วัคซีน AstraZeneca ถูกระงับการฉีดแล้วใน 12 ประเทศทั่วโลก
แม้ว่าจะมีการระงับใช้ “วัคซีน AstraZeneca” ในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก หลังพบอาการลิ่มเลือดในผู้รับวัคซีน เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ (16 มีนาคม) ที่ประเทศไทยเรา นายกรัฐมนตรีพร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีบางส่วนได้เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 ของบริษัทแอสตราเซเนกา (AstraZeneca) หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้เลื่อนออกไป เพราะมีข่าวว่าพบผู้ฉีดวัคซีนบางรายเกิดอาการลิ่มเลือดอุดตัน และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ความคืบหน้าของผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนตัวดังกล่าวจะเป็นอย่างไร มีประเทศใดบ้างที่ระงับการฉีดวัคซีนตัวนี้ไปแล้ว เรามาติดตามกันค่ะ
หลังข่าวเกี่ยวกับอาการลิ่มเลือดอุดตันที่พบในผู้ฉีดวัคซีนตัวนี้บางรายได้เผยแพร่ออกไป บริษัทแอสตราเซเนกาได้ออกมาชี้แจงว่า ไม่มีหลักฐานใดที่แสดงให้เห็นว่าเผลข้างเคียงดังกล่าวเกิดจากการฉีดวัคซีน โดยอ้างอิงจากรายงานประเมินความปลอดภัยของบริษัท ที่เก็บข้อมูลผู้ได้รับวัคซีนแอสตราเซเนกา กว่า 17 ล้านคนในประเทศอังกฤษและสหภาพยุโรป (EU) ซึ่งยืนยันว่า วัคซีนนี้ไม่ได้กระตุ้นให้เกิดลิ่มเลือดบริเวณปอด รวมถึงการอุดตันของหลอดเลือดดำ หรือทำให้เกิดภาวะเกล็ดเลือดต่ำในทุกกลุ่มวัย นอกจากนี้ ทางองค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (EMA) เองก็ได้เปิดเผยว่า การเกิดลิ่มเลือดของผู้ได้รับวัคซีนไม่มีความเกี่ยวข้องกับตัววัคซีนแต่อย่างใด
แม้ว่าองค์กรต่าง ๆ จะออกมายืนยันความปลอดภัยของวัคซีนตัวนี้ แต่หลายๆ ประเทศยังคงเดินหน้าระงับการฉีดวัคซีนจากแอสตราเซเนกาต่อไป เนื่องจากยังพบว่าผู้ฉีดบางส่วนยังคงเกิดลิ่มเลือดอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น เพื่อความปลอดภัย หลายประเทศจึงสั่งชะลอการฉีดวัคซีนออกไปชั่วคราว และรอการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง สำหรับประเทศต่าง ๆ ที่สั่งระงับการใช้วัคซีนจากแอสตราเซเนกามาจนถึงปัจจุบัน มีดังนี้
- เดนมาร์ก เป็นประเทศแรกที่ประกาศระงับการใช้วัคซีนแอสตราเซเนกาเป็นเวลา 2 สัปดาห์ นับตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคม เป็นต้นมา หลังพบรายงานว่ามีผู้รับวัคซีนบางคนเกิดลิ่มเลือดขึ้น ซึ่งทางสำนักงานยาของเดนมาร์กระบุว่า หญิงวัย 60 ปีคนหนึ่งได้เข้ารับการฉีดวัคซีน ก่อนที่เธอจะเกิดอาการลิ่มเลือดอุดตัน และเสียชีวิตลงในเวลาต่อมา
- นอร์เวย์ ประกาศระงับใช้วัคซีนแอสตราเซเนกาในวันที่ 11 มีนาคม เช่นกัน โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของนอร์เวย์เปิดเผยว่า มีเจ้าหน้าที่ 3 คน ซึ่งมีอายุต่ำกว่า 50 ปี ได้รับวัคซีน พวกเขามีอาการลิ่มเลือดและเกร็ดเลือดต่ำ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่าอาการดังกล่าวเชื่อมโยงกับการฉีดวัคซีนหรือไม่
- ไอซ์แลนด์ เป็นอีกประเทศที่ประกาศระงับใช้วัคซีนในอวันที่ 11 มีนาคม เพื่อรอผลสอบสวนการเกิดผลข้างเคียงของการใช้วัคซีน จากองค์การยาแห่งสหภาพยุโรป
- บัลแกเรีย มีรายงานว่าหญิงวัย 57 ปีเสียชีวิต หลังได้รับวัคซีนตัวนี้ จึงประกาศระงับฉีดวัคซีนชั่วคราวในวันที่ 12 มีนาคม โดยนายกรัฐมนตรีบอยกอ บอรีซอฟ เปิดเผยว่าจะหยุดการใช้วัคซีนดังกล่าวจนกว่าข้อสงสัยต่าง ๆ จะหมดไป และจนกว่าจะได้มีการรับประกันจากผู้เชี่ยวชาญว่าวัคซีนแอสตราเซเนกาจะไม่ส่งผลร้ายต่อประชาชน
- สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ก็ประกาศชะลอการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาในวันที่ 12 มีนาคมเช่นกัน ทางโฆษกกระทรวงสาธารณสุขของคองโก กล่าวว่า ตามที่หลายประเทศในยุโรประงับฉีดวัคซีน ดังนั้น จึงต้องมีการตรวจสอบเพิ่มเติมเพื่อทราบข้อมูลเกี่ยวกับปัญหานี้
- ไอร์แลนด์ หลังได้รับรายงานจากประเทศนอร์เวย์ว่าพบผลข้างเคียงจากการแข็งตัวของเลือด คณะกรรมการที่ปรึกษาการสร้างภูมิคุ้มกันแห่งชาติของไอร์แลนด์ (NIAC) จึงประกาศระงับฉีดวัคซีนอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 14 มีนาคม และรอข้อมูลเพิ่มเติมจากองค์การยาแห่งสหภาพยุโรป
- เนเธอร์แลนด์ มีการระงับการฉีดวัคซีนชนิดดังกล่าวชั่วคราวในวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา หลังพบอาการไม่พึงประสงค์จากผู้รับวัคซีนของแอสตราเซเนกาจำนวน 10 ราย โดยพบแนวโน้มการเกิดลิ่มเลือดและเส้นเลือดอุดตัน และจะไม่อนุมัติใช้วัคซีนอีกครั้งจนกว่าจะถึงวันที่ 29 มีนาคม
- อิตาลี ประกาศระงับการฉีดวัคซีนเมื่อวันที่ 15 มีนาคม โดยหน่วยงานด้านยาของอิตาลีกล่าวว่า จะระงับใช้วัคซีนเช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ ในยุโรป จนกว่าจะมีการตรวจสอบสาเหตุการเกิดลิ่มเลือดและผลข้างเคียงอื่น ๆ ที่แน่ชัด
- สเปน ได้ประกาศเลื่อนการฉีดวัคซีนในช่วงค่ำของวันที่ 15 มีนาคม เช่นกัน โดยคาโรลินา ดาเรียส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สเปนจะระงับการใช้วัคซีนแอสตราเซเนกาเป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์
- ฝรั่งเศส ประธานาธิบเอ็มมานูเอล มาครง ประกาศว่าจะระงับการฉีดวัคซีนของแอสตราเซเนกาไปจนถึงช่วงบ่ายของวันนี้ (16 มีนาคม) เพื่อป้องกันการเกิดเหตุไม่คาดคิด
- เยอรมนี ก็ประกาศระงับใช้วัคซีนแอสตราเซเนกาแล้วเช่นกัน โดยกระทรวงสาธารสุขกล่าวว่า การตัดสินใจครั้งนี้เป็นไปตามคำแนะนำของสถาบันเพาล์ แอร์ลิช (Paul Ehrlich) ที่ดูแลเรื่องวัคซีนของเยอรมนี
- โปรตุเกส ประกาศระงับการใช้วัคซีนแอสตราเซเนกาชั่วคราว โดยเกรคา เฟรตัส หัวหน้าหน่วยงานด้านสุขภาพ The Directorate-General of Health กล่าวว่า การระงับครั้งนี้เป็นไปเพื่อความปลอดภัยของประชาชน
- สโลวีเนีย เป็นอีกหนึ่งประเทศที่เลื่อนการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาออกไป เนื่องจากพบผลข้างเคียงจากการเกิดลิ่มเลือด
- เวเนซุเอลา ได้อนุมัติระงับการใช้วัคซีนแอสตราเซเนกาเมื่อวันที่ 15 มีนาคม รองประธานาธิบดี เดลซี โรดริเกซ กล่าวว่า จะไม่อนุญาตให้ใช้วัคซีนทั้งที่ยังมีข้อกังขาเช่นนี้
- อินโดนีเซีย เป็นประเทศล่าสุดที่ประกาศชะลอการใช้วัคซีนของแอสตราเซเนกา และจะชะลอไปจนกว่าจะได้รับการยืนยันจากองค์การอาหารและยา (WHO)
นอกจากนี้ หน่วยงานด้านสุขภาพของมอนทรีออลนอร์ท แคนาดา รายงานว่า 8 เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่มีสิทธิ์เข้ารับการฉีดวัคซีน ได้ปฏิเสธการฉีดวัคซีนในวันเสาร์ที่ผ่านมา เมื่อพวกเขาพบว่าวัคซีนที่เตรียมไว้ให้เป็นของ AstraZeneca ทางเจ้าหน้าที่กล่าวว่า มีสาเหตุมาจากความกลัวเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นของวัคซีน แต่ทั้งนายกรัฐมนตรี จัสติน ทรูโด และผู้ว่าการรัฐ กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่าวัคซีนตัวนี้ปลอดภัยที่จะใช้
อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ (16 มีนาคม) องค์การอนามัยโลกได้ออกมาเรียกร้องให้ประเทศต่าง ๆ ยกเลิกการระงับฉีดวัคซีนของแอสตราเซเนกา เนื่องจากตรวจสอบเบื้องต้นแล้วพบว่า วัคซีนดังกล่าวไม่มีการเชื่อมโยงเกี่ยวกับอาการเกิดลิ่มเลือดบริเวณปอดในผู้ฉีด ซึ่งเป็นข้อมูลที่ตรงกับคำแถลงการณ์ของบริษัทแอสตราเซเนกา และองค์การยาแห่งสหภาพยุโรป
สำหรับความคืบหน้าของการฉีดวัคซีน AstraZeneca ในไทยจะเป็นอย่างไรต่อไป จะมีเคสการเกิดผลข้างเคียงลิ่มเลือดอุดตันที่ปอดหรือในหลอดเลือดดำ ดังเช่นที่เกิดมาแล้วในผู้ฉีดจากหลายประเทศหรือไม่ เราก็ยังคงต้องติดตามการอัพเดทข่าวกันอย่างต่อเนื่องนะคะ Motherhood หวังว่าพวกเราจะไม่แพนิคกันจนเกินไป และยังคงต้องป้องกันตัวเองรวมทั้งลูก ๆ ของเราอย่างสม่ำเสมอในทุกวันด้วยค่ะ
อ่านบทความสำหรับแม่และเด็กอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ >> story.motherhood.co.th
มองหาสินค้าสำหรับแม่และเด็กในราคาสุดพิเศษได้เลยที่ >> Motherhood.co.th