คนท้องกินกาแฟได้ไหม อันตรายต่อลูกในท้องหรือไม่
การดื่มกาแฟกลายมาเป็นไลฟ์สไตล์สำหรับคนยุคนี้ไปเสียแล้ว ถ้าคนที่ติดกาแฟกำลังเป็นว่าที่คุณแม่ละ คงจะสงสัยว่า “คนท้องกินกาแฟได้ไหม” กินแล้วจะอันตรายต่อลูกในท้องหรือเปล่า ควรจะหยุดกินไปเลยดี หรือกินได้ไม่เกินกี่แก้วต่อวัน มีปริมาณคาเฟอีนที่กำหนดไว้หรือเปล่า แล้วยังจะมีเครื่องดื่มชนิดอื่นที่ก็มีส่วนผสมของคาเฟอีนอีก จะต้องงดเหมือนกันเลยไหม มาติดตามกันให้หายข้องใจดีกว่าค่ะ
คาเฟอีนส่งผลต่อสุขภาพครรภ์อย่างไร?
คาเฟอีนเป็นสารกระตุ้นชนิดหนึ่งที่ไม่เพียงพบได้ในกาแฟเท่านั้น แต่ยังอยู่ในเครื่องดื่มและอาหารชนิดอื่นๆอีกมากมาย เช่น ชา น้ำอัดลม โซดา เครื่องดื่มชูกำลัง ช็อกโกแลต หรือแม้กระทั่งในยาบรรเทาอาการปวดศีรษะบางชนิดที่สามารถซื้อได้เองจากร้านขายยา สารชนิดนี้มีฤทธิ์ทำให้ความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจไม่เป็นผลดีต่อหญิงตั้งครรภ์นัก ผลกระทบของการได้รับคาเฟอีนมากเกินไปในระหว่างตั้งครรภ์ มีดังนี้
- ซึมผ่านรกไปสู่ทารกได้ แม้ว่าร่างกายของคุณแม่อาจไม่ได้รับผลกระทบใดๆจากคาเฟอีน แต่สำหรับทารกในครรภ์ที่ยังไม่สามารถกำจัดสารคาเฟอีนออกจากร่างกายได้ดีพอนั้น แม้มีคาเฟอีนเพียงในปริมาณเล็กน้อยก็อาจกระตุ้นให้ทารกตื่นตัว ซึ่งส่งผลต่อการนอนหลับหรือการเคลื่อนไหวร่างกายในครรภ์ได้
- ปัสสาวะบ่อยขึ้น คาเฟอีนมีฤทธิ์ในการขับปัสสาวะ ซึ่งส่งผลให้ร่างกายสูญเสียน้ำ หากคุณแม่ไม่ดื่มน้ำทดแทน อาจนำไปสู่ภาวะขาดน้ำได้
- ผิวเสีย เป็นผลพวงที่เกิดมาจากการขาดน้ำอีกทอดหนึ่ง การขาดน้ำก่อให้เกิดรอยแดงและริ้วรอยก่อนวัยบนผิว และยังมีพิษสะสมซึ่งนำไปสู่การเกิดสิว เมื่อพิษสะสมตัวก็จะมีผลต่อตับของทั้งแม่และทารกด้วย และมันจะเพิ่มปริมาณโซเดียม คาร์บ และแอลกอฮอล์ในร่างกายของคุณแม่ได้อีก
- สาเหตุของภูมิแพ้ บางครั้งโรคภูมิแพ้ชนิดต่างๆจะเกิดขึ้นบนผิวหนังถ้าแม่ท้องดิ่มกาแฟแบบ decaf มากกว่า 70 มก. และสามารถนำไปสู่การเป็นลมพิษ ผื่น สิว อาการคันอย่างรุนแรงตามผิวหนัง และส่งผลต่อทารกเช่นกัน
- ผมร่วง กาแฟแบบ decaf มีส่วนทำให้ผมร่วงมากเกินไป มันไปลดการเจริญเติบโตของเส้นผมและลดการผลิตเส้นผมใหม่ที่แข็งแรง และยังเพิ่มอาการปวดหัวในระหว่างตั้งครรภ์ด้วย
- อันตรายต่อประสาทตา การมีคาเฟอีนมากเกินไปในร่างกายอาจส่งผลต่อการมองเห็นของ มันทำให้เส้นประสาทภายในดวงตาอ่อนแอ มีผลต่อค่าสายตาและความแข็งแรงของเรตินา ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อกลไกภายในดวงตาของลูกน้อยเช่นกัน และอันตรายถึงขั้นเป็นโรคต้อหิน
- ไม่ดีต่อระบบย่อยอาหาร กาแฟแบบ decaf นั้นเพิ่มความเป็นกรดและอาการแสบร้อนในอก ไม่เพียงเท่านั้น มันยังสามารถทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารและอารการลำไส้แปรปรวน (IBS) ยิ่งไปกว่านั้น มันจะขัดขวางระบบขับถ่ายของทารกด้วย
- ขาดธาตุเหล็ก เพราะคาเฟอีนมีฤทธิ์ขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็ก ซึ่งจัดเป็นสารอาหารสำคัญและจำเป็นมากสำหรับคุณแม่ และลูกน้อย
- เด็กอาจพิการแต่กำเนิด มีงานวิจัยที่ทดลองกับสัตว์หลายชิ้นชี้ว่า การได้รับคาเฟอีนในระหว่างตั้งครรภ์อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับความพิการแต่กำเนิด การคลอดก่อนกำหนด น้ำหนักแรกเกิดต่ำกว่าเกณฑ์ และอาจทำให้เด็กมีปัญหาเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ได้ อย่างไรก็ตาม งานวิจัยในคนนั้นยังไม่ได้ข้อสรุปที่แน่ชัด
คาเฟอีนทำให้แท้งได้จริงหรือ?
หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวกับผลเสียของคาเฟอีนในเรื่องนี้ค่อนข้างมีความขัดแย้งกัน โดยมีงานวิจัยหนึ่งพบว่าหญิงที่ได้รับคาเฟอีนปริมาณวันละ 200 มิลลิกรัมขึ้นไปนั้น เสี่ยงต่อการแท้งบุตรมากกว่าหญิงที่ไม่บริโภคคาเฟอีนถึง 2 เท่า ในขณะที่ผลการวิจัยอีกชิ้นหนึ่งกลับชี้ว่า การบริโภคคาเฟอีนวันละ 200-350 มิลลิกรัม ไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงต่อการแท้งบุตร อย่างไรก็ตาม หญิงตั้งครรภ์ก็ควรจำกัดปริมาณคาเฟอีนให้ไม่เกินวันละ 300 มิลลิกรัม จนกว่าจะมีข้อสรุปที่ชัดเจนกว่านี้
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณแม่ที่ตั้งครรภ์จะสามารถดื่มเครื่องดื่มที่คาเฟอีนได้ตามใจชอบ ควรดื่มในปริมาณที่พอเหมาะ คือไม่เกินวันละ 2 แก้ว หากบริโภคมากกว่านี้จะส่งผลกระทบอย่างแน่นอน
สรุปแล้วคนท้องกินกาแฟได้ไหม?
การได้รับคาเฟอีนไม่เกินวันละ 200 มิลลิกรัมนั้นถือว่าปลอดภัยต่อหญิงตั้งครรภ์ คุณแม่จึงไม่ต้องเลิกดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเสียทีเดียว แต่ต้องจำกัดปริมาณให้น้อยลงและหันไปดื่มเครื่องดื่มชนิดอื่นที่มีประโยชน์แทน เช่น น้ำผลไม้ นม น้ำเปล่า เป็นต้น นอกจากนี้ ควรปรึกษาแพทย์หรือสูตินรีแพทย์ให้แน่ใจก่อนรับประทานยาทุกชนิดด้วย ทั้งยาแก้ไข้ ยาแก้หวัด หรือยาสมุนไพรใด ๆ เพราะยาบางชนิดอาจมีสารคาเฟอีนหรืออาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ได้
เครื่องดื่มประเภทอื่นที่มีคาเฟอีนต้องงดด้วยไหม?
เครื่องดื่มชนิดต่างกันย่อมมีปริมาณคาเฟอีนแตกต่างกันไปด้วย คุณแม่ที่ตั้งครรภ์ควรคำนวณปริมาณคาเฟอีนในเครื่องดื่มที่ตัวเองชื่นชอบหรือดื่มเป็นประจำ เพื่อป้องกันการได้รับคาเฟอีนมากเกินไปในแต่ละวัน ดังนี้
กาแฟ
- กาแฟสำเร็จรูป 237 มิลลิลิตร มีคาเฟอีนประมาณ 63 มิลลิกรัม
- กาแฟสำเร็จรูปแบบ decaf 237 มิลลิลิตร มีคาเฟอีนประมาณ 2 มิลลิกรัม
- กาแฟลาเต้หรือมอคค่า 237 มิลลิลิตร มีคาเฟอีนประมาณ 63-126 มิลลิกรัม
- กาแฟเอสเพรสโซ่ 30 มิลลิลิตร มีคาเฟอีนประมาณ 47-64 มิลลิกรัม
ชา
- ชาชง 237 มิลลิลิตร มีคาเฟอีนประมาณ 48 มิลลิกรัม
- ชาสำเร็จรูป 237 มิลลิลิตร มีคาเฟอีนประมาณ 26-36 มิลลิกรัม
- ขาเขียว 177 มิลลิลิตร มีคาเฟอีนประมาณ 40 มิลลิกรัม
- ชาดำ 177 มิลลิลิตร มีคาเฟอีนประมาณ 45 มิลลิกรัม
ช็อกโกแลตหรือโกโก้
- โกโก้ร้อน 355 มิลลิลิตร มีคาเฟอีนประมาณ 8-12 มิลลิกรัม
- นมช็อกโกแลต 237 มิลลิลิตร มีคาเฟอีนประมาณ 5-8 มิลลิกรัม
- ดาร์กช็อกโกแลต 41 กรัม มีคาเฟอีนประมาณ 30 มิลลิกรัม
- ช็อกโกแลตนม 44 กรัม มีคาเฟอีนประมาณ 11 มิลลิกรัม
- ช็อกโกแลตไซรัป 1 ช้อนโต๊ะ มีคาเฟอีนประมาณ 3 มิลลิกรัม
เครื่องดื่มหรือขนมอื่นๆ
- ไอศกรีมรสกาแฟครึ่งถ้วย มีคาเฟอีนประมาณ 2 มิลลิกรัม
- น้ำอัดลม 355 มิลลิลิตร มีคาเฟอีนประมาณ 37 มิลลิกรัม
- เครื่องดื่มชูกำลัง 250 มิลลิลิตร มีคาเฟอีนประมาณ 80 มิลลิกรัม
ก็หายสงสัยกันไปแล้วนะคะ ว่าคนท้องกินกาแฟได้ไหม หรือจะกินได้มากน้อยแค่ไหน Motherhood คิดว่าในช่วงตั้งครรภ์และช่วงให้นมลูก ควรดื่มกาแฟเฉพาะที่จำเป็นจริงๆจะดีกว่า หันมาดื่มน้ำผลไม้สกัดเย็นแทนก็ได้ หรือเต็มที่ให้เลี่ยงไปดื่มโกโก้ที่มีคาเฟอีนน้อยกว่าแทนก็จะไม่เสี่ยงเท่าการรับคาเฟอีนตรงๆจากการดื่มกาแฟค่ะ
อ่านบทความสำหรับแม่และเด็กอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ >> story.motherhood.co.th
มองหาสินค้าสำหรับแม่และเด็กในราคาสุดพิเศษได้เลยที่ >> Motherhood.co.th