Site icon Motherhood.co.th Blog

5 “วิธีเลือกน้ำมันหอมระเหย” ลดความเครียดยุคโควิด

5 วิธีเลือกน้ำมันหอมระเหย

การใช้น้ำมันหอมระเหยคุณภาพดีจะช่วยลดความเครียดในช่วงโควิด-19 ได้

5 “วิธีเลือกน้ำมันหอมระเหย” ลดความเครียดยุคโควิด

อย่างที่ทราบกันดีว่าโควิด19 เป็นโรคติดต่อที่กำลังระบายและสร้างปัญหาเป็นวงกว้าง หนึ่งในประเทศที่เคสพุ่งขึ้นสูงในแถบอาเซียนก็คืออินโดนีเซีย สาเหตุหนึ่งมาจากจำนวนประชากรที่เยอะ การติดต่อจึงแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว แต่ภายหลังอินโดนีเซียได้มีการจัดการหาวัคซีนที่มีคุณภาพ บวกกับความร่วมมือของประชาชนที่ใช้ชีวิตอยู่แต่ในบ้านไม่ได้ออกไปไหนเลยส่งผลให้ยอดจำนวนผู้เสียชีวิตลดน้อยลง แต่ว่าการอยู่ในบ้านติดต่อกันเป็นเวลานานก็ย่อมส่งผลต่อความเครียดทางด้านจิตใจ เมื่อทำอะไรมากไม่ได้ คุณพ่อคุณแม่ชาวอินโดนีเซียส่วนหนึ่งจึงเลือกใช้น้ำมันหอมระเหยจาก Young Living มาเป็นตัวช่วยบำบัดความเครียดระหว่างที่ต้องทำงานที่บ้าน และยังเพิ่มสมาธิให้เด็ก ๆ จดจ่อกับการเรียนออนไลน์ด้วย

มันหอมระเหย Young Living สกัดจากธรรมชาติแท้ ๆ ปราศจากสารเคมีอันตรายและสารปรุงแต่งสังเคราะห์ เหมาะกับผู้ที่ห่วงใยสุขภาพตัวเองและครอบครัวแบบจริงจัง กลิ่นของน้ำมันหอมระเหยยังลิฟวิ่งจะมีหลากหลายกลิ่นให้เลือก หากคุณเลือกไม่ถูกก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะในวันนี้เราจะมาแนะนำ 5 วิธีเลือกน้ำมันหอมระเหยลดความเครียดยุคโควิดให้กับมือใหม่กัน จะมีอะไรบ้าง ตามไปส่องพร้อมกันเลย

1. คุณสมบัติ

สิ่งแรกที่ควรพิจารณาเมื่อเลือกน้ำมันหอมระเหยคือคุณสมบัติของกลิ่นว่ามีประโยชน์ในด้านใด น้ำมันหอมระเหยมีคุณสมบัติในการรักษาที่แตกต่างกันหลายประการ ซึ่งกลิ่นที่ได้รับความนิยมในการบำบัดเรื่องความเครียด จะมีดังนี้

 

2. ระดับความหอม

แต่ละคนมีรสนิยมและความชอบของกลิ่นหอมที่แตกต่างกัน หากคุณอยากได้กลิ่นหอมที่เหมาะกับบ้านอาจจะต้องเช็คโทนกลิ่นของตัวเองก่อนว่าชอบประมาณไหน กลิ่นบางกลิ่นมีความเข้มข้นสูง เมื่อได้กลิ่นนาน ๆ ทำให้รู้สึกฉุนจึงต้องเจือจางด้วยน้ำก่อน ในบางกลิ่นมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ อาจต้องใช้น้ำเล็กน้อยหรือไม่ใช้น้ำเลยระหว่างที่ใช้งาน เช่น น้ำมันหอมระเหยจากลาเวนเดอร์ให้กลิ่นหอมน่าอัศจรรย์ มีความหอมอ่อน ๆ เหมาะกับการใช้งานในทุกฤดู แต่ถ้าคุณกำลังมองหากลิ่นที่หอมแรงหน่อย แนะนำให้เลือกเป็นกลิ่นมินต์หรือจูนิเปอร์ เป็นต้น

3. ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม

บนฉลากของน้ำมันหอมระเหย หากคุณเจอคำศัพท์ Perfume Oil และ Fragrance Oil นั่นหมายความว่าไม่ใช่น้ำมันหอมระเหยแท้แน่นอน แต่จะเป็นน้ำมันหอมระเหยที่มีการสังเคราะห์กลิ่นขึ้นมาให้คล้ายกับกลิ่นของน้ำมันหอมระเหยแท้ ไม่ได้ช่วยในเรื่องของการบำบัดสุขภาพแต่อย่างใด ให้เพียงแค่กลิ่นหอมเท่านั้น และหากใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานานก็อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกายอีกด้วย ดังนั้นอย่าลืมดูด้วยว่าบนฉลากมีคำศัพท์เหล่านี้อยู่หรือเปล่า

4. บรรจุภัณฑ์

ภาชนะที่บรรจุ เป็นสิ่งหนึ่งที่จะบ่งบอกได้ว่าน้ำมันหอมระเหยนั้นมีคุณภาพหรือไม่ เพราะโดยปกติน้ำมันหอมระเหยแท้จะต้องถูกบรรจุในภาชนะแก้วสีทึบ เช่น สีน้ำตาล สีน้ำเงิน หรือสีเขียว เพื่อป้องกันไม่ให้คุณภาพของน้ำมันหอมระเหยถูกทำลายจากแสงแดด และยังช่วยคงกลิ่นหอมให้ยาวนานมากขึ้น และอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องสังเกตคือฝาหรือซีลบนขวด ต้องปิดแน่นหนาและไม่มีอากาศผ่านเข้าไปได้

5. การใช้งาน

น้ำมันหอมระเหยไม่ได้มีเอาไว้แค่ให้กลิ่นหอมเท่านั้น แต่ยังสามารถนำมาทาเพื่อดูแลผิวพรรณ ผม ริมฝีปากรวมถึงเหมาะสำหรับการนวดเพื่อผ่อนคลายได้ด้วย ก่อนเลือกซื้ออย่าลืมเช็คด้วยว่าน้ำมันหอมระเหยที่คุณเลือกใช้เป็นผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกและจากธรรมชาติ 100% และมีสรรพคุณตามที่ต้องการหรือไม่ อีกข้อที่ต้องระวังคือควรใช้ในสัดส่วนในปริมาณที่เหมาะสมตามคำแนะนำของผู้ผลิต เพื่อให้ได้คุณภาพจากน้ำมันที่สูงที่สุด

และนี่คือวิธีเลือกซื้อน้ำมันหอมระเหยเบื้องต้น หากคุณกำลังมองหาวิธีคลายเครียดตามแบบฉบับของชาวอินโดนีเซียล่ะก็ แนะนำให้เลือกใช้น้ำมันหอมระเหยจาก Young Living สกัดจากธรรมชาติแท้ ๆ มีทั้งกลิ่นมะกรูด ส้มยูซุ ดอกกระดังงา คลารี่ เสจ และอื่น ๆ อีกมากมาย เพิ่มความผ่อนคลายให้คุณได้อย่างดีเยี่ยม กระตุ้นให้รู้สึกสดชื่น พร้อมให้คุณรับมือกับปัญหาได้ในทุก ๆ วัน