ายที่พวกเขาโปรดปรานจากการไปพักผ่อนกับครอบครัวเมื่อไม่นานนี้ แต่เด็กโตก็สามารถช่วยเลือกกรอบภาพและตอกตะปูบนผนังได้” เธอกล่าว

โปรเจคที่ใหญ่ขึ้นเล็กน้อยซึ่งเหมาะสำหรับเด็กวัยเรียนประถมขึ้นไปคือการตกแต่งห้องใหม่ คาร์สันกล่าว “สร้างสรรค์งานศิลปะร่วมกันเพื่อใส่กรอบสำหรับติดผนัง ขอความช่วยเหลือจากพวกเขาในการเปลี่ยนฮาร์ดแวร์บนตู้ครัว หรือขอคำแนะนำเกี่ยวกับตำแหน่งที่จะตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์ในห้องที่ต้องการความสดชื่น” เธอแนะนำ

นำรูปที่เด็ก ๆ วาดมาจัดเป็นแกเลอรี่ประจำบ้าน
10. สอนทักษะการวางแผนอย่างเป็นขั้นตอน

ตั้งแต่ขั้นตอนการวางแผนไปจนถึงขั้นตอนความสำเร็จของการปรับปรุงบ้านนี้ คุณสามารถมีส่วนร่วมกับเด็ก ๆ ได้ คาร์สันกล่าว เธอเสริมว่าคุณจะทำได้ดีในการสอนทักษะ 3 ประการแก่พวกเขา ได้แก่ เวลา เครื่องมือ และความสามารถ ซึ่งจะช่วยให้คุณทราบได้ว่าโปรเจคใดเหมาะสมกว่าสำหรับมืออาชีพมากกว่า ถ้าโปรเจคมันยืดเยื้อเกินไปหรือเกี่ยวข้องกับเครื่องมือพิเศษที่เป็นอันตราย ซึ่งต้องได้รับการฝึกอบรมและประสบการณ์ในการดำเนินการ ก็อาจถึงเวลาที่ต้องขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ คาร์สันอธิบาย “ถ้าลูกของคุณเรียนรู้ตั้งแต่อายุยังน้อยว่าจะประเมินโครงการอย่างไร พวกเขาจะพร้อมสำหรับความสำเร็จมากขึ้นเมื่อพวกเขาเป็นเจ้าของบ้าน”

 

อ่านบทความสำหรับแม่และเด็กอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ >> story.motherhood.co.th

มองหาสินค้าสำหรับแม่และเด็กในราคาสุดพิเศษได้เลยที่ >> Motherhood.co.th