Site icon Motherhood.co.th Blog

เลี้ยงลูก “Gen Alpha” เด็กเจนฯ ใหม่ที่มีคาแรคเตอร์แตกต่าง

รู้จัก gen alpha

นี่คือสิ่งที่พ่อแม่ของเด็ก Gen Alpha ต้องรู้

เลี้ยงลูก “Gen Alpha” เด็กเจนฯ ใหม่ที่มีคาแรคเตอร์แตกต่าง

การเลี้ยงลูกในยุคนี้แตกต่างจากสมัยก่อนมากนะคะ ซึ่งเด็ก ๆ “Gen Alpha” ของเรานี้ เราคงไม่อาจจะเลี้ยงพวกเขาด้วยวิธีการเดียวกันกับที่รุ่นพ่อรุ่นแม่ของพวกเราเลี้ยงเรามาได้ เพราะคนในแต่ละยุคนั้นล้วนแล้วแต่มีบุคลิกภาพที่แตกต่างกันไป วันนี้ Motherhood จะพาคุณผู้อ่านมาทำความรู้จักกับเด็กเจน ฯ ใหม่นี้ให้มากขึ้น เพื่อให้คุณได้เข้าใจเด็กเจน ฯ อัลฟ่า และรับมือพวกเขาด้วยวิธีการเลี้ยงที่เหมาะสม

แม้จะดูเหมือนว่าทั้งคนรุ่น Millennial (เกิดระหว่างปี 2523-2543) และเจนเนอเรชั่น X (เกิดระหว่างปี 2508-2522) มีจำนวนมากขึ้นก็ตาม จริง ๆแล้วอาจเป็นลูก ๆ ของพวกเขาที่จะกลายเป็นจุดสนใจทั้งหมดเมื่อเราเข้าสู่ปี 2020 นั่นเป็นเพราะเด็ก ๆ กลุ่มนี้หรือที่รู้จักกันในชื่อ Generation Alpha จะเติบโตมาในโลกที่แตกต่างไปจากโลกที่เราเคยรู้จัก

Generation Alpha ถูกจัดให้เป็นเด็กที่เกิดในหรือหลังปี 2553 นักวิจัยทั่วโลกกำลังให้ความสนใจกับสิ่งที่อาจหล่อหลอมให้พวกเขาโตขึ้นมาเป็นคนแบบที่พวกเขากำลังจะเป็นในอนาคต และนี่คือบางสิ่งที่เรารู้เกี่ยวกับเด็กเจน ฯ อัลฟ่า

เจน ฯ อัลฟ่าเติบโตมาพร้อมกับความหลากหลายในสังคม

ความหลากหลายจะส่งผลดีต่อเด็กอัลฟ่า

ความหลากหลายที่เพิ่มมากขึ้นในสังคมโลกอาจทำให้ Gen Alpha เป็นที่ยอมรับมากขึ้น เพราะพวกเขาเติบโตในสังคมที่หลากหลายมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ดังนั้น พวกเขาจึงเปิดใจกว้างต่อผู้คนที่แตกต่างจากตัวเอง เด็ก ๆ ในยุคมิลเลนเนียลเป็นแหล่งที่มาของการมองโลกในแง่ดี ที่เรากำลังก้าวไปสู่สังคมที่เปิดกว้างและให้การยอมรับซึ่งกันและกัน

เทคโนโลยีจะกำหนดพวกเขา ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

คนรุ่นนี้จะได้รับความสะดวกสบายอย่างมากจากเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นการดูวิดีโอบน iPad ของผู้ปกครอง และฟังเพลงบน iPhone พวกเขามีการใช้อินเตอร์เน็ตทุกวันเฉลี่ย 47.4% อีกทั้งมีแนวโน้มการใช้อินเตอร์เน็ตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง พวกเขาอาจเรียนรู้ด้วยภาพได้ดีเป็นพิเศษ

แต่ในขณะที่เวลาที่พวกเขาใช้อยู่หน้าจออาจเป็นเครื่องมือที่ดีในการศึกษา ความบันเทิง และอื่น ๆ สำหรับผู้ปกครอง แต่ก็มีผลกระทบบางอย่างสำหรับเด็กอัลฟ่าที่เรายังไม่รู้ ตัวอย่างเช่น มีงานศึกษาวิจัยระยะยาวเกี่ยวกับเวลาที่เด็กใช้อยู่หน้าจอมีผลต่อสมองที่กำลังพัฒนาอย่างไร และผลลัพธ์ในช่วงแรกก็ไม่เป็นข่าวดีสักเท่าไหร่ เมื่อเร็ว ๆ นี้นักวิจัยพบว่าเวลาที่ใช้อยู่หน้าจอมากเกินไปในเด็กเล็กจะนำไปสู่การด้อยพัฒนาของส่วนต่าง ๆ ของสมอง

โซเชียลมีเดียจะเป็น “สถิติใหม่” ของพวกเขา

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โซเชียลมีเดียจะส่งผลต่อสถานะทางสังคมในอนาคตของเด็กอัลฟ่าอย่างไร

คนรุ่นก่อนไม่ต้องคำนึงถึง Digital footprint ที่พ่อแม่อาจทิ้งร่องรอยเอาไว้ในขณะที่พวกเขายังเป็นผู้เยาว์ ทุกภาพทุกคำที่โพสต์ทางออนไลน์เกี่ยวกับเด็กจะกลายเป็นแฟ้มสะสมผลงานออนไลน์ของพวกเขาในที่สุด ในขณะที่ Gen X กังวลเกี่ยวกับประวัติถาวรของพวกเขาเจน ฯ อัลฟ่าอาจต้องกังวลเกี่ยวกับ Instagram และแม้แต่หน้า Facebook เก่าของผู้ปกครอง

เรายังไม่เห็นผลกระทบในระยะยาวของ Digital footprint เหล่านี้ ดังนั้น หากพ่อแม่ไม่รู้ว่าสิ่งนี้จะเป็นประโยชน์หรือเป็นอันตรายต่อเด็ก ๆ อัลฟ่าหรือไม่ สิ่งสำคัญคือต้องคำนึงถึงสิ่งที่คุณโพสต์ด้วย

พ่อแม่ควรคิดให้เยอะหากจะลงรายละเอียดเกี่ยวกับลูกในโลกอินเตอร์เน็ต

พวกเขาจะรู้ว่าทำไมสุขภาพจิตถึงสำคัญ

ยุคออนไลน์นั้นนำเสนอความท้าทายในการเลี้ยงดูที่ไม่เหมือนใครสำหรับพ่อแม่ยุค Millennial และ Gen X การขอคำแนะนำในการเลี้ยงดูไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ อีกต่อไป ในเมื่อสังคมตอนนี้เต็มไปด้วยความก้าวร้าวที่ส่งผลต่อสุขภาพจิตของคนรุ่นมิลเลนเนียล พ่อแม่ยุคมิลเลนเนียลหลายคนเกิดการแข่งขันเพื่อเป็นพ่อแม่ที่สมบูรณ์แบบ นี่คือเหตุผลที่เราเห็นภาพของเด็ก ๆ มากมายบนอินสตาแกรมที่ทุกคนดูยิ้มแย้ม มีคุณแม่ที่แต่งตัวดีอยู่ในห้องครัวหรือฉากกลางแจ้งที่แปลกตา สิ่งที่เราเห็นได้ไม่บ่อยนักคือรูปที่โชว์ความยุ่งเหยิงและความหงุดหงิดใจของความเป็นพ่อแม่ เส้นแบ่งระหว่างความเป็นจริงกับจินตนาการนั้นล้วนแล้วแต่สร้างความกดดันให้กับแม่ และเกิดตอบรับเชิงลบที่กระตุ้นให้แม่รู้สึกผิด

แล้วสิ่งนั้นส่งผลต่อ Gen Alpha อย่างไร น่าแปลกที่มันอาจแสดงให้เด็ก ๆ เห็นว่าสุขภาพจิตและอารมณ์มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าสุขภาพร่างกาย ปีที่ผ่านมานั้นเป็นปีแห่งการดูแลตัวเองที่เหล่าคุณแม่ Millennial และ Gen X ใช้สื่อสังคมออนไลน์เพื่อเปลี่ยนวัฒนธรรมการเลี้ยงดูลูก และหลาย ๆ คนก็พาลูกชาวอัลฟ่าร่วมเดินทางด้วยการโพสต์เกี่ยวกับความสำคัญของการมอบสุขภาพจิตที่ดีแก่เด็ก ๆ

พวกเขาอาจให้ความสำคัญต่อโลกมากกว่าการเป็นพ่อแม่

เมื่อพ่อแม่รุ่นมิลเลนเนียลเข้าสู่โลกแห่งการทำงาน เศรษฐกิจก็ผ่านจุดต่ำสุดไปสู่ภาวะถดถอย นั่นเป็นสิ่งกำหนดว่าพวกเขาจะมีการวางแผนครอบครัวอย่างไร และด้วยเหตุเอง นี้ชาวมิลเลนเนียลจำนวนมากจึงรอนานขึ้นเพื่อที่จะตั้งถิ่นฐานและมีลูกน้อยลง อย่างไรก็ตามเจน ฯ อัลฟ่า จะเผชิญกับปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อพวกเขาเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ตอนต้น การรู้ถึงความเครียดของประชากรที่เพิ่มขึ้นบนโลกใบนี้อาจส่งผลต่อการเลือกมีลูกของพวกเขา

เด็กเจน ฯ อัลฟ่า สนใจประเด็นของโลกและสังคมมากกว่าคนรุ่นก่อน

บทสรุปท้ายสุด

พ่อแม่ในปัจจุบัน (และคนรุ่นปู่ย่าตายายก็เช่นกัน) สามารถคาดหวังที่จะเห็นคนรุ่นใหม่ที่ยอมรับในความแตกต่างได้มากขึ้น มีความเชี่ยวชาญในการเข้าสังคมมากขึ้น มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี และรู้เท่าทันปัญหาที่ซับซ้อน เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในขณะที่มันอาจฟังดูน่าสับสนสำหรับคนรุ่นก่อน ๆ แต่เรามีความรู้สึกว่าคนหนุ่มสาวที่มีนิสัยร่าเริงเหล่านี้จะกลายเป็นคนพิเศษเกินกว่าที่ใคร ๆ จะคาดเดาได้ พวกเขามีคุณสมบัติที่เป็นเครื่องมืออันทรงพลังที่สามารถเปลี่ยนแปลงมนุษยชาติไปในทางบวกมากมาย

เด็กอัลฟ่าที่อายุมากที่สุดมีอายุเพียง 10 ปีเท่านั้น ซึ่งยังไม่ถึงวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ตอนต้นเหมือนเช่นเด็กรุ่นก่อนหน้า ที่จะมากำหนดพวกเราด้วยมุมมองทางวัฒนธรรมว่าพวกเขาเป็นใคร มีตัวตนแบบไหน ในขณะเดียวกัน พ่อแม่อย่างเราจะรู้สึกภาคภูมิใจและเป็นเกียรติที่ได้ช่วยชี้แนะให้พวกเขาตัดสินใจเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ตัวพวกเขาเอง

 

อ่านบทความสำหรับแม่และเด็กอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ >> story.motherhood.co.th

มองหาสินค้าสำหรับแม่และเด็กในราคาสุดพิเศษได้เลยที่ >> Motherhood.co.th