โรคอ้วนในเด็ก น่ากลัวกว่าที่ผู้ใหญ่คิด
เด็กๆที่ตัวอ้วนจ้ำม่ำ ผู้ใหญ่หลายคนอาจจะมองว่าน่ารักน่าเอ็นดูดี แต่ลืมมองกันไปว่ามีภัยแฝงอยู่เบื้องหลังความตุ้ยนุ้ยน่ารักมากมาย “โรคอ้วนในเด็ก” จะนำพาให้ลูกหลานมีปัญหาสุขภาพอย่างอื่นอีกหลายชนิด ของกินแปลกๆใหม่ๆสมัยนี้ก็ช่างล่อตาล่อใจลูกน้อยเสียเหลือเกิน คุณพ่อคุณแม่ต้องรีบหาทางป้องกันไม่ให้ลูกกินมากจนอ้วน จะทำได้อย่างไรบ้างนั้น ติดตามอ่านบทความตอนนี้ได้เลยค่ะ
สถานการณ์ของโรคอ้วนในเด็ก
ปัจจุบันเด็กทั่วโลกมีแนวโน้มเป็นโรคอ้วนเพิ่มมากขึ้น โดยผู้ป่วยโรคอ้วนมีจำนวนเพิ่มขึ้น 2-3 เท่าตัวนับจากทศวรรษ 1980 ความอ้วนก่อให้เกิดปัญหาทางด้านสุขภาพตามมามากมาย ตั้งแต่ปัญหาสุขภาพกายไปจนถึงสุขภาพจิต ที่ทำให้เด็กขาดความมั่นใจในตัวเองและกลายเป็นโรคซึมเศร้าได้ พ่อแม่ควรใส่ใจดูแลอาหารการกินของลูก รวมถึงส่งเสริมให้เขาใส่ใจสุขภาพและเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อป้องกันไม่ให้มีน้ำหนักเกินจนเกิดปัญหาด้านสุขภาพได้
สาเหตุของโรคอ้วนในเด็ก
โรคอ้วนในเด็กนั้นเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ แต่สาเหตุหลักเกิดจากปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม คือการกินมากกว่าที่ใช้พลังงานไปและวิถีชีวิตแบบนั่งๆนอนๆ (Sedentary Lifestyle) ไม่ว่าเป็นการเล่นวิดีโอเกม ดูทีวี เล่นคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน โดยขาดการออกกำลังกาย เมื่อพลังงานที่เข้ามากกว่าที่เราใช้ออก ทำให้เกิดไขมันสะสมในร่างกาย นอกจากนี้เด็กบางคนอาจมีปัญหาทางจิตใจ เช่น อาการซึมเศร้า ทำให้กินมากเกินไป
ส่วนสาเหตุของโรคอ้วนอื่นๆพบได้น้อยมาก เช่น เกิดจากความผิดปกติทางฮอร์โมน เป็นโรคทางสมองชนิดที่ทำให้กินแบบไม่รู้จักอิ่ม หรือเกิดจากความบกพร่องทางพันธุกรรมบางอย่าง มีความผิดปกติในยีน เช่น Prader Willi Syndrome และ Down’s Syndrome และโรคทางต่อมไร้ท่อ เช่น ขาดฮอร์โมนการเจริญเติบโต (Growth Hormone)
การวินิจฉัยโรค
การวินิจฉัยว่าเด็กเป็นโรคอ้วนหรือไม่นั้น ให้พิจารณาน้ำหนักเทียบกับส่วนสูง การวัดค่าความอ้วนทำได้ด้วยการคำนวณค่าดัชนีมวลกาย (Body Mass Index หรือ BMI) แล้วนำไปเปรียบเทียบกับกราฟ BMI แยกตามเพศและอายุของเด็กว่าอยู่ในเปอร์เซ็นไทล์ที่เท่าไหร่ ถ้าเกินเปอร์เซ็นไทล์ที่ 85-95 ของเกณฑ์ถือว่าอยู่ในระยะอวบ แต่ถ้าเกินเปอร์เซ็นไทล์ที่ 95 ของเกณฑ์ถือว่าอ้วน นอกจากนี้แพทย์ยังอาจทำการตรวจเลือดเพื่อดูเบาหวาน ระดับไขมันในเลือด ค่าตับ ค่าไต ฮอร์โมนคอร์ติซอล และระดับวิตามินดี รวมไปถึงตรวจว่ามีปัญหาไทรอยด์หรือไม่ ประกอบกับการสอบถามประวัติ เช่น ประวัติความเจ็บป่วยในครอบครัว สภาพจิตใจของเด็ก เป็นต้น
ปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นจากโรคอ้วน
- ไขมันในเลือดสูง ทำให้มีโอกาสเป็นโรคหัวใจเพิ่มขึ้นเมื่อเป็นผู้ใหญ่
- ความดันโลหิตสูง มีความเสี่ยงของหลอดเลือดอุดตันที่หัวใจหรือสมองเพิ่มขึ้น
- ภาวะต่อต้านอินซูลินนำไปสู่เบาหวานชนิดที่ 2 โดยในเด็กอ้วนอาจพบผื่น Acanthosis Nigricans เป็นสีน้ำตาลดำนูนหนาที่คอ รักแร้ หรือขาหนีบ ซึ่งพบร่วมกับโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้
- ภาวะทางเดินหายใจอุดกั้น ทำให้เด็กนอนกรน หรือหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea)
- ภาวะไขมันพอกตับ นำไปสู่ โรคตับอักเสบ ตับแข็ง และตับวายได้
- โรคนิ่วในถุงน้ำดี
- เมื่อข้อรับน้ำหนักมากนาน ๆ ทำให้มีขาโก่งในวัยเด็ก และหัวกระดูกสะโพกเลื่อนในวัยรุ่นได้
- ขาดวิตามินดี
- ในเด็กโตเพศหญิงจะเสี่ยงต่อภาวะ Polycystic Ovary Syndrome (PCOS) หรือภาวะที่รังไข่สร้างฮอร์โมนเพศชายออกมามากเกินไปทำให้ไข่ไม่ตก สังเกตได้จากเด็กประจำเดือนมาผิดปกติ ขนดกและสิวเยอะ
- อาจมีอาการซึมเศร้าตามมา เนื่องจากเด็กอาจถูกเพื่อนล้อจนทำให้ขาดความมั่นใจในตัวเอง
- 69% ของเด็กอายุ 6 – 9 ปี และถึง 83% ของวัยรุ่นอายุ 10 – 14 ปี ที่มีภาวะน้ำหนักเกินจะกลายเป็นโรคอ้วนในผู้ใหญ่
วิธีการรักษา
แพทย์จะวินิจฉัยสาเหตุของโรคอ้วนว่าเกิดจากสิ่งแวดล้อม เช่น การกินอาหารหรือเกิดจากการเป็นโรค และทำการรักษาไปตามสาเหตุ แพทย์จะตรวจดูว่าเด็กมีภาวะฮอร์โมนผิดปกติหรือไม่ เช่น ขาดไทรอยด์ฮอร์โมนหรือมีสเตียรอยด์ฮอร์โมนมากเกินไป ซึ่งอาจเกิดจากโรคบางอย่างที่ต้องใช้สเตียรอยด์ในการรักษา เช่น โรคภูมิแพ้ตัวเอง โรคมะเร็งบางอย่าง เป็นต้น ที่พบได้บ่อยคือร่างกายของเด็กมีการสร้างสเตียรอยด์ฮอร์โมนมากกว่าปกติ ซึ่งอาจเกิดจากต่อมหมวกไตสร้างสเตียรอยด์ฮอร์โมนขึ้นมามากเกินไปเอง หรือสมองเป็นตัวกระตุ้นให้ต่อมหมวกไตสร้างสเตียรอยด์ฮอร์โมนมากเกินกว่าปกติก็ได้ สังเกตได้ว่าหากสาเหตุเกิดจากฮอร์โมนทำงานผิดปกติ เด็กมักมีร่างกายอ้วนและมีภาวะเตี้ยร่วมด้วย
หากเด็กอ้วนเพราะกินมากเกินไป แพทย์จะแนะนำให้ควบคุมอาหารและออกกำลังกาย การรักษาจะมีประสิทธิผลมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับความใส่ใจของพ่อแม่ในการให้เด็กกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และกินในปริมาณที่เหมาะสม รวมถึงส่งเสริมให้เด็กออกกำลังกาย นอกจากนี้การนำเด็กมารักษาแต่เนิ่นๆตั้งแต่ยังเล็กจะได้ประสิทธิผลกว่ารักษาในช่วงวัยรุ่น เพราะเด็กเล็กจะยังอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของพ่อแม่อย่างใกล้ชิด
นอกจากนี้ยังมีแพทย์ยังอาจแนะนำให้ปรึกษากับนักโภชนาการเพื่อให้เด็กกินอาหารอย่างถูกต้อง หรือในบางครั้งอาจร่วมรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการสำหรับกรณีที่รุนแรง เช่น เด็กอ้วนมากหรือเด็กโต ที่ต้องมีการรักษาอื่นๆร่วมด้วย แต่ไม่ว่าโรคอ้วนจะมาจากสาเหตุใดก็ตาม สิ่งสำคัญเป็นลำดับแรกคือการควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย
พ่อแม่จะช่วยลูกในการลดน้ำหนักได้อย่างไร
- ควบคุมปริมาณอาหารของลูก ให้เขารับประทานผักผลไม้ที่มีกากใยเพิ่มขึ้น หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง ของทอด เนื้อติดมัน
- ออกกำลังกายเป็นประจำ อย่างน้อยวันละหนึ่งชั่วโมง
- เพิ่มการเคลื่อนไหวร่างกายในชีวิตประจำวัน เช่น เดินแทนนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เดินลงบันไดแทนขึ้นบันไดเลื่อนหรือลิฟท์ทำงานบ้านเองให้มากขึ้น
- มีบัดดี้ในครอบครัว เช่น พ่อหรือแม่ที่วางแผนการกินอาหารที่มีประโยชน์ และไปออกกำลังกายร่วมกัน
- ทุกคนในครอบครัวต้องร่วมมือกันช่วยเหลือ ไม่ให้ใครคนใดคนหนึ่งตามใจลูกในเรื่องกิน
- ไม่ซื้ออาหารที่ไขมันสูงและน้ำตาลสูงเข้าบ้าน พวกขนมหวาน ขนมขบเคี้ยวที่ไม่มีประโยชน์ เช่น มันฝรั่งทอด เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง น้ำอัดลม น้ำผลไม้
- ดูแลให้ลูกนอนให้เพียงพอ โดยฝึกให้นอนเป็นเวลา เพราะการนอนดึกเป็นสาเหตุหนึ่งของความอ้วน
- จำกัดเวลาที่ลูกใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น คอมพิวเตอร์ ทีวี ไอแพด โทรศัพท์มือถือ เพราะทำให้เด็กนั่งอยู่กับที่ไม่ได้เคลื่อนไหว โดยแพทย์แนะนำว่าเด็กเล็ก 2-5 ขวบไม่ควรอยู่กับหน้าจอเกินหนึ่งชั่วโมงต่อวัน
- ลดการใช้เวลาหน้าจอโทรทัศน์ด้วย มีผลวิจัยว่าเด็กที่ใช้เวลาหน้าจอโทรทัศน์มากกว่า 2 ชั่วโมงต่อวัน เป็นโรคอ้วนมากกว่ากลุ่มที่อยู่หน้าจอน้อยกว่า 2 ชั่วโมง ทั้งจากพฤติกรรมกินไปดูโทรทัศน์ไป และจากการซื้ออาหารและขนมตามโฆษณาเพิ่มขึ้น
- พ่อแม่ต้องคอยให้กำลังใจลูก เพราะการลดน้ำหนักต้องใช้พลังใจ ความมุ่งมั่นในการต่อสู้กับตัวเอง อย่างมาก และยังต้องปฏิเสธอาหารที่ก่อให้เกิดโรคอ้วนด้วย
คุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกอยู่ในภาวะน้ำหนักเกินต้องรีบฝึกวินัยในการกินอาหารให้เขาก่อนจะสายนะคะ ลดของหวาน น้ำอัดลม ยึดหลักว่าต้องใช้พลังงานให้มากกว่าที่นำเข้าไป ควรเลือกอาหารก่อนกิน เริ่มฝึกอ่านฉลากโภชนาการที่อาหารก่อนซื้อทุกครั้งก็ช่วยได้ในระดับหนึ่งค่ะ ปล่อยไว้จนเข้าวัยรุ่นจะยิ่งลดยากขึ้น และโรคแทรกซ้อนเยอะด้วยนะคะ
อ่านบทความสำหรับแม่และเด็กอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ >> story.motherhood.co.th
มองหาสินค้าสำหรับแม่และเด็กในราคาสุดพิเศษได้เลยที่ >> Motherhood.co.th