Site icon Motherhood.co.th Blog

Dyslexia ทำความรู้จักกับภาวะบกพร่องในการเรียนรู้

ภาวะ Dyslexia

ภาวะ Dyslexia เป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรทำความเข้าใจให้มากขึ้น

Dyslexia ทำความรู้จักกับภาวะบกพร่องในการเรียนรู้

หากพูดถึง “Dyslexia” เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่หลายท่านก็อาจจะเคยได้ยินผ่านหูหรืออ่านผ่านตามาบ้าง แต่อาจจะยังไม่ทราบแน่ชัดถึงรายละเอียดของอาการ รวมทั้งการตรวจสอบว่าลูกรักของเรามีอาการที่เข้าข่ายหรือไม่ และหากไม่มีความรู้ความเข้าใจในโรคนี้ก็อาจจะส่งผลร้ายหลายอย่างกับลูกได้ ติดตามบทความชิ้นนี้ของ Motherhood ได้เลยค่ะ เพื่อที่คุณพ่อคุณแม่จะได้มีความเข้าใจในภาวะบกพร่องในการเรียนรู้ดียิ่งขึ้น

อะไรคือภาวะบกพร่องในการเรียนรู้

คำว่า Dyslexia ประกอบขึ้นมาจากรากศัพท์สองส่วน คำว่า dys มีสองความหมายคือ “ไม่” และ “ความยากลำบาก” ส่วนคำว่า lexia หมายถึง “คำ” “การอ่าน” และ “ภาษา” เมื่อรวมทั้งสองส่วนนี้เข้าด้วยกัน จึงมีความหมายว่า ความยากลำบากในการอ่าน หรือไม่สามารถอ่านคำได้ นั่นเอง

Dyslexia คือภาวะผิดปกติ/บกพร่องที่เกี่ยวกับการเรียนรู้ภาษา ส่งผลให้ไม่สามารถอ่าน สะกดคำ หรือเขียนหนังสือได้ เนื่องจากมีปัญหาเกี่ยวกับการแยกเสียงตัวอักษรและเชื่อมโยงเสียงของตัวอักษรเข้ากับรูปร่างของตัวอักษรนั้นๆรวมทั้งรูปคำ ซึ่งผู้ที่มีภาวะนี้ไม่ได้มีปัญหาเรื่องการมองเห็นและมีระดับสติปัญญาที่ปกติ พวกเขาสามารถเรียนหนังสือได้เหมือนคนทั่วไป เพียงแต่จะต้องพยายามมากกว่าและใช้เวลานานกว่าในการอ่านหนังสือ พวกเขาไม่ได้มีเชาวน์ปัญญาที่บกพร่องในด้านการเรียนรู้แต่อย่างใด

แต่ยังมีความเข้าใจผิดหนึ่งของคนในสังคมเกี่ยวกับภาวะนี้ การที่เด็กในวัยเริ่มเข้าเรียนจะสะกดคำบางคำสลับที่แบบกลับหน้ากลับหลังกัน เช่น god > dog หรือ saw > was หรือเขียนตัว d และ b สลับด้านเหมือนส่องกระจก ทำให้เด็กถูกเข้าใจผิดว่ามีอาการ แท้จริงแล้วอาการเช่นนี้เป็นปัญหาทั่วไปของเด็กที่กำลังเริ่มเรียนรู้ภาษา เด็กอาจเกิดความสับสนตัวอักษรและคำที่ดูใกล้เคียงกัน เมื่อเข้าชั้นประถมเด็กจะแยกแยะได้มากขึ้นและปัญหาจะหมดไปเอง

เด็กในวัยเริ่มเรียนจะมีปัญหามากหากมีภาวะนี้ เพราะจะสะกดคำและอ่านอย่างลำบาก

อาการของความบกพร่องในการเรียนรู้

โดยทั่วไปแล้วอาการของภาวะความบกพร่องในการเรียนรู้จะสังเกตค่อนข้างยากในวัยก่อนเข้าเรียน เพราะเขาจะยังไม่เจอกับการเรียนรู้ในตัวอักษรอย่างจริงจัง แต่อาการจะเริ่มเห็นได้ชัดขึ้นเมื่อเข้าสู่วัยเรียนและวัยรุ่น และจะแสดงอาการต่างกันไปตามแต่ละช่วงวัย ดังนี้

คุณพ่อคุณแม่จึงต้องหมั่นสังเกตอาการของลูกอยู่เสมอ หากสงสัยว่าเด็กประสบภาวะนี้ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อหาวิธีรักษา เพราะหากไม่ได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง เด็กจะมีปัญหานี้ติดไปจนเขาโต

สถานการณ์ในประเทศไทย

สำหรับในประเทศไทย อาการผิดปกติของภาวะ Dyslexia จะถูกแบ่งออกเป็น 3 ด้านใหญ่ๆ ดังนี้

1.ความบกพร่องด้านการอ่าน (Reading Disorder)

เป็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับทักษะการอ่าน ผู้ที่มีภาวะนี้จะมีความสามารถในการอ่านต่ำกว่าคนอายุเท่ากัน อาการที่เห็นชัดคือจะไม่สามารถอ่านหนังสือได้คล่องเท่าคนทั่วไป หรือแค่สามารถอ่านออกเสียงได้แต่ไม่สามารถจับใจความได้ ทำให้เด็กที่มีภาวะนี้จะมีความสามารถในการเรียนต่ำกว่าที่ควรจะเป็น 2 ระดับชั้น

2.ความบกพร่องทางทักษะการเขียน การสะกดคำ การสร้างคำ หรือการสร้างประโยค (Written Expression Disorder)

ผู้ที่มีภาวะนี้จะมีทักษะในการเขียน การสะกดคำ การสร้างประโยคที่บกพร่อง โดยไม่สามารถสะกดคำได้ถูกต้อง และไม่สามารถสร้างประโยคที่อ่านแล้วเข้าใจได้หรือเขียนแล้วอ่านไม่รู้เรื่อง

3.ความบกพร่องทางด้านทักษะการคำนวณ (Mathematics Disorder)

ความบกพร่องนี้ทำให้ผู้มีภาวะขาดทักษะในการคำนวณ ทำให้ไม่เข้าใจถึงกระบวนการในการคำนวณต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบวก ลบ คูณ หาร โดยจะไม่เข้าใจว่าการลบจะต้องหักออกอย่างไร นอกจากนี้ยังมีกลุ่มที่มีปัญหาในการทดเลข และการตีโจทย์ปัญหา กล่าวคือจะสามารถบวกลบเลขตามปกติได้ แต่จะไม่เข้าใจโจทย์ที่เป็นสถานการณ์สมมติ ไม่รู้ว่าต้องแก้โจทย์อย่างไร

แม้จะมีภาวะดิสเล็กเซีย แต่อดีตผู้นำสิงคโปร์ก็เป็นที่ยอมรับของคนทั่วโลก

สาเหตุของความบกพร่องในการเรียนรู้

ปัจจุบันแพทย์ยังไม่ทราบสาเหตุของภาวะบกพร่องในการเรียนรู้ที่ชัดเจน แต่มีข้อสันนิษฐานว่ามีแนวโน้มที่จะถ่ายทอดทางพันธุกรรม เพราะอาการนี้มีความเกี่ยวข้องกับความผิดปกติบนโครโมโซมตัวที่ 7 ผู้ที่มีภาวะนี้อาจได้รับยีนบางตัวมาจากพ่อแม่ จึงทำให้การทำงานของสมองที่มีหน้าที่สั่งการและควบคุมการเชื่อมโยงของเสียงกับอักษรและตัวสะกดมีการทำงานบกพร่อง และรวมไปถึงพื้นฐานของสมองที่สั่งการด้านความจำ การวิเคราะห์ และประมวลผลข้อมูลอีกด้วย ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพในการเรียน

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆที่ส่งผลได้ ดังนี้

การวินิจฉัยความบกพร่องในการเรียนรู้

ภาวะบกพร่องในการเรียนรู้เป็นปัญหาที่วินิจฉัยได้ค่อนข้างยาก เนื่องจากแพทย์จะต้องพิจารณาจากปัจจัยหลายอย่างประกอบกัน เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่าความผิดปกติที่เกิดขึ้นไม่ได้มีสาเหตุมาจากการมีระดับสติปัญญาต่ำ สมรรถภาพการได้ยินหรือการมองเห็นเสื่อมถอย หรือจากปัญหาสุขภาพอื่นๆ โดยใช้ข้อมูลและวิธีวินิจฉัยดังนี้

พัฒนาการและประวัติการรักษาทั่วไป แพทย์จะสอบถามอาการที่เกิดขึ้น และประวัติการรักษาความเจ็บป่วยต่างๆในอดีต รวมทั้งสอบถามว่ามีคนในครอบครัวที่มีเคยมีประสบภาวะนี้หรือมีปัญหาการเรียนรู้ชนิดอื่นหรือไม่

ทอม ครูซ เองก็มีภาวะดิสเล็กเซียเช่นกัน

การรักษาความบกพร่องในการเรียนรู้

ภาวะ Dyslexia นั้นไม่ถือเป็นโรค แต่จัดเป็นปัญหาสุขภาพเรื้อรังที่ยังไม่มีวิธีรักษาให้หายขาดได้ด้วยยา แต่อย่างไรก็ตาม การได้เข้ารับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกวิธีตั้งแต่เนิ่นๆก็จะช่วยให้อาการดีขึ้นได้ วิธีรักษามีดังนี้

คุณพ่อคุณแม่อย่านิ่งนอนใจเด็ดขาดหากลูกมีอาการที่ใกล้เคียง ต้องรีบปรึกษาแพทย์และทำการวินิจฉัยให้แน่ใจโดยเร็ว หากปล่อยไว้จะเกิดปัญหากับเขาในระยะยาวแน่นอน ถ้าเขาไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกวิธี ไม่มีครูหรือบุคลากรจากทางโรงเรียนที่จะจัดแผนการเรียนรู้ให้เด็กเฉพาะตามภาวะที่ลูกกำลังประสบ ยิ่งเขาเรียนในชั้นที่สูงขึ้น มีเนื้อหาที่เข้มข้นขึ้น จะทำให้เขาขาดแรงบันดาลใจที่จะพยายามเรียนต่อไป เพราะเขาไม่ได้รับการช่วยเหลือที่ถูกวิธี

อีกทั้งยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาในการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนรอบข้าง ลูกอาจจะกลายเป็นคนสูญเสียความเชื่อมั่นในตัวเอง ขี้กังวล ก้าวร้าว และมีบุคลิกชอบแยกตัวจากผู้คน เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ก็จะมีปัญหาในการเข้าสังคมอย่างถาวร

เชฟเจมี่ โอลิเวอร์ ก็เป็นอีกหนึ่งคนดังที่มีภาวะนี้

การเสริมความมั่นใจและสร้างจุดเด่นอื่น

คุณพ่อคุณแม่และสมาชิกในครอบครัวต้องเน้นย้ำกับลูกเสมอว่าการที่เขามีภาวะ Dyslexia ไม่ได้แปลว่าเขาจะโตขึ้นไปกลายเป็นผู้ใหญ่ที่ล้มเหลวในชีวิต ลองยกตัวอย่างบุคคลชื่อดังระดับโลกที่มีภาวะนี้เช่นกัน แต่พวกเขาก็สามารถประสบความสำเร็จในชีวิตได้ ไม่ว่าจะเป็นลี กวน ยู อดีตผู้นำสิงคโปร์ ที่ทั่วโลกต่างยกย่องให้เป็นมหาบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ ในวงการบันเทิงก็มีดาราฮอลีวู้ดชื่อดังอย่างทอม ครูส ที่ก็มีภาวะนี้ เช่นกัน หรือในวงการอาหาร ก็มีเชฟที่ได้รับความนิยมอย่างเจมี่ โอลิเวอร์ พวกเขาแสดงให้เห็นว่าแม้เขาจะมีความบกพร่องในการเรียนรู้ภาษา การอ่านและเขียน ซึ่งอาจจะทำให้ไม่ประสบความสำเร็จในการเรียนเท่าที่ควร แต่เขาสามารถพัฒนาทักษะทางด้านอื่นให้เชี่ยวชาญจนเป็นที่ยอมรับได้ คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยลูกที่มีภาวะนี้ค้นหาความถนัดในตัวเขาด้านอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ดนตรี กีฬา ศิลปะ การแสดง หรือแม้แต่การทำอาหาร และช่วยเขาส่งเสริมให้กลายเป็นจุดแข็งที่สามารถชดเชยความบกพร่องในการเรียนรู้แบบวิชาการ

การป้องกันความบกพร่องในการเรียนรู้

เนื่องจากไม่มีการฟันธงถึงสาเหตุที่แน่ชัดของภาวะ Dyslexia จึงไม่สามารถหาทางป้องกันอย่างตรงจุดได้ แต่ผู้ที่กำลังวางแผนตั้งครรภ์สามารถลดปัจจัยความเสี่ยงได้ เช่น การคลอดก่อนกำหนด หรือทารกมีน้ำหนักแรกเกิดต่ำกว่าเกณฑ์ โดยรับประทานอาหารที่ดี มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ บุหรี่ และสารเสพติดอื่นๆ ควรเสริมแคลเซียมให้ร่างกายมากยิ่งขึ้นไปอีกระหว่างที่เริ่มตั้งครรภ์ รวมทั้งหลีกเลี่ยงการสูดดมสารเคมีในช่วงตั้งครรภ์ด้วย

 

อ่านบทความสำหรับแม่และเด็กอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ >> story.motherhood.co.th

มองหาสินค้าสำหรับแม่และเด็กในราคาสุดพิเศษได้เลยที่ >> Motherhood.co.th