น้ำคาวปลาหลังคลอด แม่มือใหม่ควรรู้ แบบไหนผิดปกติ
สำหรับคุณแม่มือใหม่ ในการตั้งครรภ์และการคลอดครั้งแรกย่อมมีอะไรให้กังวลและเรียนรู้มากมาย เรื่องของ “น้ำคาวปลาหลังคลอด” ก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน วันนี้ Motherhood จะพาคุณแม่ไปทำความรู้จักน้ำคาวปลา พร้อมทั้งเรียนรู้ที่จะสังเกตดูหากอะไรสิ่งใดผิดปกติ
น้ำคาวปลาคืออะไร?
น้ำคาวปลา (Lochia) คือ ของเหลวชนิดหนุ่งที่ถูกขับออกมาทางช่องคลอดหลังจากคลอดลูก จากแผลภายในโพรงมดลูกบริเวณที่รกเคยเกาะอยู่ มีลักษณะคล้ายกับประจำเดือน โดยมีส่วนประกอบคือ เลือด น้ำเหลือง น้ำคร่ำหรือขี้เถ้า น้ำหล่อลื่น เศษเนื้อเยื่อหรือเยื่อบุโพรงมดลูก เศษรก เศษไขที่ติดตามเนื้อตัวของลูก เม็ดเลือดขาว และไขมันที่ยังหลงเหลืออยู่ภายในตัวของแม่ ในบางครั้งอาจมีกลิ่นเหม็นอับ ซึ่งลักษณะและสีของน้ำคาวปลาอาจแตกต่างกันไปตามสภาพของแผลที่มีการซ่อมแซมในช่วงวันหลังคลอด ดังนี้
ในช่วงแรก น้ำคาวปลาส่วนใหญ่อาจมีลักษณะคล้ายเลือด แต่หลังจากนั้น 3-4 วัน หรือ 1 สัปดาห์ขึ้นไปอาจเริ่มเปลี่ยนไปมีลักษณะคล้ายเมือกแทน โดยภายในช่วง 24 ชั่วโมงหลังคลอด แม่ที่คลอดแบบธรรมชาติจะมีน้ำคาวปลาออกมามากกว่าแม่ที่คลอดด้วยวิธีผ่าคลอด
เป็นสิ่งที่ปกติหรือไม่?
การมีน้ำคาวปลาถือเป็นการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติหลังคลอดของผู้หญิงซึ่งนับเป็นเรื่องปกติ โดยในช่วงวันแรก ๆ หลังคลอดอาจมีน้ำคาวปลาในลักษณะคล้ายเลือดออกมาค่อนข้างมาก เพราะในช่วงที่ตั้งครรภ์ ปริมาณเลือดในร่างกายจะเพิ่มสูงขึ้นถึง 50 เปอร์เซ็นต์ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการสูญเสียเลือดตอนคลอด
แบบไหนที่ผิดปกติ?
น้ำคาวปลาลักษณะดังต่อไปนี้หมายถึงเกิดอาการผิดปกติ หากมีแล้วควรรีบไปพบแพทย์ทันที
- น้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็นเน่า พร้อมกับมีอาการปวดมดลูกมาก อาจมีไข้ร่วมด้วย ซึ่งแสดงถึงการติดเชื้อ
- น้ำคาวปลามีปริมาณมาก แม้จะสวมใส่ผ้าอนามัยรองรับไว้ก็ยังต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยทุก 1 ชั่วโมง ส่วนการมีสีแดงสด มีก้อนเลือดหรือลิ่มเลือดออกมา จะเป็นภาวะเลือดออกผิดปกติหลังคลอด ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากการรับประทานยาขับเลือด การมีชิ้นส่วนรกติดค้างอยู่ในมดลูก การติดเชื้อในเยื่อบุโพรงมดลูก ความผิดปกติในการแข็งตัวของเลือด เป็นต้น
- น้ำคาวปลาที่จางไปแล้วในตอนแรกกลับมามีสีแดงสดอีกครั้งตลอด 4 วันหลังคลอดหรือนานกว่านั้น และอาการไม่ดีขึ้นแม้นอนหรือพักผ่อนแล้ว
- มีน้ำคาวปลาออกมาก ร่วมกับมีอาการไข้ วิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อ่อนเพลีย หัวใจเต้นเร็ว
ควรดูแลตัวเองอย่างไร?
ในช่วงที่มีน้ำคาวปลา คุณแม่หลังคลอดควรปฏิบัติดังต่อไปนี้
- รักษาความสะอาดของร่างกาย อาบน้ำอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง และดูแลอวัยวะเพศให้สะอาดอยู่เสมอ แต่ไม่จำเป็นต้องฟอกสบู่ในบริเวณนี้
- หากมีแผลฝีเย็บ ควรดูแลบริเวณดังกล่าวเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- ใช้ผ้าอนามัยชนิดใหญ่พิเศษของโรงพยาบาลที่เหมาะสำหรับผู้หญิงหลังคลอด และจัดเตรียมไว้เผื่อใช้ในปริมาณมาก เพราะในช่วงแรกจะมีน้ำคาวปลาลักษณะคล้ายเลือดไหลออกมาค่อนข้างมาก
- ควรเปลี่ยนผ้าอนามัยตามความเหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดการหมักหมม อับชื้น ซึ่งอาจทำให้เกิดการสะสมเชื้อโรคต่าง ๆ ได้
- ล้างมือให้สะอาดก่อนเปลี่ยนผ้าอนามัยทุกครั้ง เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อ
- ห้ามใช้ผ้าอนามัยแบบสอดหรือถ้วยอนามัยจนกว่าจะถึงเวลานัดตรวจหลังคลอด 6 สัปดาห์ เพราะช่องคลอดและมดลูกอาจยังไม่ฟื้นตัวหรือหายดี ซึ่งอาจเพิ่มโอกาสติดเชื้อได้ง่าย
- ไม่แช่อ่างน้ำหรือว่ายน้ำ เนื่องจากปากมดลูกยังเปิดอยู่ อาจทำให้มีน้ำเข้าไปในโพรงมดลูก ทำให้เกิดการติดเชื้อได้
- ควรงดการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงหลังคลอด อย่างน้อย 3 เดือน
- ควรสวมใส่เสื้อผ้าที่สวมใส่สบาย ไม่ควรใส่กางเกงรัดรูป เพราะอาจทำให้เกิดการอับชื้นสะสมได้
- หลีกเลี่ยงการทำงานหนักและยกของหนัก
- เลือกรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง เพื่อบำรุงร่างกายที่มีการเสียเลือดในปริมาณมาก
- ดื่มน้ำสะอาดให้มากเข้าไว้ และนอนพักผ่อนมาก ๆ
เมื่อไหร่น้ำคาวปลาจะหมด?
น้ำคาวปลาควรลดน้อยลงภายใน 2-3 สัปดาห์ และหมดไปภายใน 4-6 สัปดาห์หลังคลอด แต่อาจมีปัจจัยบางอย่างทำให้น้ำคาวปลาถูกขับออกมามากกว่าปกติในบางช่วง เช่น
- ขณะให้นมลูก เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายผลิตฮอร์โมนออกซิโทซิน (Oxytocin) ออกมา ซึ่งอาจช่วยเร่งการรักษาและกระตุ้นการหดตัวของมดลูก
- ตื่นนอนตอนเช้า
- ออกกำลังกาย
- ขณะขับถ่ายปัสสาวะหรืออุจจาระ
ทั้งนี้ คุณแม่อาจพบลิ่มเลือดเป็นก้อนขนาดเล็กกว่าลูกกอล์ฟปะปนออกมากับน้ำคาวปลา ซึ่งอาจไม่ใช่เรื่องน่ากังวล แต่ก็ควรระวังและสังเกตอาการตนเองอยู่ตลอดเวลา เพราะความผิดปกติต่าง ๆ ของน้ำคาวปลา อาจบ่งบอกถึงภาวะแทรกซ้อนจากการคลอดอย่างการตกเลือดหรือการติดเชื้อได้
อ่านบทความสำหรับแม่และเด็กอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ >> story.motherhood.co.th
มองหาสินค้าสำหรับแม่และเด็กในราคาสุดพิเศษได้เลยที่ >> Motherhood.co.th