Site icon Motherhood.co.th Blog

6 ข้อ เพื่อการ “สอนลูกวัย Tween”

วิธีสอนลูกวัย tween

นี่คือ 6 ข้อที่ต้องเรียนรู้เพื่อรับมือกับลูกก่อนวัยรุ่น

6 ข้อ เพื่อการ “สอนลูกวัย Tween”

สำหรับพ่อแม่หลายคน การ “สอนลูกวัย Tween” อาจจะยังเป็นสิ่งที่คุณจับต้นชนปลายไม่ถูก การมองเห็นลูกน้อยแสนน่ารักที่ค่อย ๆ เปลี่ยนไปเป็นเด็กก่อนวัยรุ่น ที่อาจเริ่มทำท่าชักสีหน้า กลอกตา ก็ทำให้คุณเสียวสันหลังกันเสียแล้ว แต่ช่วงเวลาก่อนวัยรุ่นของเด็ก ๆ นั้นไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เป็นหรอกค่ะ มีหลายสิ่งที่คุณทำได้ในตอนนี้เพื่อทำให้พวกเขาเป็นเด็กโตได้ง่ายและดีขึ้น

ทำไมการเปลี่ยนผ่านเป็นวัยรุ่นจึงทำให้พวกเราตื่นตระหนก ? เทวดาตัวน้อยที่น่ารักของเรากำลังจะกลายเป็นเด็กแสนร้ายกาจเมื่ออายุย่างเข้าเลขสองหลักหรือเปล่า ? ความคิดเหล่านี้ล้วนสร้างความเสียหายให้กับทุกคน ถ้าเด็ก ๆ ได้ยินมาตลอดว่าพวกเขาจะกลายร่างเป็นคนแสนร้ายกาจเมื่อเข้าสู่วัยรุ่น พวกเขาจะคิดว่าพวกเขาต้องประพฤติตัวไม่เหมาะสมเพื่อให้เป็นเรื่องปกติ เราจึงต้องเปลี่ยนมุมมองและคิดถึงวัยรุ่นในทางบวกและทางที่เป็นประโยชน์ต่อพวกเขามากขึ้น

วัย Tween คืออะไร ?

Tween คือชื่อเรียกของวัยที่อยู่ระหว่างเด็กและวัยรุ่น มีอายุระหว่าง  8-14 ปี ซึ่งการเข้าวัยทวีนอาจทำให้ตัวเด็กเองรู้สึกว่าเขาโตเกินไปที่จะเป็นเด็กเล็ก แต่ก็ยังเด็กเกินไปที่จะเป็นวัยรุ่น หรือเราจะให้คำจัดความว่าเป็นช่วงระยะวัยรุ่นตอนต้นก็ได้ เด็กในวัยนี้เริ่มชอบความแตกต่างและมีความเป็นตัวของตัวเอง

โชคดีที่ความสัมพันธ์ที่คุณมีเมื่อลูก ๆ ยังเล็กนั้นช่วยหล่อหลอมพฤติกรรมของพวกเขาในภายหลัง คุณสามารถคิดถึงการเลี้ยงดูลูกน้อยของคุณให้เหมือนที่คุณเฝ้าระวังเรื่องการลงทุนพอร์ทหุ้นของคุณก็ได้ เมื่อคุณใช้เวลาร่วมกับลูกวัย 2 ขวบ คุณกำลังสร้างและปลูกฝังสมบัติที่ดีในการพัฒนาตนเอง ที่จะให้ผลตอบแทน ที่ดีที่สุดภายใน 10 ปี เมื่อลูกของคุณอายุ 12 ปี หรือในระยะยาวเมื่อเขาอายุ 22 ปี สนุกกับลูกตัวน้อยของคุณตอนนี้ และใช้กลยุทธ์เหล่านี้เพื่อช่วยรับประกันถึงผลลัพธ์ที่ดีในอนาคต

ไม่ต้องกังวลไปล่วงหน้าว่าลูกจะฟังเพื่อนมากกว่าคุณ

1. สร้างลำดับชั้นของกฎ

เด็กเล็กมักคิดว่าถ้าแม่หรือพ่อพูดอะไร คุณก็ควรทำมันด้วย (แม้ว่าคุณจะไม่ต้องการก็ตาม) แต่วัยรุ่นกำลังสร้างความเป็นอิสระจากคุณ และงานของพวกเขาคือการตั้งคำถามและมักปฏิเสธพ่อแม่ ไม่มีอะไรผิดปกติ แต่ยังมีบางสิ่งที่คุณต้องทำ (หรือต้องไม่ทำ) และมันจะช่วยให้ลูกก่อนวัยรุ่นของคุณอยู่กับร่องกับรอย หากคุณกำหนดไว้แล้วว่ากฎบางอย่างนั้นไม่ใช่สิ่งที่ต่อรองได้

เมื่อลูก ๆ ของคุณยังเด็ก อธิบายว่าเรื่องของสุขภาพและความปลอดภัยเป็นเรื่องที่ไม่อาจต่อรองได้ เด็กวัยเตาะแตะของคุณต้องนั่งในคาร์ซีท ล้างมือ และรับการฉีดวัคซีน แต่กับเรื่องอื่น ๆ ควรเปิดให้มีการถกเถียงกันได้ หากลูกของคุณต้องการใส่กางเกงขาสั้นในงานเลี้ยงวันครบรอบของของพวกคุณ ก็ให้คุยกัน แทนที่จะออกคำบัญชา คุณควรอธิบายถึงจุดยืนของคุณ (“การสวมเสื้อผ้าที่สวยงามจะทำให้คุณปู่มีความสุข”) และให้พวกเขาอธิบายถึงจุดยืนของตนเอง (“หนูชอบกางเกงขาสั้นของหนู”) สิ่งนี้แสดงให้เด็กเห็นว่าความคิดเห็นของพวกเขามีความสำคัญ

เมื่อพวกเขาโตเป็นวัยรุ่นระบบนี้จะมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น เป็นการดีที่พวกเขาได้รู้ว่าในเรื่องอื่น ๆ คุณจะเปิดใจให้พูดคุยกันทั้งสองฝ่าย ลูกของคุณอยากมีผมสีชมพู คุณไม่รู้สึกตื่นเต้นกับความคิดนี้หรือ ? คุณจะสามารถพูดถึงข้อกังวลของคุณได้อย่างสบายใจ พวกเขาเองก็จะได้เรียนรู้ว่าในการสนทนากับคุณ เสียงของพวกเขามีค่า และนั่นคือสิ่งที่วัยรุ่นทุกคนต้องการ

2. เชื่อว่าพวกเขาฟังคุณ

ความคิดเรื่องแรงกดดันจากเพื่อนเป็นที่แพร่หลายมากจนเป็นเรื่องง่ายที่จะทึกทักเอาว่าลูก ๆ ของเราจะเชื่อฟังและทำตามเพื่อนอย่างไม่สนใจอะไร ในวินาทีแรกที่เขาเริ่มเข้าวัยรุ่น เรากลัวว่าคำแนะนำที่ชาญฉลาดของเราจะต้องพ่ายแพ้แก่คำพูดล่อใจจากเหล่าเพื่อน แต่มันไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย สิ่งที่วัยรุ่นต้องการมากกว่าสิ่งใดก็คือ ผู้ใหญ่อย่างน้อยหนึ่งคนที่เชื่อมั่นในตัวพวกเขาโดยไม่มีเงื่อนไข แต่ยึดมั่นในตัวเขาด้วยมาตรฐานที่สูง พวกเขาฟังเรา และสนใจในสิ่งที่เราคิดและพูด

คุณสามารถเริ่มเป็นผู้ใหญ่แบบที่วัยรุ่นต้องการได้ในตอนนี้ ความรักที่ไม่มีเงื่อนไขที่คุณรู้สึกต่อลูกน้อยนั้นไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง เมื่อพวกเขาทำอะไรผิดพลาดเมื่ออายุมากขึ้น ให้บอกพวกเขาว่าคุณอยู่ที่นั่นเพื่อช่วยให้พวกเขาทำมันได้ดีขึ้น ในความเป็นจริงแล้ว เด็กเก็บเอาสิ่งที่เราบอกพวกเขาไปคิด อย่าดูถูกบทบาทอันยิ่งใหญ่ที่คุณมีต่อจิตใจของพวกเขา และการที่คุณจะใช้มันให้เกิดประโยชน์ต่อพวกเขาได้

เด็กเล็กมักจะรู้สึกยินดีเมื่อได้เริ่มรู้จักเพื่อนและค้นพบโลกนอกเหนือจากพ่อแม่ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณถูกแทนที่ เมื่อเด็ก ๆ เข้าสู่ช่วงวัยรุ่น พวกเขาจะเริ่มประเมินว่าความคิดเห็นของใครมีความหมายกับพวกเขามากที่สุด โดยจัดลำดับความสำคัญในแบบเดียวกับที่ผู้ใหญ่ทำ sากคุณแสดงให้ลูกเห็นว่าคุณเชื่อในตัวพวกเขา และคาดหวังให้พวกเขาก้าวขึ้นสู่ความท้าทาย เชื่อขนมกินได้เลยว่าเสียงของคุณจะอยู่ในลิสต์ “แหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้” ของพวกเขา

คุณสามรถบ่มเพาะให้เขาห่างไกลความวิตกกังวลได้ตั้งแต่ยังเล็ก

3. ช่วยพวกเขารับมือกับความวิตกกังวล

วิธีที่เราโต้ตอบกับเด็กวัยหัดเดินตอนนี้สามารถมอบเครื่องมือในการต่อสู้กับความเครียดในอนาคตได้ ในการแสดงหุ่นกระบอกหรือแมงมุมควบคุมโดยรีโมท เด็กวัย 2 ขวบที่หวาดกลัวระหว่างการแสดงหุ่น กลายเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดความวิตกกังวลในช่วงวัยรุ่นมากที่สุด หากลูกของคุณมีแนวโน้มที่จะเป็นเด็กในกลุ่มร้องไห้ระหว่างการแสดงหุ่นกระบอกแบบนั้นละก็ คุณอาจช่วยพาพวกเขาออกไปจากสถานการณ์ที่น่ากลัว แต่การปกป้องมากเกินไปสามารถสร้างวิถีแห่งความวิตกกังวลได้ไม่ใช่น้อยเลย เพราะลูกของคุณได้รับข้อความที่สื่อว่าพวกเขาไม่สามารถรับมือได้ด้วยตนเอง แต่ให้ช่วยสงบสติอารมณ์โดยการจับมือพวกเขาเบา ๆ แล้วนำพวกเขากลับไปหาต้นตอความเครียด โดยพูดว่า “ลูกทำได้”

ในทำนองเดียวกันถ้าลูกวัยป.3 ของคุณรู้สึกกังวลเกี่ยวกับการไปงานวันเกิด อย่าให้พวกเขากลับบ้าน กระตุ้นให้ลูกของคุณเข้าใกล้สถานการณ์ที่ท้าทายอย่างอ่อนโยน เพื่อให้พวกเขามีความมั่นใจ แทนที่จะปล่อยให้แหล่งที่มาของความวิตกกังวลกลายเป็นเรื่องใหญ่ในใจเขา การแทรกแซงในช่วงต้นเหล่านี้สามารถทำให้เด็ก ๆ มีความกล้าหาญมากขึ้นเมื่อพวกเขาเผชิญกับจุดพีคของความวิตกกังวลในวัยรุ่น จำไว้ว่าถ้าเด็ก ๆ ได้เรียนรู้วิธีจัดการกับความวิตกกังวลตั้งแต่ยังเล็กพวกเขาก็มีโอกาสที่ดีกว่าในการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่วัยรุ่น

4. ส่งเสริมให้มีมุมมองเชิงบวก

วัยรุ่นอาจจะดราม่ามากไปในบางที กับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อาจจะดูเหมือนเป็นวันสิ้นโลก แต่เด็กที่ได้รับการฝึกฝนมามากจะรับมือกับสถานการณ์ได้ดีกว่า ก็แค่ยักไหล่แล้วเดินต่อไป

เด็กวัยเตาะแตะตอบสนองได้ดี หากคุณตั้งใจฟังเมื่อพวกเขาบ่น รับทราบปัญหาของพวกเขา แล้วช่วยพวกเขาหาทางแก้ไข ลูกวัย 5 ขวบของคุณต้องการวาดมหาสมุทร และคุณมีเพียงเสีส้มหรือเปล่า ? คุณสามารถเห็นอกเห็นใจกับความไม่พอใจของพวกเขา แต่แล้วชี้ข่าวดีให้เห็นว่าพวกเขาสามารถวาดปลาที่ว่ายน้ำในมหาสมุทรได้ด้วยสีส้มนั่น หากเด็กเริ่มมีนิสัยที่จะมองเห็นหลาย ๆ ด้านของปัญหา พวกเขามีโอกาสที่ดีกว่าในการจัดการกับความชอกช้ำในช่วงวัยรุ่นด้วยการมองผ่านมุมมองเล็ก ๆ น้อย ๆ

เด็กวัยเตาะแตะชอบทำสิ่งต่างๆเพื่อผู้อื่น ดังนั้นการทำให้ความเห็นแก่ประโยชน์ของผู้อื่นเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตครอบครัวของคุณในตอนนี้ หมายความว่าเมื่อเป็นวัยรุ่นพวกเขาจะมีแนวโน้มที่จะก้าวออกมาจากมุมมองของตัวเอง มองโลกด้วยสายตาที่กว้างไกลขึ้น และมีจุดประสงค์ว่าพวกเขาจะปรับตัวให้เข้ากับโลกได้อย่างไร

5. จงอดทน

เด็กวัยเตาะแตะสร้างการเชื่อมต่อใหม่ ๆ ของระบบประสาทในอัตราที่น่าทึ่ง แต่เวลาที่สัญญาณส่งผ่านไปยังเซลล์ประสาทตัวใดตัวหนึ่งของเด็กนั้นช้ากว่าในผู้ใหญ่มาก หากคุณต้องการให้ลูก ๆ ของคุณมีความรู้สึกเป็นอิสระ สิ่งที่จะมีความสำคัญในช่วงวัยรุ่นก็คือ คุณต้องปล่อยให้พวกเขาก้าวไปตามจังหวะของตัวเอง แม้ว่ามันจะดูเชื่องช้าสำหรับคุณก็ตาม ตระหนักให้ดีว่าเด็กวัยเตาะแตะต้องใช้เวลานานในการประมวลผลข้อมูล และพยายามอย่าเร่งพวกเขาตลอดเวลา ใช่ คุณรีบที่จะเข้าไปในรถ แต่สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเด็กวัยหัดเดินของคุณคือการที่จะต้องสวมรองเท้า ปล่อยให้เขาทำมันแม้ว่าจะใช้เวลาเพิ่มขึ้นสามเท่าก็ตาม

เยื่อหุ้มสมองส่วนหน้าซึ่งควบคุมความหุนหันพลันแล่นยังไม่พัฒนาเต็มที่ในช่วงวัยรุ่น คุณยังคงต้องการให้วัยรุ่นสามารถหยุดได้เมื่อเกิดแรงกระตุ้น เด็กอายุ 16 ปีอาจรู้สึกตื่นเต้นที่ได้กระโดดขึ้นรถของเพื่อนหลังจากงานปาร์ตี้ แต่จะดีกว่ามากหากพวกเขาสามารถใช้เวลาสักครู่เพื่อสำเหนียกได้ว่าคนขับดื่มเหล้าหรือชอบขับรถเร็ว เด็ก ๆ สามารถเรียนรู้ในวัยเตาะแตะเพื่อหยุดคิดสักนิดก่อนที่จะลงมือทำ เมื่อลูก 3 ขวบรีบไปลูบสุนัขในสวนสาธารณะ เตือนพวกเขาว่าควรถามเจ้าของก่อนว่าสุนัขเป็นมิตรหรือไม่ ในไม่ช้าเด็ก ๆ ก็จะตระหนักดีว่าการใช้เวลาในการรับข้อมูลและพิจารณาผลที่ตามมา ทำให้พวกเขาสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ดีขึ้น และในที่สุดก็มีอิสระมากขึ้น

การสื่อสารภายในครอบครัวสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด

6. บอกเล่าเรื่องราว

รูปแบบการสื่อสารภายในครอบครัวควรเริ่มต้นโดยเร็ว หากคุณต้องการให้ลูกพูดคุยกับคุณเมื่อพวกเขายังเป็นวัยรุ่น ให้แน่ใจว่าคุณใช้เวลาพูดคุยกับพวกเขาในฐานะเด็กวัยเตาะแตะให้มาก ลูก ๆ ของคุณฟังและรับในสิ่งที่คุณพูดแม้ว่าคุณจะคิดว่าพวกเขาไม่ได้ทำเช่นนั้นก็ตาม ไม่ว่าคุณจะมีลูกวัยเตาะแตะหรือวัยรุ่น คุณคงไม่ได้รับคำตอบที่ตรงไปตรงมาสำหรับคำถาม “วันนี้เป็นอย่างไรบ้าง ?” แต่เมื่อคุณพบวิธีใหม่ ๆ ในการสานเรื่องราวและแบ่งปันความคิด คุณจะสามารถเชื่อมต่อกับลูกของคุณได้เสมอไม่ว่าเขาจะอยู่ในช่วงวัยใด

เชื่อว่าพ่อแม่หลายคุณอาจจะเคยรู้สึกหนักใจอยู่บ้างในการรับมือกับลูกน้อยที่กำลังจะย่างเข้าวัยรุ่นนะคะ แต่การ “สอนลูกวัย Tween” โดยเริ่มปูพื้นฐานตั้งแต่เขายังเด็กนั้นเป็นอีกหนึ่งในวิธีการที่ดีสุดเลยค่ะ ที่จะวางรากฐานให้เขาโตขึ้นมาเป็นวัยรุ่นที่มีความมั่นใจและมีทัศนคติที่ดี

 

อ่านบทความสำหรับแม่และเด็กอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ >> story.motherhood.co.th

มองหาสินค้าสำหรับแม่และเด็กในราคาสุดพิเศษได้เลยที่ >> Motherhood.co.th