Site icon Motherhood.co.th Blog

ประโยชน์ของคาร์ซีท ที่พ่อแม่ต้องรู้ไว้

ประโยชน์ของคาร์ซีทที่ควรรู้

ประโยชน์ของคาร์ซีทมีมากมาย แต่ต้องเลือกและใช้ให้ถูกด้วย

ประโยชน์ของคาร์ซีท ที่พ่อแม่ต้องรู้ไว้

ช่วงปิดเทอมอย่างนี้ คุณพ่อคุณแม่คงจะพาเด็กๆไปเที่ยวกันบ่อยหน่อย หากต้องเดินทางด้วยรถยนต์เป็นหลัก คุณพ่อคุณแม่ก็ควรคำนึงถึง “ประโยชน์ของคาร์ซีท” เอาไว้ให้หนัก เพราะหากให้ลูกนอนในส่วนของเบาะหลังหรือนั่งตักผู้ใหญ่แทนการใช้คาร์ซีท มองข้ามเรื่องของความปลอดภัยก็เท่ากับเราเพิ่มความเสี่ยงเรื่องของความปลอดภัยของเด็กๆให้มากขึ้นไปอีก

คาร์ซีทคืออะไร

คาร์ซีท (Car seat) คือ อุปกรณ์ที่นั่งสำหรับเด็ก อายุ 0-12 ปี สำหรับติดตั้งบนรถยนต์ในขณะเดินทาง เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและป้องกันอันตรายต่างๆที่จะเกิดขึ้นแก่ตัวลูกน้อย ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุจากการกระแทก การชน หรือการเบรกกะทันหัน เพราะหากไม่มีคาร์ซีทแล้วปล่อยให้เด็กนอนโดยไม่มีอะไรยึดตัวเขาไว้ หากเกิดการเบรกหรือเกิดอุบัติเหตุจะทำให้เด็กกระเด็นไปกระแทกกับตัวรถได้ หรือหากเลวร้ายกว่านั้น อาจกระเด็นออกจาตัวรถได้ เพราะเข็มขัดนิรภัยขนาดมาตรฐานก็ยังมีข้อจำกัดในการใช้งาน มันไม่ถูกออกแบบมาให้รองรับกับสระรีระของเด็กช่วงวัย 0-12 ปี ทำให้แม้เด็กจะคาดเข็มขัดแล้วก็ยังหลวม ไม่พอดีตัว และไม่ช่วยทำให้เด็กปลอดภัยขึ้น คาร์ซีทเลยถือกำเนิดขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ ซึ่งมันสามารถแก้ปัญหาและเพิ่มโอกาสรอดของลูกน้อยได้สูงขึ้นมากทีเดียว

ทุกครั้งที่ให้ลูกนั่งรถยนต์ ต้องให้เขานั่งบทคาร์ซีทเสมอ

ทำไมคาร์ซีทถึงจำเป็น

จากการสำรวจเคสอุบัติเหตุทางรถยนต์นั้น พบว่าเด็กที่ไม่ได้นั่งอยู่กับคาร์ซีทมีเปอร์เซ็นเสียชีวิตและบาดเจ็บสูงกว่าเด็กที่นั่งคาร์ชีท สูงสุดถึง 71% และลดความเสี่ยงในการเสียชีวิตสำหรับเด็ก 1-4 ขวบลดได้ถึง 54% ผลของการสำรวจนี้ตอบคำถามและเป็นเหตุผลได้อย่างดีว่า ทำไมคาร์ซีทถึงมีความจำเป็นต่อลูกน้อยสุดที่รักของคุณ แต่สิ่งที่ยังเป็นปัญหาสำหรับคุณพ่อคุณแม่คือการตัดสินใจว่าจะเลือกซื้อคาร์ซีทแบบไหนดี นอกจากพิจารณาจากรูปลักษณ์ รูปทรง ที่ตอบโจทย์การรองรับสรีระของลูกน้อยแล้ว ยังมีปัจจัยอะไรที่ต้องคำนึงถึงอีกบ้าง

การแบ่งประเภทของคาร์ซีท

เราสามารถแบ่งคาร์ซีทได้ตามช่วงอายุของเด็ก ซึ่งจะแบ่งเป็น 3 ประเภทหลักๆ ได้แก่

1. คาร์ซีทสำหรับเด็กวัยแรกเกิด

ซึ่งยังสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทย่อย ตามลักษณะของสินค้า คือ

2. คาร์ซีทสำหรับวัยเด็กเล็ก

สามารถใช้ได้กับเด็กอายุตั้งแต่ 9 เดือน – 4 ปี

3. คาร์ซีทบูสเตอร์สำหรับเด็ก (Booster seat) 

บูสเตอร์เหล่านี้ สามารถแบ่งออกเป็น 3 แบบ ตามอุปกรณ์เสริมที่มีมาในชุด คือ

คาร์ซีทมีหลายแบรนด์หลายรุ่น ต้องคำนึงถึงปัจจัยในการเลือก

ปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อคาร์ซีท

ระบบการติดตั้งแบบเข็มขัดและแบบ Isofix ต่างกันอย่างไร?

Isofix เป็นระบบมาตรฐานสากลที่ให้ความปลอดภัยที่สุด รวมทั้งมีวิธีใช้งานง่ายที่สุด และเร็วที่สุดในการติดตั้ง ขณะที่ลดความเสี่ยงสูงในการติดตั้งที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งกรณีเช่นนี้มักจะเกิดขึ้นกับคาร์ซีทที่ใช้เข็มขัดนิรภัยรถยนต์

ภาพตัวอย่างงานวิจัยระบบแถบป้องกันด้านหน้า

มาตรฐานความปลอดภัยของคาร์ซีท

คณะกรรมการด้านเศรษฐกิจสหภาพยุโรป (UNECE) จำนวน 56 ประเทศ ได้วางแนวทางการทำงานเพื่อพัฒนาความปลอดภัยในการใช้รถยนต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพิจารณาเพื่อพัฒนากฏระเบียบ ECE R44 และ 129 โดยการนำเสนอมาตรฐาน i-Size ซึ่งเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางโดยรถยนต์

โดยปกติแล้วเด็กคาร์ซีทซึ่งผ่านตามมาตรฐานความปลอดภัย ECE R44/04  นั้น จัดว่ามีความปลอดภัยและถูกต้องตามกฏหมาย แต่หากคาร์ซีทดังกล่าวผ่านมาตรฐาน i-Size แสดงว่าคาร์ซีทตัวนี้จะมีความปลอดภัยสูงกว่ามาก สาเหตุมาจาก

เนื่องจากคาร์ซีทที่ใช้ระบบแถบป้องกันด้านหน้า (Shield system) มีความเสี่ยงต่อการหลุดของเด็กออกจากคาร์ซีท ทำให้เกิดการกระแทกของศรีษะกับหลังคารถหรือกับตัวคาร์ซีทเอง

ให้ลูกนั่งคาร์ซีทไปเรื่อยๆ จนกว่าจะสูงถึง 140 ซม.

จะต้องให้ลูกใช้คาร์ซีทไปถึงเมื่อไหร่?

ตามข้อมูลแล้ว เด็กควรต้องนั่งคาร์ซีทไปจนถึงอายุ 4-7 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคาร์ซีทแต่ละรุ่นว่ารับน้ำหนักได้ถึงเท่าไหร่ หลังจากนั้นค่อยเปลี่ยนมาเป็นที่นั่งเสริม หรือ booster seat ที่ช่วยยกระดับตัวเด็กให้สูงขึ้นเพื่อจะได้สามารถคาดเข็มขัดนิรภัยของตัวรถได้พอดี และที่สำคัญคือ ต้องให้เด็กนั่งเบาะหลังเสมอ จนกว่าเด็กจะมีความสูงเกิน 140 ซม.ขึ้นไป หรือถ้าวัดความปลอดภัยตามเกณฑ์อายุ ก็ต้องรอให้ลูกอายุถึง 13 ปี ถึงจะสามารถนั่งเบาะหน้าข้างคนขับได้ หรือในสหภาพยุโรปที่การบังคับใช้คาร์ซีทยังคงขึ้นอยู่กฎหมายแห่งชาติ ซึ่งกำหนดให้นั่งคาร์ซีทจนกว่าจะมีความสูงถึง 135 หรือ 150 ซม.

ความปลอดภัยในการเดินทางเป็นเรื่องสำคัญนะคะ อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แม้เราจะคิดว่าเราระมัดระวังในส่วนของเราดีมากเพียงใดแล้ว แต่เราควบคุมคนอื่นไม่ได้ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของลูกรัก ทุกครั้งที่เดินทางด้วยรถยนต์ต้องให้เขานั่งคาร์ซีทเสมอนะคะ

อ่านบทความสำหรับแม่และเด็กอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ >> story.motherhood.co.th

มองหาสินค้าสำหรับแม่และเด็กในราคาสุดพิเศษได้เลยที่ >> Motherhood.co.th