Site icon Motherhood.co.th Blog

Panic attack อาจเกิดขึ้นได้ในช่วง Covid-19 ระบาด

panic attack กับ Covid-19

เริ่มรับมือกับอาการแพนิคกำเริบในช่วงไวรัสโคโรนาระบาด

Panic attack อาจเกิดขึ้นได้ในช่วง Covid-19 ระบาด

ความกลัวเกี่ยวกับ Covid-19 อาจทำให้ผู้คนมีอารมณ์แปรปรวนหรือถึงขั้นมีอาการ “Panic attack” โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณมีปัญหาด้านความวิตกกังวลอยู่แล้ว เมื่อไวรัสโคโรนาแพร่กระจายอย่างต่อเนื่อง ความกลัวและความวิตกกังวลของผู้คนก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ การค้นหาเกี่ยวกับอาการแพนิคกำเริบเพิ่มขึ้น 100% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติในปีที่ผ่านมาตามข้อมูลจาก Google แต่ใช่ว่าเราจะไม่มีอำนาจเหนือความวิตกกังวลนี้ Motherhood จึงนำเอาเคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณผ่านช่วงเวลาแสนเครียดนี้มาฝากกันค่ะ

อาการแพนิคกำเริบอาจทำให้เกิดอัตราการเต้นของหัวใจอย่างรวดเร็วและหายใจถี่ มีความตีบตึงในลำคอ รู้สึกร้อนวูบวาบ หนาวสั่น เหงื่อออก และเกิดความกลัวที่จะรับมือกับความสูญเสียจากความตาย อาการเหล่านี้บางอย่าง เช่น หายใจหอบถี่คล้ายกับอาการของไวรัสโคโรนา

ไวรัสโคโรนาระบาดไปทั่วโลก ไม่แปลกที่ผู้คนจะเกิดความวิตกกังวล

อาการแพนิคกำเริบเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันของความกลัวอย่างรุนแรง ซึ่งก่อให้เกิดปฏิกิริยาทางร่างกายอย่างรุนแรง เมื่อไม่มีอันตรายที่แท้จริงหรือสาเหตุที่ชัดเจน อาการแพนิคกำเริบนั้นน่ากลัวมาก เมื่ออาการแพนิคกำเริบเกิดขึ้น คุณอาจคิดว่าคุณสูญเสียการควบคุม อาจมีอาการหัวใจวาย หรือแม้กระทั่งกำลังจะตาย

ไวรัสโคโรนานำไปสู่อาการแพนิคกำเริบได้อย่างไร?

ทุกคนตอบสนองต่อสถานการณ์ที่ตึงเครียดต่างกัน การระบาดใหญ่ของโคโรนาไวรัสสามารถครอบงำและก่อให้เกิดอารมณ์รุนแรงของความกลัวหรือความวิตกกังวล วิธีที่คุณตอบสนองต่อการระบาดขึ้นอยู่กับภูมิหลังของคุณ มันคือสิ่งที่ทำให้คุณแตกต่างจากคนอื่นและชุมชนที่คุณอาศัยอยู่ ผู้ที่มีปัญหาสภาวะสุขภาพจิตอยู่เดิมควรดำเนินการรักษาต่อไป และต้องระวังอาการใหม่ที่อาจเกิดขึ้นหรืออาการเดิมกลับแย่ลง

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ความกลัวและความไม่แน่นอนที่มาพร้อมกับไวรัสโคโรนานั้นยากที่จะจัดการและสามารถสร้างความเครียดและความกังวลได้มากมาย สำหรับคนจำนวนมากความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ไวรัสโคโรนาระบาดเป็นสิ่งที่ยากที่สุดในการจัดการ เราไม่รู้ว่าเราจะได้รับผลกระทบอย่างไรหรือมีสิ่งเลวร้ายอะไรบ้างที่เราอาจได้รับ และมันทำให้ทุกอย่างง่ายดายที่จะขมวดเกลียวไปสู่ความหวาดกลัวและความแพนิคอย่างท่วมท้น

ทำความเข้าใจความวิตกกังวลที่มี

นับว่าเป็นเวลาที่น่ากลัว เราทุกคนอยู่ท่ามกลางการแพร่ระบาดทั่วโลก โดยที่เมืองและแม้แต่ประเทศทั้งหมดกำลังปิดตัวลง พวกเราบางคนอยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา คนอื่น ๆ กำลังเตรียมใจรอรับสิ่งที่อาจเกิดขึ้น และพวกเราทุกคนกำลังดูพาดหัวข่าวและสงสัยว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป

แม้ว่าความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ยากในการรับมือ แต่มีหลายสิ่งที่คุณทำได้ แม้เผชิญกับวิกฤติที่ไม่เหมือนใครนี้ เพื่อจัดการความวิตกกังวลและความกลัวของคุณ

ควรอัพเดทข้อมูลประจำวัน แต่อย่าหมกมุ่นจนเกินพอดี

รับทราบข้อมูล แต่อย่าหมกมุ่นกับการตรวจสอบข่าว

มันจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรับทราบข้อมูล โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในชุมชนของคุณ เพื่อที่คุณจะสามารถปฏิบัติตามข้อควรระวังเพื่อความปลอดภัย และทำตามหน้าที่ของคุณเพื่อชะลอการแพร่กระจายของไวรัสโคโรนา แต่มันก็มีข้อมูลผิด ๆ จำนวนมากที่เกิดขึ้นรอบตัว รวมไปถึงการรายงานข่าวเกี่ยวกับความรู้สึกที่ขับเน้นให้เกิดแต่ความกลัว เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องไตร่ตรองให้ดีเกี่ยวกับสิ่งที่คุณอ่านและรับชม

จดจ่อในสิ่งที่คุณสามารถควบคุมได้

เราอยู่ในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ มีหลายสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของเรารวมถึงระยะเวลาที่โรคระบาดระบาดยาวนาน อื่นประพฤติตนอย่างไรและเกิดอะไรขึ้นในชุมชนของเรา นั่นเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับ และพวกเราหลายคนก็ตอบโต้ด้วยการค้นหาคำตอบและคิดถึงสถานการณ์ต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่รู้จบ แต่ตราบใดที่เรามุ่งเน้นไปที่คำถามที่ยังไม่มีคำตอบและสถานการณ์ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา สิ่งนี้จะไม่มีวันพาเราไปไหน นอกเหนือจากความรู้สึกวิตกกังวลที่ท้วมท้นขึ้นมาเรื่อย ๆ

เมื่อคุณรู้สึกว่าตัวเองจมอยู่กับความกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้น ลองเปลี่ยนโฟกัสไปยังสิ่งที่คุณสามารถควบคุมได้ ตัวอย่างเช่น คุณไม่สามารถควบคุมได้ว่าการระบาดของโรคไวรัสโคโรนานั้นรุนแรงแค่ไหนในประเทศหรือจังหวัดของคุณ แต่คุณสามารถทำตามขั้นตอนเพื่อลดความเสี่ยงส่วนตัวของคุณเอง และความเสี่ยงที่คุณจะแพร่เชื้อไปยังผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว

ล้างมือด้วยสบู่และน้ำ ตามคำแนะนำของหน่วยงานด้านสุขภาพ

ไม่พลาดการติดต่อ แม้จะแยกกันกักตัว

หลักฐานแสดงให้เห็นว่าหลายคนที่มีเชื้อไวรัวโคโรนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนหนุ่มสาวที่มีสุขภาพดีดูเหมือนจะไม่มีอาการ แต่ยังสามารถแพร่เชื้อไวรัสได้ นั่นคือเหตุผลที่สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เราสามารถทำได้ในขณะนี้ คือการรักษาระยะห่างทางสังคม (Social distancing)

แต่การรักษาระยะห่างทางสังคมก็มีความเสี่ยงในตัวมันเอง เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม เราต้องการเดินสายเพื่อพบปะและติดต่อ ความโดดเดี่ยวและความเหงาสามารถทำให้เกิดความวิตกกังวลและความซึมเศร้า และส่งผลกระทบต่อสุขภาพกายของเราเช่นกัน นั่นเป็นเหตุผลที่สำคัญที่เราจะต้องดำรงการติดต่อกันอย่างดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ และยื่นมือออกไปรับความช่วยเหลือเมื่อเราต้องการ แม้ในขณะที่เราลดการพบปะสังสรรค์กับผู้คน

ติดต่อเพื่อนฝูงและครอบครัวเสมอ แม้ต้องห่างกัน

ดูแลร่างกายและจิตวิญญาณ

นี่เป็นเวลาที่ต้องใช้ความพยายามเป็นพิเศษ และต้องมีการใช้กลยุทธ์การจัดการกับความเครียดที่เกิดขึ้น เช่น การกินอาหารเพื่อสุขภาพ การนอนหลับพักผ่อนให้เต็มที่ ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับในการฝึกการดูแลตนเองเมื่อเผชิญกับการหยุดชะงักเพราะไวรัสที่กำลังแพร่ระบาดนี้

แม้ว่าสถานการณ์ในช่วงนี้จะยากลำบากสักเพียงใด ถ้าหากคุณเป็นคนหนึ่งที่เผชิญกับความวิกตกกังวลหรือซึมเศร้ามากกว่าปกติ ขอจงรู้ไว้ว่าคุณไม่ได้สู้อยู่เพียงลำพังนะคะ

 

อ่านบทความสำหรับแม่และเด็กอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ >> story.motherhood.co.th

มองหาสินค้าสำหรับแม่และเด็กในราคาสุดพิเศษได้เลยที่ >> Motherhood.co.th