ฉลองวาเลนไทน์ ไปเดทที่ไหนกันดี
พรุ่งนี้ก็จะถึงวันแห่งความรักแล้วนะคะ กิจกรรมที่คู่รักหลายคู่นิยมทำกันในวันวาเลนไทน์ก็คือการออกไป “ฉลองวาเลนไทน์” ด้วยกันตามร้านอาหารดี ๆ สักมื้อ เรียกว่าเป็นการไปเดทเพื่อกระชับความสัมพันธ์ เติมความหวานให้กันและกันก็คงจะไม่ผิดนัก ปีนี้ Motherhood เลยจะขอแนะนำร้านอาหารหลากหลายสไตล์จากหลายชาติให้ได้ลิ้มลองกันค่ะ จะได้เป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ในการกินอาหารไปในตัว
1. Chocolate Ville

สำหรับร้านแรกนี้ขอจัดมาเอาใจคู่รักสาย Instagram กันก่อนเลย เพราะที่ Chocolate Ville เป็นร้านอาหารที่ขึ้นชื่อในเรื่องบรรยากาศดีและขึ้นกล้องเป็นอย่างมาก หากอยากมีรูปสวยสุดแสนประทับใจไปอวดเพื่อน ๆ ในโซเชียลแล้วละก็ มาที่นี่รับรองไม่ผิดหวัง ด้วยความที่เป็นร้านอาหารสไตล์ยุโรป คุณจึงจะได้บรรยากาศหรูหราเหมือนไปนั่งดินเนอร์ในยุโรปอย่างไรอย่างนั้น

นอกจากวิวของที่นี่จะกินขาดแล้ว เรื่องของอาหารก็ไม่ใช่จะอ่อนด้อยไปกว่ากันเลย ไม่ว่าจะเป็นซี่โครงหมูอบน้ำผึ้ง สลัดตับห่านย่างราดซอสบลูเบอร์รี่ และยังมีพาสต้ากุ้งเสืออบชีส ที่รับรองเลยว่าคนรักชีสจะต้องฟินไปตาม ๆ กันแน่นอน
สถานที่ตั้ง: ถนนเกษตร-นวมินทร์ กม.11 กรุงเทพฯ
เวลาทำการ: 16.00 – 24.00 น.
เบอร์ติดต่อ: 083-077-3738, 081-921-2016
2. The Deck by The River
สำหรับร้านต่อมา ก็ยังคงขึ้นชื่อถึงบรรยากาศที่แสนจะโรเมนติก เหมาะสำหรับการพาคู่รักออกมาดินเนอร์ดูพระอาทิตย์ในยามเย็น เพราะสถานที่ตั้งของร้านนั้นอยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งลูกค้าสามารถมองเห็นวิวฝั่งตรงข้ามวัดอรุณราชวรารามได้อีกด้วย
นอกจากบรรยากาศของร้านที่สะดุดตาแล้วนั้น ทางร้านยังมีเมนูฟิวชั่นทั้งไทยและอาหารฝรั่งเศสต้นตำรับให้กับลูกค้าได้เลือกรับประทาน อาทิเช่น ซี่โครงแกะย่าง สเต็กปลาแซมอน ส้มตำกุ้งแม่น้ำ ส่วนอกเป็ดย่างที่แสนชุ่มฉ่ำ ราดด้วยซอสราสพ์เบอรี่และไวน์แดงก็เป็นอีกเมนูที่ไม่ควรพลาด
สถานที่ตั้ง: ชั้น 1 โรงแรมอรุณเรสซิเดนท์ ซอยประตูนกยูง ถนนมหาราช เขตพระนคร กรุงเทพฯ
เวลาทำการ: จันทร์ – พฤหัสบดี เวลา 08.00 – 22.00 น. / ศุกร์ – อาทิตย์ เวลา 08.00 – 23.00 น.
เบอร์ติดต่อ: 02-221-9158
3. ปลายระย้า
เชื่อว่าหลายคนคงคุ้นหูกับร้านอาหารระย้า ร้านอาหารใต้ชื่อดังในจังหวัดภูเก็ตที่มีตำนานเปิดให้บริการยาวนานถึง 21 ปี ร้านปลายระย้าแห่งนี้เป็นร้านลูกที่มาเปิดบริการในย่านสุขุมวิท ซ. 8 ซึ่งจัดแต่งบรรยากาศภายในร้านเป็นสไตล์ชิโนโปรตุกีสได้อย่างสวยงาม เอกลักษณ์อยู่ที่กระเบื้องโมเสคสีสันสดใสที่ปูพื้นในทุกย่างก้าว แถมยังอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าโดยมีที่จอดรถให้จอดกันได้อย่างเพียงพอ
ปลายระย้าเป็นที่ชื่นชอบของทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ วันนี้จึงขอแนะนำเมนูเด็กที่เป็นที่ชื่นชอบของลูกค้า ได้แก่ แกงเนื้อปูใบชะพลู ที่ทางร้านได้คัดสรรเนื้อปูก้อนระดับพรีเมี่ยม ที่ส่งตรงวัตถุดิบและเนื้อปูก้อนมาจากแหล่งเดียวกับร้านต้นตำรับ ทำให้ไม่แปลกใจว่ารสชาติความอร่อยนั้นไม่ได้ผิดเพี้ยนไปจากต้นฉบับที่ภูเก็ตเลย
สถานที่ตั้ง: สุขุมวิท ซ.8
เวลาทำการ: ทุกวัน 10.30-22.30 น.
เบอร์ติดต่อ: 091-878-9959
4. ภรณี
ภรณีเป็นร้านอาหารที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1949 จนมาถึงวันนี้ก็ร่วม 70 ปีได้แล้ว ร้านถือกำเนิดขึ้นจากทำไส้กรอกและแฮมรมควันขาย จนขยับขยายมาขายสเต็ก สลัดเนื้อสัน หรือแม้กระทั่งทาโก้ บูยาเบส (ซุปทะเลแบบฝรั่งเศส) ที่นี่เป็นร้านแรก ๆ ของเมืองไทยก็ว่าได้ ที่นำเสนออาหารผสมผสานทั้งทั้งไทยฝรั่งในสไตล์โฮมคุกกิ้ง จึงไม่แปลกใจกับภาพของชาวต่างชาติและชาวไทยที่มากันแน่นร้าน
วาเลนไทน์นี้ไปลองลิ้มชิมรสชาติอาหารที่มีความเป็นเอกลักษณ์ตามแบบฉบับของภรณี เช่น พายไก่ที่อบกันอุ่น ๆ จากเตาทุกวัน หรือจะเป็นข้าวผัดเนื้อเค็มที่ขึ้นชื่อ ใครมาเยือนเป็นต้องสั่ง กระซิบว่าที่นี่เขาทอดเนื้อเค็มด้วยตัวเองเลย และยังข้าวผัดพริกขิงกากหมูที่เป็นสูตรเฉพาะของภรณี ตลอดจนอาหารนานาชาติอย่างซุปบูยาเบส ข้าวผัดสเปน ก็รับรองว่ารสชาติถูกปากคนไทยอย่างเรา ๆ แน่นอน
สถานที่ตั้ง: 96/14 สุขุมวิท 23 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร
เวลาทำการ: เปิดทุกวัน 10.00 – 22.00 น.
เบอร์ติดต่อ: 02-260-1626, 02-664-4454, 091-732-0763
5. La Monita
La Monita เป็นร้านอาหารเม็กซิกันอีกหนึ่งร้านที่อยู่ในอับดับต้นๆ ของชาวกรุงเทพ ฯ ซึ่งปัจจุบันมี 2 สาขา คือ ตึกมหาทุนพลาซ่า เพลินจิต และที่ห้างสรรพสินค้า EmQuartier ชั้น 7 ภายในร้านตกแต่งสวยงาม มีกลิ่นไอเม็กซิกัน ที่นี่มีให้เลือกนั่งทั้งบริเวณเอาท์เดอร์และอินเดอร์ ส่วนของห้องอาหารแบ่งเป็นห้องอาหารกลางวัน โซนบาร์ และโซน Patio
เมนูอาหารของร้านมีให้เลือกหลากหลาย รสชาติจัดจ้านตามแบบฉบับอาหารเม็กซิกัน เมนูแนะนำของร้านก็จะมีทั้ง Fajitas กุ้ง ที่เป็นกุ้งผัดกับพริกหวาน หัวหอมและเครื่องเทศนานาชนิด เสิร์ฟมาบนจานกระทะร้อนพร้อมกับแป้งตอร์ติญ่าอีก 4 ชิ้น รวมทั้งซัลซ่าและกัวคาโมเล่ ยังมีปีกไก่ Monkey wings ที่กินเป็นกับแกล้มได้แบบเพลิน ๆ หรือจะเป็นเมนูของหวานยอดนิยมอย่าง Churros waffle ที่นำแป้งชูโรสเทใส่พิมพ์วาฟเฟิลก่อนนำมาทอดให้กรอบ แล้วนำไปคลุกกับน้ำตาล ราดคาราเมลซอสตบท้าย
สถานที่ตั้ง: อาคารมหาทุนพลาซ่า ถนนเพลินจิต เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร
เวลาทำการ: เปิดทุกวัน 11.00 – 22.00 น.
เบอร์ติดต่อ: 0-2650-9581
6. Beirut
ร้านอาหารเลบานีสเพื่อสุขภาพสูตรดั้งเดิมจากเลบานอนแท้ ๆ ที่มีการส่งต่อสูตรตำรับจากรุ่นสู่รุ่นและความอร่อยที่ช่วยทำให้สุขภาพดีแก่ลูกค้ามายาวนานากว่า 12 ปี เชื่อเหลือเกินว่าความอร่อยของอาหารที่นี่ต้องไม่ธรรมดาแน่นอนเพราะทางร้านได้ขยายความอร่อยไปในหลากหลายพื้นที่ของกรุงเทพมหานครเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
หากจะพูดถึงเมนูของทางร้านแล้วก็ต้องยกให้ Barak cheese เพราะเป็นเมนูที่น่าสั่งมาก ๆ เมนูหนึ่ง สำหรับคนที่หลงใหลในการกินชีสไม่ควรพลาด อีกเมนูหนึ่งที่ควรสั่งเช่นกันคือ Sambosa ซึ่งจะเป็นแป้งม้วนทอดกรอบคล้ายปอเปี๊ยะบ้านเรา พร้อมไส้ที่ได้ลองแล้วจะต้องติดใจ เช่น ไส้ผัก ไก่ และแกะ รวมทั้งฮัมมุสไก่ชวามาร์ที่มีโปรตีนสูงจากเนื้อไก่และถั่วชิคพีก็เป็นอาหารเรียกน้ำย่อยอย่างดี
สถานที่ตั้ง: อาคารเพลินจิต เซ็นเตอร์ ซอยสุขุมวิท 2 ชั้น B1
เวลาทำการ: 11.00-23.00 น.
เบอร์ติดต่อ: 02-656-7377
7. Yamachan
อยากกินอาหารญี่ปุ่นแกล้มเบียร์ญี่ปุ่นเย็นชื่นใจต้องมาร้านนี้เลย Yamachan หรือ Sekai no Yamachan ที่หมายถึงโลกของยามะจังนั่นเอง ที่นี่ร้านอาหารญี่ปุ่นในแบบของอิซากายะชื่อดังจากเมืองนาโกย่า ที่สามารถขยายสาขาไปแล้วกว่า 70 แห่งทั่วประเทศญี่ปุ่น และอีก 2 สาขาในประเทศไทย
เมนูพลาดไม่ได้เลยคือปีกไก่ทอดซึ่งเป็นเมนูเด็ดของทางร้าน แน่นอนว่าจะต้องมีอะไรพิเศษที่ทำให้มีลูกค้าแห่กันมาชิมที่ร้านอย่างล้นหลาม สิ่งพิเศษที่ทำให้ไก่ของทางร้านอร่อยเกินคำบรรยายนั่นก็คือการปรุงรสด้วยพริกไทยและเกลือแบบจัดหนัก แล้วนำลงทอดในน้ำมันร้อน ๆ จนได้ไก่ทอดที่แค่เห็นก็น้ำลายสอเลยทีเดียว อีกหนึ่งเมนูเด็ดของทางร้านก็คือไอศกรีมนมสดกับมันหวานญี่ปุ่น อ่านแล้วอยากจะพุ่งตรงไปที่ร้านเลยใช่ไหม
สถานที่ตั้ง: ซอยสุขุมวิท 39
เวลาทำการ: 17:30 – 00:30น.
เบอร์ติดต่อ: 02-662-5541
8. Rio Grill
สายปิ้งย่างต้องมาที่นี่ พลาดไม่ได้เลยจริง ๆ เพราะมันคือปิ้งย่างสไตล์บราซิลเลี่ยน ซึ่งเป็นอะไรที่ดูตื่นเต้นและน่าสนใจไปพร้อม ๆ กัน กับการปิ้งย่างโดยการเอาเนื้อต่าง ๆ ไปเสียบไม้แล้วย่างกับเปลวไฟที่ลุกโชน ภายใต้บรรกาศที่แสนจะพิเศษของโรงแรมเอเชียที่หากมาสัมผัสแล้วจะต้องอยากกลับมาอีกแน่นอน
ห้องอาหารริโอ กริลล์ ให้บริการบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างสไตล์บราซิลเลี่ยน ที่คุณจะรู้สึกได้ว่าเสมือนได้นั่งทานอยู่ท่ามกลางนครรีโอเดจาเนโรเลยทีเดียว เนื้อหลากหลายชนิดที่ถูกคัดสรรมาอย่างดีพร้อมให้คุณได้รับประทานกันแบบไม่อั้น ว่าไปแล้วก็ขอยกตัวย่างเพื่อเรียกน้ำย่อยกันซะหน่อย แน่นอนว่าคุณจะได้ลิ้มลองขาแกะแสนอร่อย รวมไปถึงเนื้อกวางและเนื้อนกกระจอกเทศย่างก็มีมาให้ลิ้มลองเช่นกัน
สถานที่ตั้ง: โรงแรมเอเชีย 296 ถนนพญาไท แขวงถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี กรุงเทพ ฯ
เวลาทำการ: 11:30 – 14:30 น. และ 18:00 – 22:00 น.
เบอร์ติดต่อ: 02-217-0808
9. Indus
ปิดท้ายกันที่ร้านอาหารสไตล์อินเดียที่เปิดบริการมานานตั้งแต่ปี 2004 เจ้าของร้านเป็นนักธุรกิจเชื้อสายอินเดียที่เกิดและเติบโตในประเทศไทย และได้ไปศึกษาต่อที่นิวยอร์ก จนเขาตัดสินใจกลับเปิดร้านอาหารอินเดียร่วมสมัยอย่าง Indus ในที่สุด สำหรับใครที่ยังไม่เคยมีโอกาสลิ้มลองอาหารอินเดีย ตอนนี้กำลังมีกระแสกันไปทั่ว อยากให้ถือโอกาสนี้ไปลองกันเสียเลย
หากพูดถึงระดับความอร่อยแล้วทางร้านการันตีรสชาติและคุณภาพอาหารด้วยรางวัลระดับประเทศจากหลากหลายเวที ทางร้านได้นำเสนออาหารอินเดียจานเด่นจากภูมิภาคต่าง ๆ เช่น ปัญจาบ แคชเมียร์ ราชสถาน โดยทุกเมนูผ่านการปรุงโดยเชฟฮาลาลที่ได้มีมาตรฐาน อีกทั้งบรรยากาศของทางร้านยังให้ความรู้สึกถึงศิลปะและวัฒนธรรมของอินเดียได้เป็นอย่างดี
สถานที่ตั้ง: ซอยสุขุมวิท 26 เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร
เวลาทำการ: 11:30 – 14.30น. และ 18.00 – 24.00น.
เบอร์ติดต่อ: 0-2258-4900
เพื่อความไม่ประมาทก็ควรโทรไปสำรองที่นั่งกันก่อนนะคะ เชื่อว่าในเทศกาลแห่งความรักอย่างนี้ แต่ละร้านที่เราคัดสรรมาฝากคุณผู้อ่านจะต้องมีใครหลายคู่หมายตาว่าจะไปฉลองวาเลนไทน์กันอย่างแน่นอน ขอให้ทุกคนอิ่มอร่อยกับอาหารหลากหลายสไตล์ในวันแห่งความรักที่จะถึงนี้ค่ะ
อ่านบทความสำหรับแม่และเด็กอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ >> story.motherhood.co.th
มองหาสินค้าสำหรับแม่และเด็กในราคาสุดพิเศษได้เลยที่ >> Motherhood.co.th