Site icon Motherhood.co.th Blog

10 ภาษาน่าให้ลูกเรียนเป็น “ภาษาที่สาม”

ให้ลูกเรียนภาษาที่สาม

10 ภาษาน่าเรียน หากคุณอยากให้ลูกเรียนรู้ภาษาที่สาม

10 ภาษาน่าให้ลูกเรียนเป็น “ภาษาที่สาม”

สมัยนี้นอกจากภาษาอังกฤษจะสำคัญมาก ๆ แล้ว การรู้ “ภาษาที่สาม” ก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะการได้เรียนรู้ภาษาที่สามทำให้เด็ก ๆ ได้เปรียบคนรอบข้างมากขึ้นกว่าเดิม ทำให้ได้รับโอกาสดี ๆ ที่คุณพ่อคุณแม่คาดไม่ถึง แต่จะเลือกภาษาไหนให้ลูกเรียนดีละ ? วันนี้ Motherhood จำนำเสนอภาษาที่มีผู้ใช้กันมากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลกมาแนะนำ จะมีภาษาไหนบ้าง ไปติดตามกันเลยค่ะ

การได้ภาษามากกว่าแค่ 2 ภาษาในสมัยนี้ถือเป็นความได้เปรียบอย่างมาก

1. ภาษาจีนกลาง

เป็นใช้กันมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากภาษาอังกฤษ โดยคนใช้มากกว่าพันล้านคนกระจายอยู่ทั่วโลก ถ้าพูดภาษาจีนได้ก็จะเพิ่มโอกาสได้อย่างมากโดยเฉพาะในด้านธุรกิจ นอกจากนี้ภาษาจีนกลางยังเป็น 1 ใน 6 ภาษาที่ใช้ในองค์การสหประชาชาติอีกด้วย และเมื่อนำไปเทียบกับภาษาอื่น ๆ แล้ว แกรมม่าของภาษาจีนดูจะง่ายกว่ามาก แต่ด้วยความที่มีตัวอักษรมากถึง 50,000 ตัว ก็ต้องหันไปจำตัวอักษรและหมั่นท่องศัพท์มาก ๆ แทน

2. ภาษาฮินดี

หนึ่งในภาษาราชการของประเทศอินเดีย และอยู่ในอันดับที่ 4 ของภาษาที่มีคนใช้มากที่สุดในโลก เพราะมีผู้ใช้มากถึง 500 ล้านคนทั่วโลก นอกจากนี้ยังเป็นภาษาที่ใช้สื่อสารกันทั่วไปของประเทศในแถบเอเชียใต้ เช่น ปากีสถาน เนปาล บังคลาเทศ ภูฏาน เป็นต้น โดยเฉพาะประเทศอินเดียเองที่ในปัจจุบันมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ค่อนข้างสูง ภาษาฮินดีจึงมีความสำคัญต่อการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรมทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลกมากขึ้นเรื่อย ๆ

3. ภาษาญี่ปุ่น

เนื่องจากปัจจุบันมีบริษัทญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ถ้าเด็ก ๆ รู้และศึกษาภาษาญี่ปุ่น โอกาสที่จะได้งานทำก็จะมีมากกว่าคนอื่น เพราะบริษัทเหล่านี้ต้องการบุคลากรที่มีความรู้ด้านภาษาญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก เนื่องจากคนในประเทศญี่ปุ่นเองยังพูดภาษาอังกฤษได้น้อย คนที่สื่อสารภาษาญี่ปุ่นได้ดี ก็จะได้รับค่าตอบแทนที่ค่อนข้างสูง

4. ภาษาเกาหลี

สื่อบันเทิงทั้งซีรี่ส์ เพลง หรือแฟชั่นของเกาหลีได้รับความนิยมสูงในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งความเติบโตทางเศรษฐกิจของเกาหลีก็ทำให้หลาย ๆ บริษัทมาเปิดบริษัลูกในประเทศไทย คนที่สามารถพูดภาษาเกาหลีจึงเป็นที่ต้องการของบริษัทต่าง ๆ เพื่อติดต่องานกับบริษัทแม่ และคาดว่าเกาหลีจะยังคงเป็นหนึ่งประเทศที่เติบโตเร็วที่สุดในเชิงพาณิชย์อีกด้วย

5. ภาษาเวียดนาม

หลายคนอาจจะมองข้ามประเทศเวียดนามไป ที่จริงแล้วเวียดนามเป็นประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นอันดับ 1 ของอาเซียน การลงทุนต่าง ๆ ในภาคธุรกิจก็เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเสมอมา จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าการพูดภาษาเวียดนามได้จะช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจและการทำงานอย่างมาก

แต่คุณต้องไม่บังคับลูกจนเกินไป ให้เขาเลือกเรียนตามความชอบ

6. ภาษาอาหรับ

ภาษาอาหรับนิยมใช้กันในภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาตอนเหนือ เช่น อิรัก คูเวต จอร์แดน อิสราเอล แอลจีเรีย บาห์เรน ปาเลสไตน์ และซาอุดีอาระเบีย มีจำนวนผู้ใช้ประมาณ 400 ล้านคนทั่วโลก หากพูดภาษาอาหรับได้ จะมีโอกาสทางการงานเพิ่มขึ้นอีกมาก เพราะอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศภูมิภาคตะวันออกกลางนั้นเป็นไปอย่างรวดเร็ว รวมทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวในไทยก็มากขึ้นทุกปี

7. ภาษาฝรั่งเศส

ภาษาฝรั่งเศสถูกใช้เป็นภาษาราชการใน 29 ประเทศทั่วโลก อีกทั้งยังเป็นภาษาที่ในองค์กรต่าง ๆ ระดับโลกใช้สื่อสารกัน เช่น สหภาพยุโรป ไอโอซี ยูเนสโก้ และองค์การสหประชาชาติ และฝรั่งเศสเองก็เป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจขนาดใหญ่ จึงทำให้มีโอกาสมากมายรองรับสำหรับผู้ที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสได้

8. ภาษาสเปน

นอกจากประเทศสเปนเองแล้ว หลายประเทศในแถบละตินอเมริกาใช้ภาษาสเปนเป็นภาษาราชการ และยังเป็นภาษาที่สองในประเทศสหรัฐอเมริกาด้วย โดยมีแนวโน้มว่าภาษาสเปนจะเติบโตขึ้นไปเรื่อย ๆ อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ภาษาสเปนยังเป็นภาษาที่ใช้กันในอินเตอร์เน็ตมากที่สุดในอันดับที่ 3 รองจากภาษาจีน และภาษาอังกฤษ

9. ภาษาเยอรมัน

ประเทศเยอรมันมีบทบาทสำคัญในยุโรปอย่างมากทั้งด้านด้านเศรษฐกิจ การศึกษา และการเมือง นอกจากเยอรมันเองแล้วยังมีอีกหลายประเทศในยุโรปที่ใช้ภาษาเยอรมันในการติดต่อสื่อสาร จึงทำให้ภาษาเยอรมันเป็นภาษาที่มีคนพูดมากที่สุดในยุโรป หากใช้ภาษาเยอรมันได้ก็จะเป็นประโยชน์มากในด้านการทำธุรกิจระหว่างประเทศกับประเทศในแถบยุโรป

10. ภาษาโปรตุเกส

คนไทยเราอาจไม่ค่อยคุ้นเคยกับภาษาโปรตุเกสนัก แต่มันเป็นภาษาราชการในหลายประเทศทั่วโลก เช่น โปรตุเกส บราซิล แองโกลา โมซัมบิก และติมอร์-เลสเต เราจะเห็นได้ว่าประเทศส่วนใหญ่ที่ใช้ภาษาโปรตุเกสเป็นประเทศที่กำลังพัฒนาในแถบทวีปอเมริกาใต้ โดยเฉพาะประเทศบราซิลที่มีขนาดใหญ่และมีประชากรจำนวนมาก กำลังต้องการที่จะขยายเศรษฐกิจออกไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก แต่ยังขาดแคลนคนที่สามารถใช้ภาษาโปรตุเกสได้เป็นอย่างดี เพราะคนที่มีความรู้ด้านภาษาโปรตุเกสยังมีน้อย

ก่อนให้ลูกเรียนภาษาที่สาม ต้องพิจารณาอะไรบ้าง ?

คุณพ่อคุณแม่อาจจะกังวลว่าหากให้ลูกเรียนภาษาตอนที่โตมากแล้วจะลำบาก หรือคิดว่าภาษาไทยอาจจะส่งผลต่อการออกเสียงภาษาต่างประเทศ จึงอยากให้ลูกได้ฝึกภาษาตั้งแต่ยังเล็ก จะได้มีสำเนียงที่ดี แต่คุณพ่อคุณแม่ควรทราบด้วยว่าสถาบันสอนภาษาหลายแห่งก็ไม่ได้มีหลักสูตรที่ออกแบบมาสำหรับเด็กโดยเฉพาะ แต่จะเหมาะกับเด็กโตที่มีสมาธิแล้วมากกว่า เขาถึงจะนั่งเรียนไวยากรณ์ได้ ดังนั้น คุณควรตรวจสอบกับทางสถาบันว่าหลักสูตรเหมาะสมกับเด็กวัยใด

ควรให้ลูกเริ่มเรียนในช่วงอายุที่เหมาะสมกับหลักสูตร

อย่าเอาความต้องการของคุณเองไปยัดเยียดให้เด็ก การที่คุณอยากส่งเสริมให้ลูกได้ภาษาต่างประเทศเป็นสิ่งที่ดี แต่คุณควรแน่ใจว่าลูกมีความต้องการที่จะเรียนรู้ในภาษานั้น ๆ ด้วยตัวเองอย่างแท้จริง หากเป็นการบังคับลูก จะทำให้ลูกยิ่งต่อต้าน และเมื่อเรียนภาษาในระดับสูงขึ้นไป ก็จะยิ่งพบเจอเรื่องที่ซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ หากลูกมีทัศนคติที่เป็นลบไปเสียแล้ว ลูกก็จะยิ่งทรมานกับการเรียนภาษา

การเรียนกิจกรรมเสริมนอกหลักสูตรหรือการเรียนภาษาต่างประเทศเท่ากับว่าลูกจะต้องเรียนพิเศษมากขึ้น เขาจะมีเวลาว่างน้อยลง และยังจำเป็นต้องแบ่งเวลามาทบทวนด้วยเช่นกัน หากภาษาที่สามที่เลือกเรียนนั้นไม่ใช่ภาษาที่คุณเองมีความรู้พอที่จะช่วยลูกทบทวนได้ คุณก็ต้องคอยให้กำลังใจเขา คอยสนับสนุน และผ่อนคลายความกดดัน ไม่เคร่งครัดจนลูกรู้สึกว่าไม่มีโอกาสได้พักผ่อน

 

อ่านบทความสำหรับแม่และเด็กอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ >> story.motherhood.co.th

มองหาสินค้าสำหรับแม่และเด็กในราคาสุดพิเศษได้เลยที่ >> Motherhood.co.th