Site icon Motherhood.co.th Blog

สอนลูกให้มี Empathy ตั้งแต่วัยเด็ก

สอนลูกให้มี empathy อย่างไร

พ่อแม่สามารถสอนให้ลูกมีความเห็นอกเห็นใจได้ตั้งแต่เขายังเล็ก

สอนลูกให้มี Empathy ตั้งแต่วัยเด็ก

ในยุคสมัยนี้เราจะสอนลูกให้พัฒนาแค่เพียงความฉลาดเห็นทีจะไม่พอแล้วนะคะ เรายังต้อง “สอนลูกให้มี Empathy” ด้วย ซึ่งการปลูกฝังให้เด็กเกิดความเข้าอกเข้าใจหรือเห็นใจในตัวผู้อื่นนั้น คุณพ่อคุณแม่สามารถทำได้ตั้งแต่เขายังเล็กเลยค่ะ เรามาฟังคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญกันดีกว่าว่าคุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยเขาในเรื่องนี้ได้อย่างไรบ้าง

สิ่งที่คาดหวังได้จากเด็กวัยนี้

เด็ก ๆ จะยังไม่มีทักษะทางความคิดที่จะเข้าใจแนวคิดของการเห็นอกเห็นใจผู้อื่นอย่างแท้จริงจนกว่าพวกเขาจะอายุ 8 หรือ 9 ขวบ แต่เด็กอายุประมาณ 5 ขวบมักจะหมกมุ่นอยู่กับความเป็นธรรมสูง พวกเขามักมีความกังวลเกี่ยวกับการได้รับการปฏิบัติที่ดี และพวกเขาต้องการให้คนอื่น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน คนแปลกหน้า แม้กระทั่งตัวละครในหนังสือ ก็ได้รับการปฏิบัติอย่างดีเช่นกัน

สิ่งที่คุณสามารถทำได้

ติดป้ายกำกับความรู้สึก ลูกวัยอนุบาลของคุณจะสามารถเข้าใจและจัดการกับอารมณ์ของเขาได้ดีขึ้นมาก หากเขาสามารถรับรู้ความรู้สึกของตัวเองได้ ดังนั้น จงตั้งชื่อให้กับพฤติกรรมของเขาให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เช่นพูดว่า “เป็นเรื่องดีมากที่ลูกได้คุยกับเด็กผู้ชายคนนั้นที่อยู่คนเดียวบนชิงช้า เขาอาจจะรู้สึกเหงา” เมื่อลูกได้รู้ว่าคุณสังเกตเห็นพฤติกรรมของเขา เขาจะเรียนรู้ว่าคุณรับรู้และให้ความสำคัญกับการตอบสนองที่เขามี เขาควรต้องเข้าใจอารมณ์เชิงลบด้วย ดังนั้น อย่ากลัวที่จะชี้ให้เห็นอย่างใจเย็น เมื่อลูกน้อยวัย 5 ขวบของคุณมีความห่วงใยน้อยลง ลองพูดว่า “น้องของหนูเสียใจมาก ตอนที่หนูดึงของเล่นของเขาไป หนูจะทำอย่างไรเพื่อช่วยให้น้องรู้สึกดีขึ้นคะ”

สอนเขาให้รู้จักอารมณ์ของตัวเองและผู้อื่น

อีกวิธีหนึ่งในการสอนลูกวัยอนุบาลของคุณให้เข้าใจและกำหนดอารมณ์ของเขาคือการมี ‘ความรู้สึกประจำสัปดาห์’ ในแต่ละสัปดาห์ ให้นำภาพของคนที่มีอารมณ์พื้นฐาน เช่น ความเศร้า ความสุข ความประหลาดใจ ความโกรธ ไปติดที่ตู้เย็นหรือบอร์ด จัดการกับอารมณ์ที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น ความหงุดหงิด ความกังวลใจ และความหึงหวง พร้อมกับแนบภาพในนิตยสารหรือภาพประกอบที่บรรยายความรู้สึกเหล่านี้ได้ และพูดคุยกับลูกของคุณเกี่ยวกับช่วงเวลาที่เขารู้สึกแบบเดียวกัน

ชมเชยพฤติกรรมที่เห็นอกเห็นใจ เมื่อลูกวัยอนุบาลของคุณแสดงความเมตตากรุณา บอกเขาว่าสิ่งที่เขาทำนั้นถูกต้อง และบอกอย่างเจาะจงให้มากที่สุด “หนูมีน้ำใจมากที่จะแบ่งปันสติกเกอร์ลายพิเศษของหนูกับเพื่อน พ่อเห็นเขายิ้มและพ่อรู้ว่าเขามีความสุข”

กระตุ้นให้ลูกของคุณพูดถึงความรู้สึกของเขาและของคุณ บอกให้ลูกรู้ว่าคุณสนใจความรู้สึกของเขาด้วยการฟังอย่างตั้งใจ หากเขามีเรื่องราวเกี่ยวกับคนอื่น (“น้องทอมมีเรื่อง เพราะเขาผลักน้องแป้ง และหนูคิดว่ามันไม่แฟร์เลย”) ให้ฟังมุมมองของลูกก่อนที่จะเสนอความคิดเห็นของคุณเอง และเมื่อลูกบอกว่าเขาโมโห ให้ถอดความในสิ่งที่เขาพูด “อ๋อ วันนี้ลูกรู้สึกไม่พอใจเหรอ ?” เพื่อให้เขารู้ว่าคุณกำลังฟังและรู้สึกว่าคุณสนับสนุนให้เขาอธิบายมันออกมาอย่างละเอียด

ในทำนองเดียวกัน ให้แบ่งปันความรู้สึกของคุณกับลูก “มันทำให้แม่รู้สึกแย่ เวลาที่หนูตะโกนใส่ หนูลองคิดวิธีอื่นที่หนูจะบอกแม่ว่าหนูกำลังโกรธ” นอกจากนี้ ยังเป็นช่วงเวลาที่ดีที่จะแบ่งปันความรู้สึกของคุณที่ไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำของลูก คุณสามารถพูดว่า “แม่หงุดหงิดที่วันนี้ทำงานไม่ทันตามกำหนดเวลา” หรือ “วันนี้แม่รำคาญป้าเจนเหมือนที่หนูโกรธกับพี่ของหนู แต่เราก็ยังเป็นเพื่อนกัน” ลูกวัย 5 ขวบของคุณจะเรียนรู้ว่าผู้ใหญ่ก็มีความรู้สึกและอารมณ์เช่นกัน ซึ่งเป็นเรื่องปกติของชีวิต และการเรียนรู้ที่จะรับมือกับพวกมันก็เป็นส่วนสำคัญในการเติบโต

สังเกตอารมณ์ของผู้อื่นและมีความเข้าอกเข้าใจ

ชี้ให้เห็นพฤติกรรมของคนอื่น สอนลูกวัยอนุบาลของคุณให้สังเกตเมื่อมีคนอื่นแสดงความเมตตากรุณา คุณอาจพูดว่า “จำได้ไหมว่าครูคนใหม่ของหนูเป็นมิตรแค่ไหนในวันแรกที่หนูเข้าเรียน เธอช่วยให้หนูรู้สึกกลัวน้อยลง” การทำเช่นนี้จะเป็นการตอกย้ำให้เด็กเข้าใจว่าการกระทำของผู้คนสามารถส่งผลต่ออารมณ์ของเขาได้อย่างไร หนังสือยังให้โอกาสที่ยอดเยี่ยมในการสำรวจอารมณ์ ถามลูกวัย 5 ขวบของคุณว่า เขาคิดว่าเด็ก ๆ ในเทพนิยายรู้สึกอย่างไร และเขาคิดว่าเขาจะกลัวหรือกล้าในสถานการณ์เดียวกันหรือไม่ บอกเขาว่าคุณก็อาจรู้สึกเช่นกัน

สอนอวัจนภาษา ที่สนามเด็กเล่นหรือสวนสาธารณะ ให้หาสถานที่เงียบ ๆ ที่คุณและลูกวัย 5 ขวบสามารถนั่งและสังเกตผู้อื่นได้โดยไม่ดูเสียมารยาท เล่นเกมทายว่าคนอื่นกำลังรู้สึกอะไรและอธิบายเหตุผลด้วยการคาดเดาของคุณเอง “เห็นผู้ชายคนนั้นไหม เขาเดินเร็วมาก ไหล่ก็ค่อม และเขาก็ทำหน้าเฉยเมย แม่คิดว่าเขาโกรธอะไรบางอย่างแน่เลย”

สอนกฎพื้นฐานของความสุภาพ มารยาทที่ดีเป็นวิธีที่ดีสำหรับเด็กอนุบาลในการแสดงความเอาใจใส่และเคารพผู้อื่น “กรุณา” และ “ขอบคุณ” เป็นวลีที่เด็ก 5 ขวบควรใช้โดยอัตโนมัติ อธิบายว่าคุณมีแนวโน้มที่จะส่งแซนวิชให้เขามากกว่า เมื่อเขาขอแซนวิชอย่างสุภาพ และคุณไม่ชอบเมื่อเขาสั่งคุณ แม้ว่าบางครั้งวลีเหล่านี้จะฟังดูน่าเบื่อ แต่ก็สอนเด็ก ๆ ว่าการปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความเคารพนั้นสำคัญเพียงใด แน่นอนว่าการสุภาพกับลูกนั้นคุ้มค่ากับกฎและคำอธิบายมากมาย  พูดว่า “ได้โปรด” และ “ขอบคุณ” กับลูกของคุณและคนอื่น ๆ เป็นประจำ เขาจะได้เรียนรู้ว่าวลีเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของการสื่อสารตามปกติทั้งในบ้านและในที่สาธารณะ

สอนให้เขาแสดงออกต่อผู้อื่นอย่างเหมาะสม

อย่าใช้ความโกรธควบคุมลูก แม้ว่าคุณจะอารมณ์เสียได้ง่ายเมื่อลูกแอบกินขนมที่คุณบอกว่าอย่ากินก่อนอาหารเย็น แต่พยายามอย่าใช้ความโกรธเป็นเครื่องมือในการจัดการพฤติกรรมของเขา เมื่อคุณพูดว่า “แม่โกรธหนูจริงๆ” เด็ก ๆ ก็จะหงอและถอนตัวออกไป การสอนตามคำแนะนำและตัวอย่างจะมีประสิทธิภาพมากกว่า แม้ว่าสิ่งสำคัญคือต้องบอกให้ลูกรู้ว่าคุณผิดหวัง แทนที่จะมัวโกรธ ให้ใช้เวลาสักครู่เพื่อสงบสติอารมณ์ จากนั้นพูดอย่างหนักแน่นว่า “แม่รู้ว่าหนูต้องการขนมนั้น แต่มันทำให้แม่รู้สึกแย่ที่หนูไม่สนใจสิ่งที่แม่กำลังบอกหนู”

แบ่งงานให้ลูก การวิจัยชี้ให้เห็นว่าเด็กที่เรียนรู้ความรับผิดชอบยังได้เรียนรู้การเห็นแก่ผู้อื่นและการเอาใจใส่ด้วย เด็กอายุ 5 ขวบสามารถรับงานง่าย ๆ เช่น ให้อาหารสุนัขหรือเคลียร์โต๊ะอาหารเย็น อย่าลืมชมเชยสำหรับงานที่เขาทำได้ดี และชี้ให้เห็นว่าการกระทำของลูกเป็นประโยชน์ต่อทุกคน “ขอบคุณที่จัดโต๊ะอาหาร เราทุกคนหิวมากและลูกช่วยให้เราได้กินอาหารเย็นเร็วขึ้นมาก”

ขอให้ลูกนึกถึงคนอื่น แต่ละวันเต็มไปด้วยโอกาสที่จะเตือนลูกวัย 5 ขวบของคุณให้คิดถึงคนอื่นว่าอาจรู้สึกอย่างไร มันง่ายมาก สมมติว่าคุณอยู่ในร้านขายของชำและลูกของคุณก็ขอขนม ให้พูดว่า “ได้เลย แล้วตอนนี้ลูกคิดว่าน้องอยากให้เราเอาขนมกลับบ้านด้วยไหม”

ให้ช่วยเก็บเสื้อผ้าของตัวเองที่ไม่ใช้แล้วไปบริจาค

ให้ลูกของคุณมีส่วนร่วมในกิจกรรมการกุศล การแสดงความเมตตาและการกุศลเป็นวิธีที่ดีเยี่ยมในการสอนลูก เมื่อคุณรับประทานอาหารกับเพื่อนบ้านที่ป่วยหรือเพื่อนที่เพิ่งมีลูกคนใหม่ ให้เขาช่วยวางแผนเมนู เขาสามารถแพ็คเสื้อผ้าเพื่อบริจาคให้กับองค์กรการกุศลในท้องถิ่น และเลือกของเล่นบางชิ้นที่เขาโตเกินกว่าจะเล่นมันเพื่อมอบให้ได้เช่นกัน ช่วยลูกเขียนจดหมายขอบคุณสำหรับของขวัญวันเกิดถึงคุณยาย อธิบายว่าบางครั้งผู้คนต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ

คาดหวังพฤติกรรมเดียวกันจากทั้งเด็กชายและเด็กหญิง สังคมของเรามักมองว่าผู้ชายมีความเห็นอกเห็นใจน้อยกว่าผู้หญิง ดังนั้น บางครั้งแม้เราจะไม่รู้ตัว แต่เราก็เรียกร้องและยกย่องพฤติกรรมที่เห็นอกเห็นใจในเด็กผู้ชายน้อยกว่าในเด็กผู้หญิง บางทีเราตั้งค่า ‘boy code‘ นี้ขึ้นมา ซึ่งมันจะดำเนินต่อไปตลอดชีวิตของพวกเขา ความคิดประเภทที่ว่า ‘ฉันต้องแข็งแกร่ง’ แต่ถ้าเราสอนพวกเขาอย่างระมัดระวัง เด็กผู้ชายก็สามารถเรียนรู้การเอาใจใส่เช่นเดียวกับเด็กผู้หญิง

 

อ่านบทความสำหรับแม่และเด็กอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ >> story.motherhood.co.th

มองหาสินค้าสำหรับแม่และเด็กในราคาสุดพิเศษได้เลยที่ >> Motherhood.co.th