“โรคเริม” ส่งผลกระทบช่วงตั้งครรภ์อย่างไร ?
“โรคเริม” ที่อวัยวะเพศเป็นไวรัสที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หากคุณมีการติดเชื้อในเวลานั้น คุณสามารถแพร่เชื้อเริมไปยังลูกน้อยของคุณได้ในระหว่างคลอด ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาร้ายแรงหลายประการ อย่างไรก็ตาม ด้วยการระมัดระวังและได้รับการดูแลทางการแพทย์ที่ดี คุณสามารถลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อของทารกได้ คุณอาจต้องได้รับการผ่าตัดคลอดหากคุณมีการระบาดของโรคเริมเมื่อคุณกำลังจะคลอดลูกน้อย
โรคเริมที่อวัยวะเพศคืออะไร ?
โรคเริมที่อวัยวะเพศ คือ การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ที่อาจเกิดจากไวรัสเริมสองชนิด ได้แก่ ประเภท 1 (HSV-1) หรือประเภท 2 (HSV-2)
- HSV-2 มักทำให้เกิดโรคเริมที่อวัยวะเพศ ซึ่งอาจปรากฏเป็นแผลที่อวัยวะเพศของคุณ คุณสามารถติดโรคเริมที่อวัยวะเพศได้หากคุณมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่เป็นโรคอยู่ก่อน แม้ว่าจะไม่มีแผลที่มองเห็นได้ก็ตาม 12 เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่มีอายุระหว่าง 14-49 ปี เป็นโรคเริมที่อวัยวะเพศที่เกิดจากไวรัส HSV-2
- HSV-1 มักเกี่ยวข้องกับโรคเริมในช่องปาก ซึ่งอาจทำให้เกิดแผลหรือแผลพุพองรอบ ๆ หรือภายในปากของคุณ มันแพร่กระจายผ่านการสัมผัสโดยตรงกับแผล บ่อยครั้งผ่านทางการจูบ คุณยังสามารถติดเชื้อเริมที่อวัยวะเพศจาก HSV-1 ได้หากคู่ของคุณเป็นโรคเริมในช่องปากและทำออรัลเซ็กส์กับคุณ
อาการของการติดเชื้อเริมที่อวัยวะเพศคืออะไร ?
คนส่วนใหญ่ที่เป็นโรคเริมที่อวัยวะเพศจะไม่มีอาการใด ๆ หรือมีอาการเพียงเล็กน้อยเท่านั้นซึ่งมักไม่มีใครสังเกตเห็น เกือบ 90 เปอร์เซ็นต์ของคนที่เป็นโรคเริมมักจะไม่รู้ตัว
หากมีอาการเกิดขึ้นให้เห็น มันจะแตกต่างกันไป มักจะรุนแรงที่สุดเมื่อคุณติดเชื้อเริมที่อวัยวะเพศเป็นครั้งแรก เนื่องจากร่างกายของคุณจะยังไม่มีแอนติบอดีต่อไวรัส
ระหว่าง 2-10 วัน หลังจากได้รับเชื้อไวรัส คุณอาจมีตุ่มแดงที่ช่องคลอดหรือปากช่องคลอด ซึ่งจะกลายเป็นแผลพุพอง จนในที่สุดก็แตกและกลายเป็นแผลที่เจ็บปวด คุณอาจมีแผลเพียงไม่กี่กลุ่มหรือเกิดแผลเป็นกลุ่มใหญ่ และอาจอยู่ได้หลายสัปดาห์ในระหว่างการติดเชื้อครั้งแรก
อาการอื่น ๆ ที่เป็นไปได้ ได้แก่
- ความรู้สึกคัน แสบร้อน เจ็บปวด หรือรู้สึกเสียวซ่าในบริเวณอวัยวะเพศของคุณ
- ตกขาว
- เจ็บระบม เพราะต่อมน้ำเหลืองใกล้ขาหนีบบวม
- เจ็บปวดเมื่อปัสสาวะ
- อาการคล้ายไข้หวัด ได้แก่ มีไข้ ปวดศีรษะ และปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
หญิงตั้งครรภ์บางคนป่วยมากเมื่อเป็นโรคเริมเป็นครั้งแรก และต้องได้รับยาต้านไวรัสอะไซโคลเวียร์โดยการฉีดเข้าเส้นเลือด
โรคเริมสามารถส่งผลต่อการตั้งครรภ์และทารกแรกเกิดหรือไม่ ?
ใช่ การแพร่เชื้อไปยังลูกน้อยของคุณในระหว่างคลอดเป็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุดสำหรับโรคเริมที่อวัยวะเพศในระหว่างตั้งครรภ์ หากสิ่งนี้เกิดขึ้น ลูกน้อยของคุณอาจมีปัญหาสุขภาพที่รุนแรงมาก
คุณสามารถแพร่เชื้อเริมไปยังทารกในระหว่างคลอดได้ หากร่างกายของคุณหลั่งไวรัสที่ออกฤทธิ์อยู่ในขณะนั้น ความเสี่ยงจะมากที่สุดหากคุณเป็นโรคเริมที่อวัยวะเพศเป็นครั้งแรกในไตรมาสที่สาม นอกจากนี้คุณยังสามารถแพร่เชื้อไวรัสได้หากคุณเคยเป็นโรคเริมมาก่อนและมีการระบาดในช่วงที่เจ็บครรภ์
ในบางกรณีหากคุณได้รับการติดเชื้อเริมครั้งแรกในช่วงไตรมาสแรก ไวรัสอาจผ่านรกและทำให้เกิดการแท้งหรือเกิดข้อบกพร่องร้ายแรง โรคเริมสามารถติดต่อไปยังลูกน้อยของคุณหลังคลอดและภาวะแทรกซ้อนอาจรุนแรงได้
อย่างไรก็ตาม การระมัดระวังและได้รับการดูแลทางการแพทย์ที่เหมาะสมจะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อของทารกได้ ควรแจ้งให้แพทย์ของคุณทราบว่าคุณหรือคู่ของคุณเป็นโรคเริมหรือไม่
โรคเริมที่อวัยวะเพศส่งผลต่อลูกได้อย่างไร ?
โรคเริมในทารกแรกเกิดมักปรากฏขึ้นด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งจาก 3 วิธี
การติดเชื้อที่ผิวหนัง ตา และปาก (SEM): ทารกส่วนใหญ่ที่เกิดมาพร้อมกับโรคเริมจะได้รับเชื้อชนิดนี้ ทารกที่มีภาวะ SEM อาจมีแผลในระหว่างคลอดหรือพัฒนาขึ้นใน 6 สัปดาห์ต่อมา แต่โดยทั่วไปแล้วแผลจะเกิดขึ้นเมื่อลูกของคุณมีอายุระหว่าง 1-2 สัปดาห์
แผลเริมมักมีลักษณะเป็นแผลพุพองและสามารถปรากฏที่ใดก็ได้ในร่างกายของทารก พวกมันมักปรากฏในสถานที่ที่มีการบาดเจ็บหรือระคายเคืองผิวหนังเล็กน้อย เช่น ที่แขนใต้สายรัดข้อมือของโรงพยาบาล หรือในจุดที่มีแผ่นอิเล็กโทรดแปะอยู่
ลูกน้อยของคุณไม่น่าจะมีปัญหาพัฒนาการใด ๆ หากการติดเชื้อเริมจำกัดอยู่ที่ผิวหนัง ตา และปาก และเขาได้รับอะไซโคลเวียร์ทางหลอดเลือดดำทันที แต่ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที เขาอาจพัฒนาเป็นเริมในรูปแบบที่รุนแรงขึ้นได้
โรคระบบประสาทส่วนกลาง (CNS): เริมมีผลต่อระบบประสาทส่วนกลางประมาณหนึ่งในสามของทารกแรกเกิดที่เป็นโรค โดยปกติจะเกิดขึ้นในช่วงอายุประมาณ 2-3 สัปดาห์ แต่สามารถปรากฏขึ้นเมื่อใดก็ได้ในช่วง 6 สัปดาห์แรกหลังคลอด ทารกที่เป็นโรคระบบประสาทส่วนกลางอาจมีอาการ เช่น หงุดหงิด มีไข้ ซึม กินอาหารไม่ค่อยได้ หรือมีอาการชัก ส่วนใหญ่จะมีแผลเริมในบางจุด
โรคที่แพร่กระจาย: ประมาณหนึ่งในสี่ของทารกที่เกิดมาพร้อมกับโรคเริมจะมีอาการที่เรียกว่าโรคเริมที่แพร่กระจาย โรคที่ร้ายแรงนี้เกี่ยวข้องกับอวัยวะหลายส่วนซึ่งมักเป็นปอดและตับ โดยทั่วไปจะปรากฏขึ้นในช่วงสัปดาห์แรกหลังคลอ ดและอาจเป็นเรื่องยากที่จะวินิจฉัยเนื่องจากทารกอาจไม่มีแผลเริมปรากฎให้เห็นได้ทั่วไป
น่าเสียดายที่แม้ว่าจะได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที แต่เด็กทารกจำนวนหนึ่งที่มีโรคแพร่กระจายก็ไม่สามารถรอดชีวิตได้ และเด็กที่รอดมักจะจบลงด้วยปัญหาสุขภาพและพัฒนาการในระยะยาวที่ร้ายแรง
โทรหาแพทย์ของลูกน้อยทันที หากลูกของคุณมีไข้ ดูเหมือนเซื่องซึม หรือหงุดหงิดผิดปกติ กินนมไม่ได้ หรือดูเหมือนจะไม่ค่อยปกติสำหรับคุณ หรือติดต่อไปเมื่อเห็นว่าลูกของคุณมีแผลพุพอง หรือดวงตามีสีแดงหรือติดเชื้อ
จะต้องผ่าตัดคลอดหรือไม่ถ้าเป็นโรคเริม ?
มันก็แล้วแต่ คุณจะสามารถลองคลอดทางช่องคลอดได้ หากคุณติดเชื้อเริมที่อวัยวะเพศเป็นครั้งแรกก่อนไตรมาสที่สามหรือก่อนตั้งครรภ์ และคุณไม่มีอาการของการระบาดเมื่อน้ำเดินหรือเจ็บท้องคลอด ในเวลานี้แพทย์มักจะทำการทดสอบเพื่อค้นหาสัญญาณเฉพาะของการระบาดเพื่อให้แน่ใจ คุณอาจคลอดทางช่องคลอดได้ หากคุณมีแผลเริมที่อื่นที่ไม่ใช่บริเวณอวัยวะเพศของคุณ เช่น แผลในปาก
ในทางกลับกัน คุณมักจะต้องได้รับการผ่าตัดคลอดหากคุณมีการระบาดหรือแสดงสัญญาณว่ากำลังจะเกิดขึ้นเมื่อน้ำเดินหรือเจ็บครรภ์ สัญญาณของการระบาด ได้แก่ แผลที่มองเห็นได้ที่ปากมดลูก ช่องคลอด หรืออวัยวะเพศภายนอก รวมถึงอาการรู้สึกเสียวซ่า แสบร้อน หรือเจ็บปวด ปัจจุบันยังไม่มีวิธีทดสอบที่รวดเร็วและเชื่อถือได้ว่าคุณกำลังขับเชื้อไวรัสจริงหรือไม่
นอกจากนี้ หากคุณเป็นโรคเริมที่อวัยวะเพศเป็นครั้งแรกในช่วงตั้งครรภ์ และการตรวจเลือดยืนยันว่าคุณไม่เคยเป็นมาก่อน ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่แนะนำให้ทำการผ่าตัดคลอด แม้ว่าคุณจะไม่มีอาการเมื่อเข้าสู่ภาวะคลอด นั่นเป็นเพราะการระบาดครั้งแรกของโรคเริมมักจะกินเวลานานกว่าและรุนแรงกว่าการระบาดซ้ำ และมีแนวโน้มว่าคุณจะยังคงได้รับเชื้อไวรัสในระหว่างคลอด หากเป็นเช่นนั้น ความเสี่ยงของการแพร่เชื้อไปยังทารกของคุณนั้นสูงมาก มากถึง 50 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว
เพื่อเพิ่มโอกาสในการคลอดทางช่องคลอด ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่แนะนำให้หญิงตั้งครรภ์ที่มีอาการอวัยวะเพศเป็นประจำควรได้รับยาต้านไวรัสแบบกิน เริ่มตั้งแต่ในหรือหลังสัปดาห์ที่ 36 จนกว่าจะคลอด เพื่อลดความเสี่ยงของการระบาดในขณะคลอด
ลูกสามารถติดเชื้อเริมหลังคลอดได้หรือไม่ ?
ได้ ประมาณร้อยละ 10 ของผู้ป่วยโรคเริมแรกเกิดจะติดเชื้อหลังคลอด และอาจเป็นอันตรายได้เช่นเดียวกับโรคเริมที่ถ่ายทอดระหว่างคลอด แต่โดยปกติคุณสามารถป้องกันได้โดยใช้มาตรการป้องกันง่าย ๆ ดังนี้
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้คนล้างมือก่อนสัมผัสลูกน้อยของคุณเสมอ และอย่าให้ใครที่มีแผลบนปากหอมลูกหรือแม้แต่อุ้มลูกของคุณ โรคเริมทุกชนิดอาจเป็นอันตรายต่อทารกแรกเกิด
- หากคุณมีการระบาดที่ใดก็ได้ในร่างกายของคุณ ให้ปกปิดให้ดีเพื่อป้องกันการสัมผัสกับผิวหนังของทารก และทำความสะอาดบริเวณโดยรอบให้ทั่วถึง
- ล้างมือบ่อย ๆ เพราะเริมสามารถแพร่กระจายจากมือสู่ปากได้
- หากคุณเคยเป็นโรคเริมในช่องปาก อย่ากัดเล็บของทารกด้วยฟัน แม้ว่าคุณจะไม่มีอาการของแผลอย่างชัดเจนก็ตาม
- ใครก็ตามที่เป็นโรคเริมที่นิ้ว (Herpetic whitlow) ไม่ควรสัมผัสลูกน้อยของคุณ
สามารถให้นมลูกได้หรือไม่ถ้ามีการระบาดของโรคเริม ?
มันปลอดภัยที่จะให้นมลูกในระหว่างการระบาดของโรคเริม ตราบเท่าที่คุณไม่มีแผลที่หน้าอก หากคุณมีแผลที่เต้านมเพียงข้างเดียว คุณสามารถเลี้ยงลูกด้วยนมอีกข้างได้ เพียงแค่ล้างบริเวณนั้นให้สะอาดก่อนแล้วปิดแผลด้วยเทปปิดแผลทุกด้าน ปกปิดรอยโรคทั้งหมดที่คุณมีและล้างมือให้สะอาดเสมอ
จะได้รับการตรวจคัดกรองโรคเริมในระหว่างตั้งครรภ์หรือไม่ ?
เนื่องจากโรคเริมมักเป็นโรคที่เหมือนภัยเงียบ จึงมีการถกเถียงกันว่าหญิงตั้งครรภ์ทุกคนควรได้รับการทดสอบเหล่านี้หรือไม่ โดยไม่คำนึงถึงสถานการณ์เฉพาะของพวกเธอ
โรคเริมรักษาอย่างไร ?
ไม่มียารักษาโรคเริม เมื่อคุณติดเชื้อไวรัสไวรัสจะยังคงอยู่ในกลุ่มของเส้นประสาทใกล้กระดูกสันหลังของคุณ และสามารถกลับมาทำงานได้อีกเมื่อใดก็ได้ บางคนมีการแพร่ระบาดบ่อยครั้ง แต่บางคนพบได้ไม่บ่อย
คุณอาจไม่สังเกตเห็นอาการใด ๆ ในระหว่างการกลับเป็นซ้ำ ดังนั้น คุณอาจไม่รู้ว่าคุณกำลังมีอาการ อย่างไรก็ตาม ร่างกายของคุณยังคงกำจัดไวรัสอยู่ในเวลานี้ ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถส่งผ่านไวรัสไปยังลูกน้อยของคุณได้ในระหว่างเจ็บครรภ์และคลอด
ยาต้านไวรัสสามารถช่วยป้องกันหรือลดการระบาดได้ มักแนะนำให้ใช้ยาต้านไวรัสสำหรับสตรีที่มีอาการกำเริบในระหว่างตั้งครรภ์
ป้องกันโรคเริมได้อย่างไร ?
วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันโรคเริมคือการมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนระยะยาวที่ไม่มีการติดเชื้อ และมีเพศสัมพันธ์กับคุณเท่านั้น เพื่อลดความเสี่ยงในการเป็นโรคเริม และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ อย่ามีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนที่มีแผลหรืออาการอื่น ๆ ของโรคเริม และควรใช้ถุงยางอนามัยสำหรับการมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอดหรือทางทวารหนัก ตลอดจนแผ่นยางอนามัย (Dental dam) สำหรับการทำออรัลเซ็กส์
อ่านบทความสำหรับแม่และเด็กอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ >> story.motherhood.co.th
มองหาสินค้าสำหรับแม่และเด็กในราคาสุดพิเศษได้เลยที่ >> Motherhood.co.th