วิธีใช้เครื่องปั๊มนม ชวนคุณแม่เรียนรู้ตั้งแต่ขั้นตอนแรก
เพิ่งผ่านพ้นสัปดาห์แห่งการให้นมแม่โลกไปหมาด ๆ คุณแม่หลายคนก็คงเห็นถึงความสำคัญของการให้นมแม่กันแล้ว แต่อาจยังไม่มีข้อมูลที่จำเป็น เช่น “วิธีใช้เครื่องปั๊มนม” หรือการเลือกซื้อของที่เกี่ยวข้องกับการให้นมหลาย ๆ อย่าง วันนี้ Motherhood จะมาแนะนำการเลือกซื้อเครื่องปั๊มนม รวมถึงการใช้งานมันอย่างถูกวิธี เพื่อให้แม่ ๆ ทุกคนสามารถให้นมลูกน้อยได้อย่างไม่ขาดตอน
การปั๊มนมคืออะไร?
เป็นวิธีเก็บสำรองนมแม่ที่สะดวกและประหยัดเวลาในการให้นมลูก และยังช่วยให้คุณแม่หมดกังวลเรื่องปริมาณนมที่อาจไม่เพียงพอเมื่อให้นมจากเต้าอีกด้วย นอกจากนี้ ในกรณีที่คุณแม่ไม่ว่างหรือต้องไปทำงานนอกบ้าน ผู้ที่รับหน้าที่ดูแลแทนก็สามารถป้อนนมให้เด็กได้ทันที สิ่งสำคัญคือคุณแม่ควรเรียนรู้วิธีการปั๊มและการเก็บรักษานม เพื่อให้มั่นใจได้ว่าลูกน้อยจะได้รับนมที่มีคุณภาพ และยังเป็นผลดีต่อสุขภาพเต้านมของตัวคุณแม่เองเช่นกัน
ทำไมต้องปั๊มนม?
คุณแม่จำนวนไม่น้อยเลือกการปั๊มนมเป็นตัวช่วยในการให้นมลูก เนื่องจากเป็นวิธีที่ผู้อื่นสามารถป้อนนมแทนได้ ทำให้คุณแม่มีเวลาทำกิจกรรมอื่น ๆ ได้ไปทำงาน หรือพักผ่อนจากการให้นม นอกจากนี้การปั๊มนมยังมีข้อดีอีกหลายประการ เช่น
- ช่วยกระตุ้นการผลิตน้ำนม ส่งผลให้คุณแม่มีปริมาณน้ำนมเพิ่มมากขึ้น
- ช่วยเก็บสำรองนมแม่ไว้ให้ทารก ในกรณีที่คลอดก่อนกำหนดหรือแม่ให้นมจากเต้าโดยตรงไม่ได้
- ช่วยเก็บสำรองนมแม่ ในกรณีที่แม่อาจต้องหยุดให้นมเนื่องจากใช้ยาหรือรับการรักษาที่ส่งผลต่อคุณภาพและการปนเปื้อนของน้ำนมแม่
- ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดจากการคัดเต้านม แต่หากปั๊มนมมากเกินไปในช่วงที่คัดเต้านมอาจทำให้อาการเจ็บยิ่งรุนแรงขึ้นได้
เริ่มปั๊มนมได้ตอนไหน?
การปั๊มนมควรเริ่มหลังคลอดบุตร โดยเฉพาะคุณแม่ที่มีปัญหาเรื่องน้ำนมไม่เพียงพอ อาจเริ่มปั๊มนมทันทีหลังคลอด เพราะจะช่วยให้น้ำนมไหลออกมามากขึ้น แต่ยังไม่ควรให้เด็กเรียนรู้การดูดนมจากขวดเร็วเกินไป เพราะอาจทำให้เด็กสับสนและติดดูดนมจากขวด ทว่าอาการนี้อาจไม่เกิดขึ้นเสมอไป เด็กบางคนปรับตัวได้ดี ทำให้ดูดนมจากเต้าและขวดนมสลับกันได้โดยไม่มีปัญหา
หากคุณแม่ไม่ได้เริ่มปั๊มนมตั้งแต่หลังคลอด และต้องกลับไปทำงานหลังครบกำหนดลาคลอด ควรเริ่มฝึกปั๊มนมอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ก่อนหน้า โดยอาจปั๊มนมหลังจากให้นมลูกเรียบร้อยแล้วหรือปั๊มระหว่างให้นมเลยก็ได้ การฝึกปั๊มนมจะช่วยให้คุณแม่เรียนรู้วิธีปั๊มนมได้อย่างถูกต้อง และยังเป็นการเริ่มเก็บสำรองน้ำนมไว้สำหรับลูกน้อยเมื่อถึงเวลาต้องกลับไปทำงาน
เลือกซื้อปั๊มนมอย่างไร?
เครื่องปั๊มนมเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้ปั๊มนมได้สะดวกยิ่งขึ้น ซึ่งการเลือกชนิดเครื่องปั๊มนมที่เหมาะสมนั้นขึ้นอยู่กับความถี่ในการใช้ ระยะเวลาที่คุณแม่สะดวกปั๊มนม รวมทั้งปริมาณน้ำนมที่ต้องการ เครื่องปั๊มนมที่นิยมใช้ในปัจจุบันมี 2 ชนิด ได้แก่
- เครื่องปั๊มนมธรรมดา เป็นที่ปั๊มนมชนิดใช้มือ ราคาถูกและมีขนาดเล็ก เหมาะสำหรับคุณแม่ที่ต้องการปั๊มนมเป็นครั้งคราว ไม่เหมาะสำหรับคุณแม่ที่ต้องทำงานประจำ เนื่องจากต้องใช้เวลานานในการปั๊ม
- เครื่องปั๊มนมไฟฟ้า มีราคาค่อนข้างแพง แต่ใช้งานง่ายกว่าชนิดธรรมดา และช่วยทุ่นเวลาในการปั๊มนม ทำให้ได้ปริมาณนมมากกว่า โดยเครื่องปั๊มชนิดนี้มีให้เลือกใช้ทั้งแบบปั๊มทีละข้างและแบบปั๊มพร้อมกันทั้ง 2 ข้าง ซึ่งเครื่องปั๊มนมไฟฟ้าแบบปั๊มคู่ จะช่วยประหยัดเวลาในการปั๊มนมได้ดีกว่าแบบปั๊มเดี่ยว วิธีเลือกเครื่องปั๊มนมให้ดูที่ฟังก์ชั่น รุ่นไหนแรงดูดดีกว่ากัน ปั๊มนมออกมาได้มากกว่ากัน และเกลี้ยงเต้ากว่ากัน ร้านขายเครื่องปั๊มนมบางร้านสามารถให้คุณแม่ไปทดลองใช้สินค้าก่อนตัดสินใจเลือกเครื่องที่เหมาะได้ แม่ก็จะได้รู้ว่า ร่างกายของคุณแม่มีการตอบสนองต่อเครื่องปั๊มแต่ละรุ่นอย่างไร
นอกจากนี้ การเลือกเครื่องปั๊มนมยังควรคำนึงถึงปัจจัยอื่น ๆ ที่สำคัญ เช่น เครื่องปั๊มแบบไฟฟ้าอาจส่งเสียงดังขณะเครื่องทำงาน ขนาด และน้ำหนักของเครื่องอาจไม่สะดวกต่อการพกพา อีกทั้งต้องใช้กระแสไฟฟ้าหรือแบตเตอรี่ในการทำงาน คุณแม่บางคนอาจเลือกใช้เครื่องปั๊มนมทั้ง 2 ชนิดสลับกัน เพื่อให้ได้น้ำนมตามปริมาณที่ต้องการ และยังสามารถปั๊มนมได้ในกรณีที่ไฟดับหรืออยู่ในบริเวณที่ไม่มีกระแสไฟฟ้า
วิธีการปั๊มนมที่ถูกต้อง
ปัจจุบันคุณแม่ส่วนใหญ่นิยมปั๊มนมด้วยเครื่อง เนื่องจากใช้เวลาไม่มากและได้ปริมาณน้ำนมมากกว่าการปั๊มด้วยมือ ซึ่งการปั๊มนมด้วยมือและการปั๊มนมด้วยเครื่อง มีขั้นตอนดังต่อไปนี้
การปั๊มนมด้วยมือ
- ล้างมือและขวดนมให้สะอาด
- นวดหน้าอกหรือใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นประคบบริเวณเต้านม เพื่อช่วยให้น้ำนมไหลได้ดีขึ้น
- นั่งลงแล้วเอนตัวไปด้านหน้า
- วางนิ้วโป้งเหนือหัวนม นิ้วชี้อยู่ด้านใต้หัวนม โดยให้นิ้วทั้งสองห่างจากลานหัวนมประมาณ 1 นิ้ว และมืออยู่ในลักษณะรูปตัวซี
- กดนิ้วทั้งสองลงไปพร้อมกันช้า ๆ เพื่อบีบน้ำนมออกมา หากยังไม่ออกให้ค่อยๆปรับทิศทางจนน้ำนมไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง
- เปลี่ยนบริเวณที่บีบไปรอบ ๆ ลานนม เพื่อไม่ให้รู้สึกเจ็บจากการบีบน้ำนมบริเวณเดิมซ้ำ ๆ
- เก็บน้ำนมไว้ในบรรจุภัณฑ์หรือขวดนมที่สะอาด
การปั๊มนมด้วยเครื่อง
- ล้างมือ อุปกรณ์ปั๊มนม และขวดนมให้สะอาด
- วางกรวยเต้าสำหรับปั๊มนมบนหัวนม โดยให้กรวยอยู่ตรงกลางหัวนม
- ประคองเต้านมด้วยมือข้างเดียว โดยให้นิ้วโป้งอยู่ด้านบน ส่วนนิ้วที่เหลือประคองอยู่ด้านใต้เต้านม และระมัดระวังอย่าออกแรงดันหัวนมกับกรวยเต้านมมากเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดรอยที่ผิวบริเวณเต้านมได้
- ปรับความเร็วและอัตราการปั๊มนมตามคู่มือการใช้เครื่อง โดยควรเริ่มต้นจากอัตราการปั๊มที่ต่ำและเร็ว เมื่อน้ำนมเริ่มไหลอย่างคงที่ ซึ่งปกติจะใช้เวลาประมาณ 1-3 นาที แล้วจึงค่อยปรับความเร็วให้ช้าลงและเพิ่มอัตราการปั๊มขึ้น
- การปั๊มนมแต่ละครั้งใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที เมื่อเรียบร้อยแล้ว ให้ค่อย ๆ นำกรวยเต้าสำหรับปั๊มนมออกจากเต้านม จากนั้นนำน้ำนมที่ได้ไปเก็บไว้ในที่เย็นทันที เพื่อรักษาคุณภาพของน้ำนม
- ทำความสะอาดเครื่องปั๊มนมตามคู่มือการใช้งาน และเก็บให้มิดชิดเพื่อป้องกันเชื้อโรคและสิ่งสกปรก
เครื่องปั๊มนมไฟฟ้าจะสามารถปรับรอบดูดและแรงดูดได้ แต่บางรุ่นก็ไม่สามารถปรับรอบดูดได้ เป็นรอบดูดแบบคงที่ จะปรับได้เฉพาะแรงดูดอย่างเดียว ในช่วงแรกที่เพิ่งจะเริ่มทำการปั๊มนม ให้ปรับในระดับที่ยังรู้สึกสบายและไม่เจ็บ ค่อยๆเพิ่มความแรงของเครื่องปั๊มนมไปเรื่อย ๆ เมื่อร่างกายของแม่คุ้นเคยแล้ว ค่อยปรับระดับความแรงให้เพิ่มขึ้น ซึ่งโดยปกติแล้วการใช้เครื่องปั๊มนมจะไม่ทำให้คุณแม่รู้สึกเจ็บขณะปั๊ม หากมีอาการเจ็บแสดงว่าขนาดของกรวยเต้าที่ใช้ปั๊มนมนั้นผิดขนาด หรือตั้งอัตราการปั๊มนมสูงเกินไป ลองปรับการตั้งค่าให้ปั๊มแล้วรู้สึกสบายที่สุดและได้น้ำนมมากที่สุด หากลองปรับเปลี่ยนตามนี้แล้วยังรู้สึกเจ็บขณะปั๊มนม ควรไปพบผู้เชี่ยวชาญด้านนมแม่ เพื่อช่วยหาสาเหตุและแนวทางการแก้ไขที่ถูกต้องต่อไป
ในช่วงแรก อย่าเพิ่งปั๊มนมนานหรือแรงเกินไป เพราะอาจทำให้หัวนมแตกได้ ควรเริ่มต้นปั๊มนมครั้งละประมาณ 3-5 นาทีก่อน หลังจากที่ร่างกายเริ่มแข็งแรงขึ้นและเริ่มปรับตัวได้ ค่อยเพิ่มเวลาในการปั๊มมาเป็นประมาณข้างละ 15 นาที และหากคุณแม่ใช้เครื่องปั๊มนมแบบปั๊มคู่ก็สามารถปั๊มพร้อมกันสองข้างได้ นอกจากนี้ ช่วงที่น้ำนมยังมาไม่มาก อย่าเพิ่งปรับแรงดูดมากเกินไป ส่วนระยะเวลาปั๊มนมก็ค่อยๆเพิ่มให้นานขึ้นเป็น 20 นาที แต่ไม่ควรนานกว่า 30 นาที
ควรปั๊มนมได้ครั้งละเท่าไหร่?
ปริมาณนมที่ปั๊มได้นั้นไม่ใช่ข้อพิสูจน์ว่าแม่มีนมพอสำหรับลูกหรือไม่ เนื่องจากปริมาณน้ำนมที่ได้นั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น เพิ่งจะเริ่มปั๊มหรือปั๊มมานานแล้ว ระยะเวลาในการปั๊ม คุณภาพของเครื่องปั๊มที่ใช้ จำนวนครั้งในการปั๊มแต่ละวัน ฯลฯ ปัจจัยเหล่านี้มีผลต่อปริมาณน้ำนมที่ปั๊มได้ในแต่ละคน หากคิดว่าปริมาณน้ำนมยังไม่พอ จะต้องใช้เครื่องปั๊มนมให้ถูกวิธี
เก็บรักษานมแม่อย่างไร?
หลังจากปั๊มนมเรียบร้อยแล้ว คุณแม่ควรเก็บรักษานมในขวดแก้ว ขวดพลาสติก หรือถุงชนิดปลอดสารบีพีเอ BPA ที่ปิดสนิท โดยแบ่งเก็บในปริมาณ 60-120 มิลลิลิตรต่อ 1 บรรจุภัณฑ์ จากนั้นควรนำไปแช่เย็นทันที นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการบรรจุนมแม่ในบรรจุภัณฑ์อื่นที่ไม่ได้ออกแบบมาสำหรับแช่แข็งหรือใส่น้ำนมแม่ เพราะอาจทำให้คุณภาพของนมลดลงหรือเสียได้
หากทิ้งนมแม่ไว้ระยะหนึ่ง ไขมันที่อยู่ในนมจะแยกตัวจากน้ำนมและลอยขึ้นมาอยู่ด้านบน ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดปกติ เช่นเดียวกับสีของนมแม่ที่อาจแตกต่างจากสีนมปกติที่มีสีเหลืองนวล โดยเป็นผลจากการรับประทานอาหารหรือใช้ยารักษาโรคบางชนิด อย่างไรก็ตาม ควรสังเกตลักษณะของนมแม่ก่อนนำมาใช้เสมอ ไม่ควรให้เด็กดื่ม หากนมมีกลิ่นเหม็นหรือกลิ่นเปรี้ยวผิดปกติ โดยระยะเวลาการเก็บรักษานมแม่จะขึ้นอยู่กับลักษณะการเก็บรักษา ดังนี้
- ในห้องที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า 25 องศาเซลเซียส เก็บรักษาได้ไม่เกิน 6 ชั่วโมง
- ในกระเป๋าเก็บความเย็นที่มีถุงน้ำแข็ง เก็บรักษาได้ไม่เกิน 24 ชั่วโมง
- ในตู้เย็นช่องปกติ เก็บรักษาได้ประมาณ 3-8 วัน
- ในช่องแช่แข็ง เก็บรักษาได้ไม่เกิน 6 เดือน
การแช่แข็งอาจทำให้สารภูมิคุ้มกันหรือแอนติบอดีที่อยู่ในนมถูกทำลายได้ หากไม่จำเป็นจึงไม่ควรแช่น้ำนมในช่องแช่แข็ง อย่างไรก็ตาม คุณแม่ให้ลูกดื่มนมแม่ที่แช่แข็งได้ตามปกติ เพราะยังคงมีประโยชน์และคุณค่าทางอาหาร ทั้งยังช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันในการป้องกันโรคที่อาจเกิดกับเด็กได้ เพียงแต่วิธีการนำน้ำนมแช่แข็งมาใช้นั้นควรแกว่งถุงที่ใส่นมเบา ๆ ในน้ำอุ่น หลีกเลี่ยงการใช้น้ำร้อนจัด เพราะอาจทำให้สูญเสียคุณค่าทางอาหาร และไม่ควรอุ่นนมแม่ด้วยเตาไมโครเวฟ เพราะนมจะร้อนเกินไปจนเด็กดื่มไม่ได้ รวมทั้งอาจทำลายสารอาหารที่มีประโยชน์ในน้ำนมอีกด้วย ทั้งนี้ นมแม่ที่นำมาอุ่นแล้วจะอยู่ในอุณหภูมิห้องได้ไม่เกิน 1 ชั่วโมง และนำกลับไปแช่ตู้เย็นได้อีกไม่เกิน 24 ชั่วโมง แต่ไม่สามารถนำกลับไปแช่แข็งได้อีก เพราะจะทำให้นมเสื่อมคุณภาพ
บรรดาคุณแม่ที่ยังมีความกังวลกับเรื่องการปั๊มนมคงจะหายข้องใจกันไปไม่มากก็น้อยนะคะ เรื่องของการให้นมลูกเองยังมีอะไรอีกมากที่คุณแม่ต้องค่อยๆเรียนรู้ไป ติดตามสาระดี ๆ จาก Motherhood ได้เสมอค่ะ
อ่านบทความสำหรับแม่และเด็กอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ >> story.motherhood.co.th
มองหาสินค้าสำหรับแม่และเด็กในราคาสุดพิเศษได้เลยที่ >> Motherhood.co.th