Site icon Motherhood.co.th Blog

Prader Willi Syndrome คือโรคอะไร มีอาการแบบไหน

โรค Prader-Willi Syndrome

Prader-Willi Syndrome เป็นกลุ่มอาการที่ยังไม่รู้จักแพร่หลายในไทย

Prader Willi Syndrome คือโรคอะไร มีอาการแบบไหน

ในโลกนี้ยังมีโรคภัยไข้เจ็บและกลุ่มอาการต่างๆอีกมากมายที่คนไทยยังไม่ค่อยรู้จักดี หากมันเกิดขึ้นกับลูกเราก็คงตกใจไม่น้อย “Prader Willi Syndrome” ก็เป็นหนึ่งในนั้น มันเป็นกลุ่มอาการชนิดไหน หากเป็นแล้วจะมีอาการอย่างไร มีสาเหตุมาจากอะไร แล้วจะสามารถรักษาได้ไหม อยากให้คุณพ่อคุณแม่มาทำความรู้จักเอาไว้นะคะ

Prader-Willi Syndrome คืออะไร?

กลุ่มอาการพราเดอร์-วิลลี่ เป็นโรคทางพันธุกรรมอย่างหนึ่งที่ติดตัวมาแต่กำเนิด เกิดจากความผิดปกติของโครโมโซมคู่ที่ 15 ที่ส่งผลให้ผู้ป่วยรู้สึกหิวอย่างต่อเนื่อง กล้ามเนื้ออ่อนแรง มีปัญหาด้านการเรียนรู้และพฤติกรรม และผู้ป่วยส่วนใหญ่มักพบปัญหาเรื่องการควบคุมน้ำหนักจนอาจนำไปสู่ภาวะอ้วนด้วย แม้ในปัจจุบันจะยังไม่มีวิธีรักษาโรคนี้ให้หายขาด แต่หากผู้ป่วยดูแลอาการอย่างถูกต้องก็อาจช่วยให้สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดย PWS เป็นโรคที่พบได้น้อย และมีโอกาสเกิดเพียง 1 ใน 10,000-30,000 คนเท่านั้น

เด็กที่มีอาการ PWS จะมีลักษณะทางกายภาพที่เห็นได้ชัด

อาการของกลุ่มอาการพราเดอร์-วิลลี่

เนื่องจาก PWS เป็นลักษณะการเจ็บป่วยที่ติดตัวมาแต่กำเนิด จึงมักแสดงอาการให้เห็นได้ตั้งแต่ยังเป็นทารก ซึ่งอาจมีอาการแตกต่างกันไปในแต่ละคน และอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปตามช่วงอายุ ดังนี้

ช่วงวัยทารก

ช่วงวัยเด็ก-วัยผู้ใหญ่

ลักษณะที่เห็นได้ชัดคือมีผมสีอ่อนและดวงตาสีอ่อน

สาเหตุของกลุ่มอาการพราเดอร์-วิลลี่

ตามปกติแล้ว คนเราจะมีโครโมโซมซึ่งเป็นพันธุกรรมที่ควบคุมลักษณะของแต่ละบุคคลทั้งหมด 23 คู่ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดจากพ่อ 23 โครโมโซม และจากแม่ 23 โครโมโซม โดย 65-75% ของผู้ป่วยเกิดจากความผิดปกติของโครโมโซมคู่ที่ 15 ที่ได้รับมาจากพ่อ ซึ่งอาจเกิดจากการที่ยีนมีความผิดปกติบางส่วนหรือผิดปกติทั้งยีน ส่วนผู้ป่วยอีก 20-30% เกิดจากปรากฎการณ์ที่เรียกว่า Maternal Uniparental Disomy หรือการที่บุคคลนั้นมีโครโมโซมที่มาจากแม่ 2 แท่ง แต่กลับไม่พบโครโมโซมคู่ที่ 15 จากพ่อเลย และอีก 1-3% เกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรมแบบสุ่ม ความผิดปกติดังกล่าวส่งผลกระทบต่อสมองส่วนไฮโปทาลามัสซึ่งมีหน้าที่ผลิตฮอร์โมนต่างๆ ที่ควบคุมการเจริญเติบโตและความอยากอาหาร จึงทำให้ผู้ป่วยรู้สึกหิวตลอดเวลาแม้จะรับประทานอาหารในปริมาณมากไปแล้วก็ตาม นอกจากนี้ อาการบาดเจ็บที่ศีรษะหรือสมองก็อาจเป็นสาเหตุของภาวะนี้ได้เช่นกัน

การวินิจฉัยกลุ่มอาการพราเดอร์-วิลลี่

ในเบื้องต้น แพทย์จะทำการวินิจฉัยจากลักษณะภายนอกของทารกและอาการต่างๆที่มักพบในทารกที่เป็น PWS รวมทั้งอาจมีการตรวจทางพันธุกรรม โดยนำตัวอย่างเลือดมาตรวจหาความผิดปกติของโครโมโซมคู่ที่ 15 ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของอาการ

นอกจากนี้ แพทย์อาจสังเกตอาการเพื่อวิเคราะห์เกี่ยวกับพัฒนาการและพฤติกรรมว่าผู้ป่วยมีอาการของภาวะนี้หรือไม่ และแพทย์อาจแนะนำให้ผู้ป่วยบางรายเข้ารับการตรวจความผิดปกติของยีนหรือโครโมโซมเพื่อยืนยันผลการวินิจฉัยด้วย

การรักษากลุ่มอาการพราเดอร์-วิลลี่

เนื่องจาก PWS เป็นกลุ่มอาการที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่กลับเป็นภาวะที่ส่งผลต่อเด็กได้รุนแรงมาก จึงมีความพยายามที่จะวิจัยหายาที่จะช่วยลดความอยากอาหาร อย่างไรก็ตามยังไม่พบว่ามียาตัวใดที่ช่วยให้ภาวะนี้รุนแรงลดลงได้ การดูแลรักษาจึงต้องอาศัยโภชนาการ อีกทั้งผู้ป่วยต้องได้รับการดูแลช่วยเหลือทางด้านร่างกายควบคู่กับการฝึกทักษะรับมือความบกพร่องต่างๆตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เพื่อให้สามารถพัฒนาและนำทักษะไปใช้ในชีวิตประจำวันจนปรับตัวและอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้ดี รวมทั้งควรเข้ารับการบำบัดเพื่อให้สามารถเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อต่างๆ หัดเดิน หัดพูด หรือทำกิจกรรมอื่นๆ ให้เหมาะกับพัฒนาการตามวัยด้วย

ยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ จึงต้องเน้นที่การคุมอาหาร

โดยแพทย์อาจแนะนำให้ผู้ป่วยเข้ารับการรักษาด้วยวิธีต่าง ๆ ดังนี้

นอกจากนี้ ควรพาเด็กที่ป่วยเข้ารับการตรวจสุขภาพเป็นประจำ รวมทั้งการตรวจสายตา กระดูกสันหลัง สะโพก และอวัยวะอื่น ๆ ในร่างกาย สำหรับพ่อแม่ของเด็กที่ป่วยอาจเรียนรู้และทำความเข้าใจเกี่ยวกับร่างกายของเด็กให้มากขึ้น โดยอาจปรึกษาแพทย์หรือเข้าร่วมกลุ่มพ่อแม่ที่มีลูกเป็น PWS เช่นเดียวกัน เพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ให้สามารถดูแลเด็กที่ป่วยด้วยภาวะนี้ได้ดียิ่งขึ้น

สิ่งที่ควรระวังคือโรคอ้วน เพราะจะนำไปสู่โรคแทรกซ้อนอีกมากมาย

ภาวะแทรกซ้อนของกลุ่มอาการพราเดอร์-วิลลี่

เนื่องจากไม่สามารถควบคุมปริมาณการรับประทานอาหารได้ จึงทำให้กระเพาะของเด็กที่ป่วยในกลุ่มอาการนี้ขยายตัวมากผิดปกติ มีการสำลักอาหาร และอาจทำให้กระเพาะอาหารฉีกขาดได้ในกรณีที่รับประทานอาหารมากเกินไป และเนื่องจากมีมวลกล้ามเนื้อน้อย ร่างกายจึงต้องการแคลอรี่น้อยกว่าค่าเฉลี่ยต่อวันของคนทั่วไป อีกทั้งยังไม่สามารถออกกำลังกายได้ด้วย ดังนั้น ผู้ป่วยจึงมักประสบภาวะอ้วนที่อาจเป็นอุปสรรคในการดำเนินชีวิตด้านต่างๆ เช่น การศึกษา การทำงาน และการมีส่วนร่วมในสังคม รวมทั้งอาจเป็นสาเหตุของภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ อย่างโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ภาวะความดันโลหิตสูง ภาวะคอเลสเตอรอลสูง โรคหัวใจ ภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ โรคตับ และโรคนิ่วในถุงน้ำดีด้วย

นอกจากนี้ หากร่างกายผลิตฮอร์โมนเพศและโกรทฮอร์โมนไม่เพียงพอ อาจทำให้ผู้ป่วยในวัยผู้ใหญ่ประสบภาวะมีบุตรยากหรือไม่สามารถมีบุตรได้ และยังเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุนด้วย เนื่องจากผู้ป่วยจะมีความหนาแน่นและมวลกระดูกลดน้อยลง จนทำให้กระดูกเสื่อมและแตกหักได้ง่าย

การป้องกันกลุ่มอาการพราเดอร์-วิลลี่

กลุ่มอาการนี้เกิดจากความผิดปกติของโครโมโซม จึงเป็นการเจ็บป่วยที่ไม่สามารถป้องกันได้ แต่แม่ๆที่กำลังตั้งครรภ์หรือวางแผนมีบุตรอาจระมัดระวังปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ลูกเป็นโรคนี้ได้ โดยปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาความเสี่ยง โดยเฉพาะในผู้ที่เคยให้กำเนิดเด็กที่เป็น PWS มาก่อน และควรป้องกันการเกิดอุบัติเหตุกระทบกระเทือนบริเวณศีรษะด้วย เพราะอาการบาดเจ็บที่ศีรษะหรือสมองอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดกลุ่มอาการนี้ได้เช่นกัน

คุณพ่อคุณแม่ได้ทำความรู้จักกับกลุ่มอาการ Prader-Willi Syndrome กันไปแล้วนะคะ หากเด็กๆบ้านไหนมีอาการที่ต้องสงสัย ก็ควรรีบพาไปพบแพทย์ตั้งแต่เนิ่นๆเลย จะได้สามารถป้องกันโรคแทรกซ้อนได้ตั้งแต่เขายังเด็กค่ะ

 

อ่านบทความสำหรับแม่และเด็กอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ >> story.motherhood.co.th

มองหาสินค้าสำหรับแม่และเด็กในราคาสุดพิเศษได้เลยที่ >> Motherhood.co.th