Site icon Motherhood.co.th Blog

ไรฝุ่น กำจัดทิ้งไป ให้ลูกห่างไกลภูมิแพ้

อันตรายของไรฝุ่น

ไรฝุ่นเป็นตัวการทำภูมิแพ้ ต้องกำจัดให้หมดไป

ไรฝุ่น กำจัดทิ้งไป ให้ลูกห่างไกลภูมิแพ้

สมัยนี้คนเราเป็นโรคภูมิแพ้กันมากขึ้นนะคะ ไม่เว้นแม้กระทั่งเด็กตัวเล็กตัวน้อย สาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งของภูมิแพ้ที่เรามักมองข้ามไปก็คือ “ไรฝุ่น” นั่นเอง เจ้าพวกนี้มันจะใช้ชีวิตหลบซ่อนอยู่ตามเครื่องนอนของเราค่ะ โดยที่เรามองมันด้วยตาเปล่าไม่เห็นหรอก คุณพ่อคุณแม่อาจจะสงสัยว่าพวกมันทำอะไรถึงก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ แล้วจะต้องทำอย่างไรถึงจะกำจัดมันให้หมดไป เพื่อให้ลูกรักห่างไกลจากภูมิแพ้ ติดตามเรื่องราวของไรฝุ่นได้ในบทความตอนนี้เลยค่ะ

Image: childhealth.com.au

ไรฝุ่น คืออะไร?

ไรฝุ่น (Dust Mites) คือหนึ่งในสาเหตุของโรคภูมิแพ้และตัวกระตุ้นให้เกิดอาการของโรคหืดตามมา มันเป็นแมลงในตระกูลเดียวกับเห็บและแมงมุม ซึ่งมีขนาดเล็กมากจนไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า อาศัยอยู่ตามบ้านเรือนโดยกินผิวหนังของมนุษย์ที่ถูกผลัดออกมาเป็นอาหาร ไรฝุ่นนี้สามารถอยู่รอดได้ในทุกสภาพอากาศ แต่จะเจริญเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมอุ่นชื้น หรือที่อุณหภูมิประมาณ 18.5-29 องศาเซลเซียส และมีความชื้นสัมพัทธ์มากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์

อาการบ่งชี้ว่าลูกแพ้ไรฝุ่น

อาการแพ้จากการสัมผัสไรฝุ่นมีตั้งแต่ระดับอ่อนไปจนถึงระดับรุนแรง หากเป็นการแพ้ที่เกิดจากการอักเสบของทางเดินจมูกจะแสดงอาการให้เห็นในลักษณะต่อไปนี้

อาการแพ้ไรฝุ่นยังอาจเป็นสาเหตุให้เกิดอาการของโรคหอบหืดตามมา ดังนี้

เด็กจะมีอาการทั้งจาม คันจมูก และไอ

สาเหตุของการแพ้ไรฝุ่น

ไรฝุ่นอาจเป็นสาเหตุให้เกิดอาการแพ้ตามมาเมื่อมีการสัมผัสหรือหายใจเอาของเสียที่ถูกขับออกมาจากตัวไรฝุ่นเข้าไป เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสารแปลกปลอมใดๆก็ตามที่ผ่านเข้าไปด้วยการผลิตสารภูมิต้านทาน (Antibody) โดยเฉพาะขึ้นมา และจดจำว่าสารดังกล่าวเป็นสารก่อภูมิแพ้ ต่อไปเมื่อร่างกายเผชิญกับสารก่อภูมิแพ้นั้นๆ ก็จะปล่อยสารฮีสทามีนที่ทำให้เกิดอาการภูมิแพ้ต่างๆตามมา

อาการแพ้ไรฝุ่นแตกต่างจากอาการแพ้ที่เกิดจากมลพิษตรงที่อาจเกิดอาการต่อเนื่องทั้งปีจนกลายเป็นโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ ทั้งนี้ก็เพราะของเสียที่ออกมาจากตัวไรฝุ่นที่แห้งแล้วอาจยังกระจายอยู่รอบๆตัวในอากาศตลอดเวลา เพียงมีการใช้เครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาดบ้าน เดินบนพรม ขยับตัวบนเตียงนอน สะบัดผ้าปูที่นอน หรือแม้แต่ขณะนั่งบนเก้าอี้ ทั้งหมดนี้ก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้ขึ้นมาได้อย่างฉับพลัน และหากหายใจเอาของเสียจากไรฝุ่นเข้าไปเป็นเวลานานก็อาจทำให้อาการภูมิแพ้ยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ เกิดการอักเสบเรื้อรังจนกลายเป็นโรคหืดได้

9 วิธีปราบไรฝุ่น

เป็นการยากที่จะกำจัดไรฝุ่นให้หมดไปจากบ้าน แม้ว่าจะทำความสะอาดบ้านบ่อยครั้งก็ตาม เพราะพวกมันต้องการแค่สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เช่น ที่นอน พรม ผ้าม่าน หรือเครื่องเรือนต่างๆ ที่มีความชื้นมากพอ ถึงอย่างนั้นการลดจำนวนไรฝุ่นในบ้านลงก็ช่วยลดอาการภูมิแพ้ให้น้อยลงได้ วิธีต่อไปนี้จะช่วยลดจำนวนของไรฝุ่นในบ้านลงได้อย่างมาก

การดูดฝุ่นแบบแห้งอาจยิ่งทำให้ฝุ่นฟุ้ง ควรถูพื้นด้วยน้ำเพิ่มเติม

1. เปลี่ยนผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน อย่างสม่ำเสมอ

ผ้าปูที่นอนถือว่าเป็นแหล่งสะสมของเจ้าไรฝุ่นอยู่มาก ยิ่งถ้าเราไม่ได้เปลี่ยนผ้าปูที่นอนเป็นเวลานานๆเจ้าไรฝุ่นจะอยู่กันแบบมีความสุขเลยทีเดียว เพราะการหมักหมมจากคราบเหงื่อไคล ความชื้นในอากาศ รวมไปถึงเศษผม และสิ่งสกปรกบนที่นอนเป็นตัวการสำคัญของการสะสมของฝุ่นซึ่งจะเป็นอาหารชั้นดีของพวกมัน ยิ่งไปกว่ากว่านั้นการที่เรานอนหลับก็จะมีการผลัดเซลล์ผิว รังแค จากตัวเราตลอดเวลา แบบนี้ไรฝุ่นยิ่งยิ้มกว้างเข้าไปใหญ่ เหมือนมีคนเอาอาหารดีๆมาเสิร์ฟถึงที่ คุณพ่อคุณแม่จึงควรทำความสะอาดเครื่องนอนของลูกเป็นประจำทุกสัปดาห์ โดยการซักผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม หมอน และผ้าที่ใช้คลุมเตียง ด้วยน้ำร้อนอุณหภูมิประมาณ 60 องศาเซลเซียส เพื่อกำจัดไรฝุ่นและสารที่ทำให้เกิดภูมิแพ้ให้หลุดออกไป แต่หากไม่สามารถซักด้วยน้ำร้อนได้ก็ให้ใส่ลงในเครื่องปั่นแห้งอย่างน้อย 15 นาทีที่อุณหภูมิมากกว่า 60 องศาเซลเซียสเช่นกัน หรือจะใช้วิธีแช่แข็งด้วยความเย็นเป็นเวลา 24 ชั่วโมงก็ฆ่าไรฝุ่นได้ แต่จะไม่อาจช่วยกำจัดสารก่อภูมิแพ้ได้ ทั้งหมดนี้ควรทำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง

2. เลือกเครื่องนอนให้เหมาะสม

ควรเลือกใช้เครื่องนอนที่ทำจากใยสังเคราะห์ เช่น ผ้าฝ้าย เพราะซักทำความสะอาดด้วยน้ำอุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียสได้บ่อยครั้ง หลีกเลี่ยงการใช้ผ้าห่มหรือผ้าปูที่นอนที่จะมีไรผุ่นเกาะง่ายและยากต่อการทำความสะอาด เช่น ผ้านวม ผ้าที่ทำจากขนสัตว์ หรือจะเลือกใช้ผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนกันไรฝุ่นไปเลยก็จะดีมาก เพราะเป็นผ้าที่ทออย่างแน่นหนา สามารถป้องกันไรฝุ่นเข้ามาอยู่อาศัย รวมทั้งยังกันไรฝุ่นที่มีอยู่ตามที่นอนอยู่แล้วไม่ให้ออกมาเพ่นพ่าน

3. นำหมอนหนุน หมอนข้าง หรือฟูกนอน ไปตากแดดบ้าง

อีกหนึ่งตัวช่วยที่เชื่อว่าหลายๆคนคงทราบกันดีก็คือ การฆ่าเชื้อโรคด้วยแสงแดด เราควรนำหมอนหนุน หมอนข้าง ผ้าห่ม ที่เราใช้ ไปตากแดดเป็นประจำ เพราะแสงแดดมีรังสีในการฆ่าเชื้อโรคและเชื้อราให้ตายได้ และความร้อนจากแสงแดดยังช่วยให้ไข่ของไรฝุ่นเจริญเติบโตต่อไม่ได้อีกด้วย ซึ่งถือว่าเป็นอีกวิธีนึงที่ช่วยลดปริมาณของไรฝุ่นลงได้เป็นอย่างดี สำหรับบ้านที่มีพื้นที่กว้าง คุณพ่อคุณแม่ควรนำที่นอนออกไปตากแดดด้วยเพื่อช่วยลดไรฝุ่นได้ดียิ่งขึ้น

4.  ใช้ไม้ตบทำความสะอาด

เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่คงทราบแล้วว่าการที่จะทำให้เชื้อโรคตายหรือไข่ของไรฝุ่นฝ่อ ก็คือการนำไปตากแดด แต่เชื่อไหมว่าแค่นั้นอาจยังไม่สามารถกำจัดไรฝุ่นออกไปได้ เราควรหาหวายหรือไม้ขนาดพอดีมือ เพื่อตีหมอนและที่นอนระหว่างตากแดดด้วย เพราะการที่จะทำให้ไรฝุ่นและสิ่งปฏิกูลของมันออกไปได้ เราต้องหาเครื่องมือที่สามารถตีหรือทุบฝุ่นและสิ่งต่างๆที่อยู่ในหมอนและที่นอนเราออกมาถือเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ง่ายและได้ผลดีอีกด้วย

การใช้เครื่องดูดไรฝุ่นถือเป็นการกำจัดที่ตรงจุด

5. เครื่องดูดไรฝุ่นที่มีประสิทธิภาพสูง

การใช้เครื่องมือที่เหมาะสมกับการใช้งานถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดเลยก็ว่าได้ เครื่องกำจัดไรฝุ่นจะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ประหยัดเวลาและกำจัดไรฝุ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาจจะเสียเงินนิดหน่อยแต่ก็ถือว่าคุ้มกับผลลัพธ์ที่ได้ เพราะประสิทธิภาพในการดูดนั้นสามารถดูดไรฝุ่นที่ติดอยู่ทุกมุมบนเตียง หมอน ผ้า ตุ๊กตา รวมทั้งซอกเล็กซอกน้อยได้อย่างทั่วถึง

6. ของเล่นหรือของใช้อื่นในห้องนอนก็ต้องคัดเลือก

7. เคลียร์ของในห้องที่ไม่ได้ใช้ออกไป

สิ่งสำคัญที่เป็นตัวการทำให้เกิดฝุ่นบนที่นอนนั้นก็คือ การที่เราเก็บสิ่งของบนเตียงที่มากจนเกินไปอย่างเช่น หมอน ตุ๊กตาผ้า ที่มีมากเกินความจำเป็น สิ่งเหล่านี้ถือได้ว่าเป็นแหล่งพักพิงแหล่งโปรดของฝุ่นเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะการนำของเหล่านั้นมาวางไว้บนที่นอน ที่เป็นแหล่งสะสมของฝุ่น นอกเหนือจากนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงควรเอาของที่ไม่จำเป็นออกให้พ้นที่นอนของลูกให้ได้มากที่สุด หรือถ้ามีสิ่งของใกล้เตียงของเขา ก็ต้องหมั่นทำความสะอาดให้เรียบร้อย เท่านี้ก็จะสามารถลดจำนวนฝุ่นบนที่นอนได้อีกมาก

8. ใส่ใจเครื่องปรับอากาศ

หากคุณพ่อคุณแม่ติดเครื่องปรับอากาศไว้ในห้องของลูก ควรพิจารณาติดตั้งแผ่นกรองคุณภาพสูงในเครื่องปรับอากาศด้วย โดยเลือกที่ใช้มาตรฐาน MERV ระดับ 11-12 เปิดเครื่องปรับอากาศในโหมดพัดลมเพื่อกรองอากาศทั่วบ้าน และควรต้องเปลี่ยนแผ่นกรองเป็นประจำทุกๆ 3 เดือน

9. ทำความสะอาดพื้นให้ถูกวิธี

การทำความสะอาดพื้นด้วยการใช้ผ้าชุบน้ำถูพื้นจะช่วยลดจำนวนไรฝุ่นได้มาก ไม่ควรทำความสะอาดโดยการกวาดอย่างเดียวหรือใช้ผ้าแห้งเพราะอาจทำให้ไรฝุ่นฟุ้งขึ้นมาได้

วิธีการกำจัดข้างต้นเป็นวิธีการที่ไม่ยุ่งยากหรือสลับซับซ้อน และเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับการป้องกันการเกิดโรคภูมิแพ้จากไรฝุ่น หรือจะติดเครื่องฟอกอากาศเพิ่มเติมก็สามารถทำได้ อย่างไรก็ตาม หากคุณพ่อคุณแม่พบว่าลูกมีอาการผิดปกติใดๆก็อย่านิ่งนอนใจ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรักษาได้อย่างทันท่วงที

 

อ่านบทความสำหรับแม่และเด็กอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ >> story.motherhood.co.th

มองหาสินค้าสำหรับแม่และเด็กในราคาสุดพิเศษได้เลยที่ >> Motherhood.co.th