Site icon Motherhood.co.th Blog

พ่อยุคใหม่ ใช้เวลากับลูกๆมากขึ้นถึง 3 เท่า

เรื่องราวของคุณพ่อยุคใหม่

พ่อยุคใหม่ใช้เวลากับลูกมากขึ้นถึง 3 เท่าเมื่อเทียบกับพ่อรุ่นเก่า

พ่อยุคใหม่ ใช้เวลากับลูกๆมากขึ้นถึง 3 เท่า

เด็กๆของพวกเราเติบโตขึ้นในโลกที่แตกต่างจากที่เราเคยถูกเลี้ยงไว้อย่างมาก พวกเขาเกิดมาในยุคที่มีอุปกรณ์ดิจิตอลเช่น iPhone และ Alexa และมันก็ทำให้ “พ่อยุคใหม่” จำนวนมากได้เปลี่ยนแปลงวิธีการที่ลูกๆของพวกเขาจะได้เรียนรู้โลก จากการสำรวจพบว่าคุณพ่อยุคใหม่นั้นใช้เวลาอยู่กับลูกมากกว่าคุณพ่อในยุคก่อนๆมากขึ้นถึง 3 เท่าเลยทีเดียว

ว่าด้วยความเป็นพ่อ

การวิจัยระบุว่าพ่อในยุคนี้มีส่วนร่วมในการดูแลลูกมากขึ้นกว่าเดิม และสิ่งนี้เองที่เปลี่ยนวิธีการมองโลกและมองตัวเองของเด็กๆ บรรดาคุณพ่อยุคใหม่กำลังไปได้สวย แต่สังคมสมัยใหม่ก็ยังสามารถทำให้พวกเขาเป็นพ่อในที่พวกเขาต้องการจะเป็นได้ง่ายขึ้นไปอีก

พ่อยุคนี้ปรารถนาที่จะมีบทบาทในการเลี้ยงดูลูกให้มากกว่าที่เคย

เมื่อคุณพ่อต้องการความเท่าเทียมในฐานะผู้ปกครอง

พ่อสมัยใหม่มักให้ความสำคัญกับการเลี้ยงดูลูกอย่างจริงจัง โดยพวกเขาใช้เวลากับลูกมากขึ้นสามเท่า เทียบกับสิ่งที่ผู้ชายรุ่นก่อนๆทำกันมาสองชั่วอายุคน

ย้อนกลับไปในปีพ. ศ. 2525 43% ของผู้เป็นพ่อยอมรับว่าพวกเขาไม่เคยเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูกเลย ทุกวันนี้ตัวเลขนั้นลดลงเหลือเพียง 3% เท่านั้น และสิ่งที่วิเศษไปกว่านั้นก็คือ งานวิจัยระบุไว้ว่าเมื่อพ่อได้อาบน้ำ แต่งตัว และเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูก ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกจะยิ่งแน่นแฟ้นเมื่อเด็กโตขึ้น

การวิจัยแสดงให้เห็นว่าบรราดาพ่อรุ่นใหม่มีความเชื่อในเรื่องการดูแลเด็กที่เท่าเทียมกัน และมีความมุ่งมั่นที่จะเห็นการจัดสรรหน้าที่การเลี้ยงดูลูกที่มากขึ้นในครอบครัวของตนเอง แต่กระนั้นก็มีพ่อหลายคนที่ยอมรับว่าสิ่งต่างๆ แม้กระทั่งงานบ้าน ผู้เป็นนนนแม่ก็ยังทำหน้าที่มากกว่าตนเอง แต่จากการศึกษาเมื่อไม่นานมานี้พบว่าพ่อยุคใหม่อุทิศเวลาให้กับการทำงานบ้านทุกวัน มากกว่ารุ่นพ่อของพวกเขาถึง 30 นาที และพวกเขาก็ยังใช้เวลากับลูกๆ มากกว่าพ่อรุ่นก่อนๆด้วยเช่นกัน

นี่เป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะคุณพ่อรุ่นใหม่ที่มีส่วนร่วมในการดูแลลูกด้วยตัวเองมากขึ้น กำลังสอนบรรดาลูกสาวว่าพวกเธอไม่ได้มีอะไรที่ด้อยกว่าเด็กผู้ชาย และสอนบรรดาลูกชายว่างานบ้านอย่างการล้างจานหรือซักผ้าไม่ได้เป็นเพียง “งานของพวกผู้หญิง” ซึ่งความคิดอันก้าวหน้าเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการเติบโตเป็นผู้ใหญ่แห่งโลกสมัยใหม่

แนวโน้มที่พ่อรุ่นใหม่มีส่วนร่วมมากขึ้นในการเลี้ยงลูกและทำบ้านไม่เพียงแต่ดีสำหรับลูกๆเท่านั้น มันยังดีต่อการแต่งงานด้วย ซึ่งก็เป็นเรื่องดีสำหรับพวกลูกๆเช่นกัน การวิจัยแสดงให้เห็นว่าเมื่อความรับผิดชอบในการเลี้ยงดูลูกเป็นของแม่ถึง 60% หรือมากกว่านั้น ความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับพ่อจะเป็นสิ่งที่น่าทนทุกข์ทรมาน แต่เมื่อพ่อมีส่วนในการช่วยเหลือด้วย ทั้งสองก็จะมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นขึ้น สิ่งง่ายๆ เช่น พ่อกำลังโหลดจานเข้าเครื่องล้างจานเป็นอะไรที่มีพลังมาก

เราจะพบภาพพ่อรุ่นใหม่อ่านนิทานให้ลูกหรือถักเปียกให้ลูกสาวได้มากขึ้น

พ่อก็รู้สึก #พ่อผิดเอง ได้เหมือนกัน

แม้วันนี้พวกเขาจะมาไกลแค่ไหน คุณพ่อยุคใหม่ก็มักจะรู้สึกขัดแย้งในจิตใจและต่อสู้กับความผิดของพ่ออยู่ เพราะในเรื่องในบ้านส่วนใหญ่คนเป็นแม่ก็ยังทำอะไรๆได้มากกว่า ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดความแตกต่างในการรับรู้ระหว่างคู่รักได้ จิล วิทนีย์นักบำบัดชีวิตแต่งงานและครอบครัวบอกว่า พ่อในยุคนี้อาจเปรียบเทียบตัวเองกับรุ่นพ่อของพวกเขา และเปรียบเทียบว่าเขามีส่วนช่วยมากกว่าพ่อของเขาเสียอีก ในขณะที่ฝ่ายแม่กลับมองว่ามันเทียบกันได้เสียที่ไหน

ความจริงแล้วการวิจัยล่าสุดพบว่า แม่ท่่ทำงานนอกบ้านมีเวลาว่างน้อยกว่าหนึ่งชั่วโมง ในขณะที่พ่อมีเวลาเกือบสองชั่วโมง และการศึกษาวิจัยนี้แสดงให้เห็นว่าคุณแม่ทำงานในลักษณะ multi-tasking มากกว่าพ่อเสียอีก

การสำรวจพบว่าประมาณครึ่งหนึ่งของพ่อต้องการที่จะใช้เวลากับลูกๆมากกว่าที่พวกเขาทำได้ในตอนนี้ แต่พวกเขาไม่สามารถฝ่าฟันอุปสรรคจากชีวิตของคนทำงานประจำได้

พ่อต้องการการสนับสนุนเช่นกัน

จากข้อมูลของเควิน ชาเฟอร์ รองศาสตราจารย์ด้านสังคมวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮม ยังก์ บรรดาพ่อกล่าวซ้ำๆกับนักวิจัยว่าพวกเขาต้องการมีส่วนร่วมในการเลี้ยงลูกมากขึ้น แต่กรอบทางสังคมมักป้องกันไม่ให้พวกเขาเป็นพ่อในแบบที่พวกเขาต้องการ และนั่นทำให้ทั้งพ่อ แม่ และเด็กๆรู้สึกเจ็บปวด

จากข้อมูลของชาเฟอร์ การจ่ายค่าแรงในช่วงลาคลอดของทั้งพ่อและแม่เป็นการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมการทำงานที่จำเป็นอย่างยิ่ง งานวิจัยของเขาบ่งชี้ว่า พ่อจะมีส่วนร่วมในการเลี้ยงดูและเป็นผู้ปกครองที่ดีขึ้น ถ้าพวกเขาทำงานให้กับองค์กรที่มีวัฒนธรรมและนโยบายที่ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของครอบครัว พวกพ่อทั้งหลายล้วนมีงานล้นมือ ถึงเวลาที่สังคมจะต้องให้การสนับสนุนพวกเขาบ้าง พ่อหลายคนในทุกวันนี้มีความขัดแย้งภายในใจสูง พวกเขาต้องการที่จะเติบมากขึ้นในองค์กร แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องการใช้เวลากับลูกๆของพวกเขา พวกพ่อยังคงยืนยันว่าความสนใจของลูกๆเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก แต่พวกเขาก็มีความอ่อนไหวต่อสิ่งที่องค์กรของพวกเขาเรียกร้อง

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการขับเขี้ยวในการทำงาน ทำให้พ่อมีเวลาให้ลูกน้อยกว่าที่ควรจะเป็น

บทบาทของพ่อกำลังเป็นที่จับตา

มีความท้าทายมากมายที่พ่อยุคใหม่จะต้องรับมือ แต่เราต้องยอมรับว่าพวกเขามาไกลมาก เราสามารถเห็นบทาทของพ่อที่ชัดเจนขึ้นในครอบครัวและในโซเชียลมีเดียของเรา ในขณะที่พ่อที่มีชื่อเสียงอย่าง เดอะร็อค และ จอห์น เลเจนด์ ก็ได้แสดงบทบาทของพ่อที่มีส่วนร่วมมากมายให้สาธารณชนได้เห็น

หน้าที่ของความเป็นพ่อนั้นก็ยิ่งใหญ่และมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าหน้าที่ของคุณแม่เลยค่ะ Motherhood เข้าใจในส่วนนี้ดี เราจึงอาสาเป็นเพื่อนคู่คิด ที่จะนำเสนอสินค้าเกี่ยวกับแม่และเด็ก รวมทั้งเคล็ดลับดีๆสำหรับครอบครัวของคุณ

 

อ่านบทความสำหรับแม่และเด็กอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ >> story.motherhood.co.th

มองหาสินค้าสำหรับแม่และเด็กในราคาสุดพิเศษได้เลยที่ >> Motherhood.co.th