Site icon Motherhood.co.th Blog

เมื่อ “ปู่ย่าตายาย” เข้ามาก้าวก่ายการเลี้ยงลูกของคุณ

ปู่ย่าตายายช่วยเลี้ยงหลาน

จะหาทางออกอย่างไรหากปู่ย่าตายายเข้ามาก้าวก่ายการเลี้ยงลูกของคุณ

เมื่อ “ปู่ย่าตายาย” เข้ามาก้าวก่ายการเลี้ยงลูกของคุณ

ความต้องการและความจำเป็นในการเลี้ยงดูลูกของคุณต้องมาก่อน แม้ว่าในบางครั้งคุณจะต้องอาศัย “ปู่ย่าตายาย” เพื่อช่วยเลี้ยงลูกขณะที่คุณต้องทำงานก็ตาม หลาย ๆ ครั้งพวกเขามีวิธีเลี้ยงลูกของเราในแบบของตัวเขาเอง แม้จะมีการสนทนาเกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้งเกี่ยวกับความต้องการและความจำเป็นในการเลี้ยงดูแบบของคุณ แต่ก็ดูเหมือนว่าพวกเขายังคงทำในสิ่งที่พวกเขาต้องการ สิ่งที่เป็นปัญหาคาใจอย่างมากสำหรับพ่อแม่ยุคใหม่ก็คือ คุณจะทำให้คนเหล่านั้นช่วยเลี้ยงลูกให้ตามวิธีทางของคุณได้อย่างไร เมื่อลูก ๆ อยู่ภายใต้การดูแลของพวกเขา

น่าเหลือเชื่อที่ปัญหาความสัมพันธ์มากมายถูกรวมอยู่ในการจัดการชีวิตที่ดูเรียบง่ายและเป็นประโยชน์ พูดกันอย่างผิวเผินแล้ว มันฟังดูน่าอัศจรรย์ที่ได้รับการสนับสนุนจากพ่อแม่ของคุณเองเพื่อช่วยเลี้ยงลูกของคุณ ใครจะรักพวกเขาได้มากเท่าคุณละ ถึงกระนั้นคุณก็ยังเป็นเด็กในสายตาของพวกเขา แม้คุณจะเป็นผู้ใหญ่ที่โตจนมีลูก ๆ ของคุณเองแล้วก็ตาม และสิ่งนี้มันอาจจะนำมาซึ่งความยุ่งเหยิงได้ทุกชนิดในแบบที่พวกคุณคาดไม่ถึง

คุณต้องพูดให้ชัดเจนและจัดลำดับความสำคัญเสียใหม่

ชัดเจนและจัดลำดับความสำคัญ

เพื่อตอบคำถามของคุณ เกี่ยวกับการที่คุณอยากให้พ่อแม่ของคุณตอบสนองความต้องการและความคาดหวังในการเลี้ยงดูลูกน้อยของคุณ เราจำเป็นจะต้องเริ่มจากตัวคุณเอง คุณอยู่ในหลืบร่องของช่วงเวลาที่ยากที่สุดในการเป็นพ่อแม่ การจัดการทารกแรกเกิดและเด็กวัยหัดเดินนั้นมีระยะห่างกันแค่เพียงหนึ่งปี เท่ากับว่าคุณเพิ่มงานให้ตัวเองและกลายเป็นนักรบอย่างเป็นทางการ และนักรบนั้นต้องดูแลตัวเองเพื่อให้สามารถไปฟาดฟันในสนามรบได้ทุกวัน

ดังนั้น ขั้นตอนแรกในสถานการณ์นี้คือการรู้ว่าการเลี้ยงดูของคุณต้องการอะไรบ้างอย่างชัดเจน แล้วจัดลำดับความสำคัญ รู้ว่าลูก ๆ ของคุณอายุเท่าไหร่ สิ่งแรกที่คุณต้องการคือการนอนหลับ ทั้งสำหรับพวกเขาและสำหรับตัวคุณเอง ลำดับความสำคัญอื่น ๆ อาจเป็นการรักษาตารางการให้นมที่สม่ำเสมอกับทารก แม้ว่าปู่ย่าตายายจะไม่คิดว่าทารกดูเหมือนกำลังหิว บางทีคุณอาจต้องการแนวทางที่แตกต่างในการสร้างวินัยให้กับเด็กวัยหัดเดิน และคุณเกิดความกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่คุณเห็นว่าเป็นการลงโทษที่รุนแรงเกินไปหรือได้รับอนุญาตมากเกินไป

จัดทำรายการเกี่ยวกับความต้องการและความจำเป็นในการเลี้ยงดูของคุณเอง จัดอันดับพวกมันตามลำดับความสำคัญ เพื่อให้คุณรู้ว่าควรใช้พลังงานไปที่ใดในการเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ กับพ่อแม่ของคุณ จากนั้นเปลี่ยนความต้องการและความจำเป็นในการเลี้ยงดูเหล่านี้ให้เป็นพฤติกรรมที่แท้จริง เพื่อให้คำขอที่ส่งไปยังพ่อแม่ของคุณมีความเฉพาะเจาะจงมากที่สุด

เจาะจงถึงพฤติกรรมที่คุณต้องการ เพื่อให้เขาเปลี่ยนแปลง

แผนพฤติกรรมสำหรับปู่ย่าตายาย

เราสามารถถกเถียงกันถึงปรัชญาการเลี้ยงดูของเราได้จนกว่าเด็ก ๆ จะอายุครบ 18 ปี แต่สิ่งที่ทำให้เราไปยังเป้าหมายได้คือการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ในกรณีของคุณ หากคุณมีปรัชญาการเลี้ยงดูที่แตกต่างกันซึ่งทำให้เกิดข้อโต้แย้ง ให้คุณเปลี่ยนบทสนทนาเสีย

ลองกลับไปที่ตัวอย่างการนอนหลับ เนื่องจากไม่มีอะไรสำคัญไปกว่านั้นในช่วงปีแรก ๆ สำหรับพวกคุณทุกคน การนอนหลับเป็นความจำเป็นในการเลี้ยงดูลูก คุณควรปกป้องกิจวัตรการงีบหลับและเวลานอนของเด็กวัยหัดเดินราวกับว่าเป็นสิ่งที่แตะต้องไม่ได้ หากปู่ย่าตายายต้องการเล่นกับเด็ก ๆ เพราะพวกเขากำลังสนุกกันมาก คำตอบคือไม่ เสียงหัวเราะคิกคักนั้นเป็นสัญญาณแห่งความเหนื่อยล้าที่เชื่อมโยงไปสู่การนอนหลับที่ยากขึ้น

การเจาะจงเกี่ยวกับพฤติกรรมที่คุณต้องการเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลลูกของคุณ สิ่งนี้จะทำให้คุณไม่ต้องพยายามเปลี่ยนวิธีคิด ซึ่งเราทุกคนรู้ดีว่าอาจเป็นหนทางที่เหมือนพายเรือในอ่าง นี่คือจุดที่การจัดลำดับความสำคัญเกิดขึ้น เนื่องจากการพยายามเปลี่ยนแปลงมากเกินไปเร็วเกินไปอาจจะทำให้เกิดการต่อต้านได้ ใช้รายการลำดับความสำคัญของคุณเพื่อแก้ไขปัญหาทีละอย่าง นี้ทำให้คำขอของคุณเป็นจริงและสามารถจัดการได้มากขึ้น วิธีการนี้ทำให้คำขอของคุณเป็นจริงและสามารถจัดการปัญหาได้มากขึ้น

เปิดใจคุยกันเพื่อสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูกของคุณ

ซื่อสัตย์และเปิดเผย

สิ่งนี้ยอดเยี่ยมพอ ๆ กับข้อเสนอแนะด้านพฤติกรรม แต่มันก็ไม่สามารถรับประกันได้ 100 เปอร์เซ็นต์ว่าจะได้ผล เพราะนั่นไม่ใช่ชีวิตจริงของการเป็นพ่อเป็นแม่ ดูเหมือนว่าคุณมีการสนทนาหลายครั้งแล้ว ดังนั้น การขาดการสื่อสารจึงตกไป หากการสนทนาและแผนพฤติกรรมของปู่ย่าตายายไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ให้เจาะลึกลงไปกว่านั้น

พ่อแม่ของคุณอาจเป็นปู่ย่าตายายที่มีความตั้งใจที่ดี แต่ความเป็นพ่อแม่ของเขาที่มีต่อพวกคุณนั้นเกิดขึ้นมาก่อน เราทุกคนต้องการให้พ่อแม่มองว่าเราเป็นผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบและเป็นอิสระ และบางครั้งมันหมายความว่าเราไม่จริงใจและเปิดเผยเท่าที่ควรเกี่ยวกับความรู้สึกยุ่งยากใจเวลาที่พวกเขาเริ่มปฏิบัติต่อเราเหมือนเด็กอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์ของคุณ ความแตกต่างระหว่างการเลี้ยงดูที่คุณมีกับที่พ่อแม่ของคุณมี อาจส่งผลกระทบต่อคุณในรูปแบบที่พวกเขาไม่รู้ตัว

ดังนั้น คุณต้องบอกพวกเขา คุณอาจต้องคิดใคร่ครวญด้วยตัวเองก่อน โดยพูดคุยกับเพื่อนสนิทหรือแม้แต่มืออาชีพ การที่พวกเขาปฏิเสธที่จะรับฟังคุณนั้นทำให้คุณรู้สึกอย่างไร ? มันทำให้คุณรู้สึกว่าพวกเขาไม่ไว้ใจการเลี้ยงดูของคุณหรือเปล่า? คุณรู้สึกว่าถูกตัดสินว่าเป็นพ่อแม่ “ไม่ดี” หรือไม่? คุณกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของลูกของคุณหรือไม่ ? คุณรู้สึกกังวลเมื่อต้องออกจากบ้านเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อคุณไม่อยู่ ความกังวลนี้ทำให้การทำงานของคุณเป็นไปได้ยากหรือไม่ ? ตอบตัวเองอย่างซื่อสัตย์ แล้วบอกพวกเขาไปตามตรง

การได้รับรู้ถึงความคับข้องใจของคุณอาจช่วยให้พวกเขาจำได้ดีขึ้นว่ามันเป็นอย่างไรเมื่อพวกเขาเป็นพ่อแม่ของเด็กเล็ก ปู่ย่าตายายและพ่อแม่มีความแตกต่างกันอย่างมาก และเหตุผลหนึ่งก็คือพวกเขาลืมความรู้สึกมันไปแล้ว พวกเขาลืมไปแล้วว่ารู้สึกอย่างไรที่ได้เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเด็กเล็กที่ต้องการการพึ่งพิงอย่างเต็มที่ ความซื่อสัตย์และความใจกว้างของคุณสามารถช่วยให้พวกเขาจดจำได้ สิ่งนี้เป็นเรื่องของใจถึงใจ อย่าลืมแสดงความขอบคุณสำหรับการสนับสนุนของพวกเขา และต่อทุก ๆ แง่มุมใดของการดูแลของพวกเขาที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อลูกน้อยของคุณ

คุณกำลังพยายามเปลี่ยนแปลงพ่อแม่ของคุณ การเปลี่ยนแปลงนั้นยาก และยิ่งแก่เท่าไหร่ก็ยิ่งยากขึ้นเท่านั้น แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงคือคุณเป็นลูกของพวกเขาและลูก ๆ ของคุณก็คือหลานของพวกเขา และที่สำคัญที่สุดคือคุณเป็นพ่อแม่ที่มีสิทธิ์ขาดในการกำหนดว่าจะเลี้ยงลูกของคุณอย่างไร ใช้ส่วนที่ดีที่สุดของความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับพ่อแม่เพื่อช่วยให้พวกเขาจดจำสิ่งนี้ไว้ แล้วทำสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคุณ ซึ่งสุดท้ายแล้วมันก็สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเด็ก ๆ นั่นเอง

 

อ่านบทความสำหรับแม่และเด็กอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ >> story.motherhood.co.th

มองหาสินค้าสำหรับแม่และเด็กในราคาสุดพิเศษได้เลยที่ >> Motherhood.co.th