Site icon Motherhood.co.th Blog

ไวรัส HPV มีกี่ประเภท และจะป้องกันได้อย่างไร

เรื่องราวของไวรัส hpv

เรื่องราวของไวรัส HPV ที่ผู้หญิงต้องรู้

ไวรัส HPV มีกี่ประเภท และจะป้องกันได้อย่างไร

ในบรรดาเรื่องสุขภาพของผู้หญิงนั้น มีสิ่งหนึ่งที่เป็นหัวข้อที่คนเริ่มให้ความสำคัญต่อเนื่องมาหลายปี นั่นก็คือเรื่องของ “ไวรัส HPV” ซึ่งผู้หญิงหลายคนกังวลว่าการติดเชื้อเอชพีวีจะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ของร่างกายซึ่งอาจนำไปสู่โรคมะเร็งได้ ดังนั้น วันนี้เรามาทำความรู้จักกับเชื้อไวรัสตัวนี้ให้มากขึ้นดีกว่าค่ะ เราจะได้ป้องกันได้ถูกจุด

HPV คืออะไร

ไวรัส HPV หรือ Human Papilloma Virus เป็นไวรัสตัวหนึ่งที่มีสายพันธุ์มากกว่า 100 ชนิด โดยสายพันธุ์ที่ก่อให้เกิดการติดเชื้อบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์และทวารหนักที่เรารู้จักกันดีคือสายพันธุ์เบอร์ 6 11 16 และ 18 ซึ่งการติดเชื้อบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์และทวารหนักจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่บริเวณมดลูก และสามารถนำไปสู่การเกิดมะเร็งชนิดต่าง ๆ ได้ เช่น มะเร็งปากมดลูก มะเร็งช่องคลอด มะเร็งปากช่องคลอด มะเร็งอวัยวะเพศชาย มะเร็งทวารหนัก  มะเร็งช่องปากและลำคอ

ไวรัสชนิดนี้มีมากมายนับร้อยสายพันธุ์

โดยส่วนมากการติดเชื้อ HPV มักจะไม่แสดงอาการและสามารถหายได้เองภายในระยะเวลา 2-3 ปี ขึ้นอยู่กับภูมิต้านทานในร่างกายของแต่ละคน แต่ในบางเคสอาจมีการติดเชื้อ HPV นานหลายปี จนนำไปสู่การเป็นมะเร็งปากมดลูกในที่สุด

เชื้อ HPV กับการติดเชื้อบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์

เชื้อเอชพีวี 40 สายพันธุ์ที่ทำให้เกิดการติดเชื้อบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ได้ แบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่ม ได้แก่

ติดเชื้อ HPV มาได้อย่างไร

เชื้อเอชพีวีสามารถติดต่อได้จากการสัมผัสกับเชื้อโดยตรง ส่วนมากมักได้รับเชื้อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ ไม่ว่าเป็นทางช่องคลอด ทวารหนัก หรือปาก ซึ่งผู้ชายมักจะเป็นพาหะนำเชื้อมาสู่ผู้หญิงโดยที่ไม่รู้ตัว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคู่ของคุณนอกใจ เพราะไม่มีใครสามารถตอบได้ว่าได้รับเชื้อมาเมื่อไรหรือได้มาอย่างไร

อาการของการติดเชื้อ HPV อาจเกิดขึ้นหลายปีหลังจากติดเชื้อ และสามารถแพร่เชื้อไปยังคนอื่นได้ในช่วงที่ไม่มีอาการ จึงทำให้เชื้อนี้แพร่กระจายจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่งได้ง่าย โดยที่ทั้งคู่ไม่รู้เลยว่าตนเองหรืออีกฝ่ายมีเชื้อเอชพีวีอยู่

ใครบ้างมีความเสี่ยงต่อเชื้อ HPV

อาการของผู้ติดเชื้อเป็นอย่างไร

ผู้ป่วยจำนวนมากไม่มีอาการชัดเจนสำหรับการติดเชื้อไวรัสเอชพีวีแต่พบว่าบางรายมีอาการดังนี้

สามารถเข้ารับการตรวจได้หลายวิธี

การวินิจฉัยโรคติดเชื้อ HPV

แพทย์สามารถตรวจคัดกรองการติดเชื้อ HPV ได้จากวิธีหลักๆ ดังต่อไปนี้

  1. การตรวจแปปสเมียร์ (Pap Test) แพทย์จะเก็บตัวอย่างเก็บเซลล์บริเวณปากมดลูกด้วยอุปกรณ์เฉพาะ แล้วใส่ลงในขวดน้ำยาตินเพร็พ นำส่งห้องปฏิบัติการเพื่อเตรียมสไลด์และส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์
  2. การตรวจหาดีเอ็นเอของเชื้อเอชพีวี (HPV DNA Test) คือการนำตัวอย่างเซลล์บริเวณอวัยวะเพศไปตรวจหาเชื้อเอชพีวีโดยตรง วิธีนี้นำมาใช้วินิจฉัยสายพันธุ์ของเชื้อได้เช่นกัน
  3. การตรวจปากมดลูกด้วยคอลโปสโคป (Colposcopy) แพทย์จะสอดกล้องคอลโปสโคปขนาดเล็กที่มีกำลังขยายสูงเข้าไปทางช่องคลอดเพื่อตรวจหาเนื้อเยื่อที่ผิดปกติ
  4. การทดสอบด้วยกรดอะซิติก (Acetic Acid Solution Test) สารละลายกรดอะซิติกจะเข้าไปทำปฏิกิริยากับเซลล์ปากมดลูกที่ผิดปกติและเปลี่ยนบริเวณดังกล่าวให้เป็นสีขาว ซึ่งง่ายต่อการสังเกตเห็นของแพทย์

ใครควรได้รับการตรวจบ้าง

เชื้อ HPV กับโรคมะเร็งปากมดลูก

การติดเชื้อ HPV ที่บริเวณปากมดลูกจากการมีเพศสัมพันธ์ถือเป็นปัจจัยหลักที่ก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูก ผู้ป่วยมักเริ่มมีอาการปรากฏเมื่อเซลล์มะเร็งเริ่มลุกลามแล้ว ทางที่ดีจึงควรตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเป็นประจำ เพื่อให้สามารถพบความผิดปกติได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ

วิธีการรักษา

การติดเชื้อไวรัส HPV นั้นยังไม่สามารถรักษาให้หายได้ อย่างไรก็ตาม การติดเชื้อชนิดนี้มักหายไปได้เองเมื่อเวลาผ่านไป โดยหากตรวจพบเชื้อ แพทย์จะนัดมาติดตามอาการเพื่อดูว่าเชื้อยังคงอยู่หรือไม่ และมีสัญญาณที่แสดงว่าเชื้อทำให้เกิดเซลล์มะเร็งขึ้นมาหรือไม่ หากพบว่ามีเซลล์มะเร็งเกิดขึ้น แพทย์จะได้ทำการรักษาอย่างทันท่วงที โดยการรักษาที่ใช้ในผู้ป่วยที่มีเซลล์มะเร็งจากเชื้อไวรัส HPV ได้แก่ การทำเคมีบำบัด การฉายรังสี และการผ่าตัด ซึ่งอาจใช้หลายวิธีร่วมกันได้

แต่การตัดเซลล์ผิดปกติที่ยังไม่เป็นมะเร็งออกไปเสียก็สามารถช่วยยับยั้งการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้ การมีเซลล์ผิดปกติระดับรุนแรงสามารถรักษาได้ด้วยการผ่าตัดหลายวิธี เช่น

ในบางกรณีแพทย์อาจต้องตัดมดลูกออกบางส่วนหรือทั้งหมด แต่พบได้น้อย

สามารถรับวัคซีนได้ตั้งแต่อายุ 9 ปีขึ้นไป

การรับวัคซีนป้องกันเชื้อ HPV

ปัจจุบันมีการใช้วัคซีนป้องกันเชื้อเอชพีวีอยู่ 2 ชนิดด้วยกัน คือ

ซึ่งเราสามารถเลือกใช้วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้ทั้งสองชนิด เนื่องจากวัคซีนทั้งสองชนิดมีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อเอชพีวีที่เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูก โดยการฉีดวัคซีนป้องกันโรคดังกล่าวมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคได้มากถึง 90 – 100% สำหรับผู้ที่ไม่มีประวัติของการติดเชื้อมาก่อน สำหรับผู้ที่มีการติดเชื้อแล้วการฉีดวัคซีนจะไม่สามารถช่วยป้องกันการเกิดของโรคได้ การฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อเอชพีวีจึงควรได้รับวัคซีนตั้งแต่ยังไม่เกิดการติดเชื้อหรือก่อนการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก ซึ่งวัคซีนนี้สามารถฉีดได้ตั้งแต่อายุ 9 ปีขึ้นไป

แม่ท้องไม่ควรใช้วัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสเอชพีวี เพื่อความปลอดภัยของทั้งตัวและทารกน้อยในครรภ์ หากเคยได้รับวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสเอชพีวีเข็มแรกหรือเข็มที่สองแล้ว จะสามารถรับวัคซีนเข็มถัดไปหรือเข็มที่สามได้ตามปกติหลังจากคลอดบุตร

 

อ่านบทความสำหรับแม่และเด็กอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ >> story.motherhood.co.th

มองหาสินค้าสำหรับแม่และเด็กในราคาสุดพิเศษได้เลยที่ >> Motherhood.co.th