Site icon Motherhood.co.th Blog

Work Life Balance ของคุณแม่ฟูลไทม์

work life balance ของแม่

มาดูกันว่าคุณแม่ฟูลไทม์ที่ทำอาชีพเสริมด้วยจะแบ่งเวลาเลี้ยงลูกอย่างไร

Work Life Balance ของคุณแม่ฟูลไทม์

ในสมัยนี้การเป็นแม่ฟูลไทม์อาจจะเป็นไปได้ยากขึ้น ด้วยสภาพเศรษฐกิจที่ไม่สู้ดีนัก แม่หลายคนจึงนิยมทำงานฟรีแลนซ์ควบคู่ไปด้วย ซึ่งก็ต้องอาศัย work life balance ไม่ต่างอะไรกับคุณแม่ท่านอื่นหรือแม้แต่คุณพ่อที่ทำงานประจำนอกบ้านเลย วันนี้ Motherhood จะพาผู้อ่านไปทำความรู้จักกับคุณแม่ท่านหนึ่ง ที่ถึงแม้จะอยู่บ้านเลี้ยงลูกเองเฉกเช่นคุณแม่ฟูลไทม์ท่านอื่น แต่เธอก็เลือกที่จะรับงานฟรีแลนซ์ควบคู่ไปด้วย ขณะที่ลูกของเธอยังเป็นทารก เรามาดูกันซิว่าเธอจะมีการแบ่งเวลาอย่างไร ให้งานที่รับมาไม่เสีย และยังคงดูแลลูกได้อย่างเต็มที่

Motherhood: แนะนำตัวให้ผู้อ่านรู้จักเพิ่มเติมนิดนึงค่ะ

แม่เมย์: สวัสดีค่ะ เมย์ค่ะ ภาณิชา ชื่นวิจิตร นะคะ ตอนนี้ก็เป็นคุณแม่ฟูลไทม์ค่ะ แล้วก็อาชีพเสริมก็เป็นฟรีแลนซ์ค่ะ ส่วนคุณคนนี้ น้องเซน ทชา ชื่นวิจิตร อายุ 10 เดือนเต็มพอดีเลยค่ะ

Motherhood: นิยามของคำว่าแม่ ในความคิดคุณเมย์คืออะไรคะ

แม่เมย์: เรียกว่าหน้าที่ เป็นบทบาทที่มีความ “สุด” ในทุกด้านเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นยากที่สุด เหนื่อยที่สุด กดดันที่สุด เวลาที่จะทุกข์ก็ทุกข์ที่สุด สุขก็สุขที่สุดค่ะ เป็นหน้าที่ที่มีคุณค่าและมีความสำคัญมากที่สุดเท่าที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะสามารถเป็นได้ เด็กคนหนึ่งจะเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่แบบไหน มันก็อยู่ที่สองมือของแม่นี่ละค่ะ ที่จะสร้างเขาขึ้นมา

Motherhood: มีวิธีการเตรียมตัวเองในช่วง 9 เดือนอย่างไรบ้างคะ

แม่เมย์: ก็ไม่ได้เตรียมตัวอะไรมากค่ะ แต่ว่าอย่างหนึ่งที่ทำมาตลอดก็คือเราต้องมีความสุขให้มากที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ เพราะว่าอารมณ์ของแม่มีผลต่อน้องมาก ๆ นะคะ แต่ว่ามันก็ยากเนอะ เพราะว่าช่วงที่ยิ่งใกล้คลอดมันก็จะมีเรื่องให้คิดเยอะ เรื่องให้ต้องเครียด แล้วช่วงนั้นเนี่ยชีวิตยังไม่ค่อยลงตัวเท่าไหร่ แต่ว่ามันต้องดึงสติกลับมาเพื่อที่ว่าเราจะไม่จมไปกับมัน แล้วเราจะต้องนึกถึงลูกให้มากที่สุด แล้วมีความสุขให้มากที่สุดเลยค่ะ

Motherhood: อะไรคือช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดก่อนจะคลอดน้อง

แม่เมย์: ถ้าช่วงก่อนคลอด 9 เดือนน่าจะเป็นช่วงที่ใกล้คลอดน่ะค่ะ ช่วงที่ 8-9 เดือน เพราะว่าเป็นช่วงที่ร่างกายเราไม่ไหวแล้วน่ะ อ้วน ท้องใหญ่ เวลานอนก็หายใจแทบไม่ออก เวลาเดินนิดหนึ่งก็จะเมื่อยแล้ว ตะคริวกินแทบทุกคืน ทุกเช้าที่ตื่น อะไรอย่างนี้ค่ะ ก็ใช้ชีวิตค่อนข้างลำบากเหมือนกัน

Motherhood: แล้วหลังจากคลอดน้องละคะ

แม่เมย์: ถ้าช่วงหลังคลอด 9 เดือนก็จะเป็นช่วงเดือนแรกถึง 3 เดือนน่ะค่ะ เพราะว่าน้องตื่นทุกสองชั่วโมง เขาต้องกินนมตลอด เรานี่เหนื่อยมาก แล้วเขาก็ติดอุ้ม เราก้ต้องอุ้มเขาตลอด แม้กระทั่งเวลาที่เขานอนน่ะค่ะ ก็ต้องนอนบนตัวเราอย่างนี้ มันก็เลยเหมือนทำอะไรไม่ได้เลย ต้องตัวติดกับเขาตลอด อะไรอย่างนี้ค่ะ

Motherhood: มีการศึกษาเรื่องการตั้งครรภ์เพิ่มเติมบ้างไหม

แม่เมย์: เอาจริง ๆ นะ ไม่ค่อยอ่าน ไม่ค่อยได้ศึกษาเรื่องคลอดเลยค่ะ เพราะว่ากลัว กลัวการคลอดมาก ๆ ยิ่งอ่านยิ่งกลัว ก็เลยแบบ ไปตายเอาดาบหน้าแล้วกัน

Motherhood: แล้วการเตรียมตัวสำหรับการคลอดละคะ ได้ศึกษาบ้างไหม

แม่เมย์: เอาจริง ๆ ก็ยังไม่ค่อยได้ศึกษาเท่าไหร่น่ะค่ะ เพราะว่าตอนที่เราเริ่มตั้งครรภ์น่ะ ยังไม่ทราบว่าน้องมาแล้ว ก็เลยยังไม่มีการที่จะเตรียมตัวอะไรเลย

Motherhood: เท่ากับว่าตอนนั้นก็เป็นเซอร์ไพรส์?

แม่เมย์: ใช่ค่ะ เป็นเซอร์ไพรส์ค่ะ

Motherhood: ความรู้สึกแรกที่ได้เห็นหน้าลูกเป็นอย่างไร

แม่เมย์: ได้เวลาสนุกแล้วสิ ก็คุ้มค่ากับการที่เราต้องเผชิญความกลัวมากที่สุด อย่างที่บอกน่ะค่ะว่าเรากลัวการคลอดมาก กลัวการถูกเจาะน้ำเกลือ กลัวการถูกบล็อกหลังอะไรอย่างนี้ กลัวมาก แต่พอเห็นหน้าเขาแล้วเราก็รู้สึกว่า โอเค มันคุ้มแล้วแหละที่เราต้องเจออะไรแบบนี้

Motherhood: พอคลอดน้องแล้ว ได้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพิ่มหรือเปล่าคะ

แม่เมย์: ก็มีการหาข้อมูลน่ะค่ะ แต่ว่าจะเป็นการเบื้องต้นที่ดูแลตัวเองขณะตั้งครรภ์ กินอะไรดีกับลูก ไม่ควรกินอะไร อย่างนี้น่ะค่ะ แล้วก็พัฒนาการต่าง ๆ ที่อยู่ในครรภ์น่ะค่ะ เรายังไม่ได้อ่านไปไกล คือเราจะ step by step ไปอะค่ะ

Motherhood: ด้วยไลฟ์สไตล์ที่เป็นคุณแม่ฟูลไทม์ แต่ยังรับงานฟรีแลนซ์ มีการจัดสรรเรื่อง work life balance อย่างไรบ้าง

แม่เมย์: ก็ส่วนใหญ่จะต้องเป็นหลังลูกเข้านอนน่ะค่ะ พอน้องเข้าเดือนที่สี่ เราจะเริ่มฝึกให้เขานอนยาวแล้ว จากที่ต้องตื่นทุก ๆ 2-3 ชั่วโมง ก็จะค่อย ๆ ให้เขาหลับยาวขึ้นเรื่อย ๆ เราก็จะใช้เวลาที่เขานอนนี่แหละนั่งทำงาน

Motherhood: การเป็นฟรีแลนซ์ที่ทำงานที่บ้าน มีอุปสรรคในการเลี้ยงลูกบ้างไหม

แม่เมย์: มันก็มีอะค่ะ บางทีช่วงที่เรางานเข้าแต่ลูกยังไม่นอนอย่างนี้ เราก็ยังไงดี แต่โชคดีว่าพ่อก็จะช่วย หรือว่าบางครั้งเราเลี้ยงลูกไปด้วย ทำงานไปด้วย มันทำให้โอกาสที่เราจะทำงานมากขึ้น บางทีมันไม่ได้ บางทีที่มีงานเข้ามา แต่ว่าเราติดเลี้ยงลูก เวลาทำงานเรามีแค่นี้ ไม่งั้นเราก็จะทำงานไม่ทัน ลูกเราก็ต้องเลี้ยง เราก็เลยต้องเลือกเลี้ยงลูกก่อน

Motherhood: ทราบมาว่าเป็นนักเขียนฟรีแลนซ์ เคยคิดอยากจะเขียนเรื่องของลูกบ้างไหมคะ

แม่เมย์: เคยนะคะ จริง ๆ สร้างเพจไว้ให้น้อง เราอยากจะแชร์ แต่บางทีเราก็คิดว่า เอ๊ะ เราก็เพิ่งจะเป็นคุณแม่มือใหม่อะเนอะ บางทีข้อมูลที่เราแชร์ไปหรืออะไรอย่างนี้มันจะถูกไหม มันจะทำเหมือนเป็นกูรูหรือเปล่า ทั้ง ๆ ที่ลูกเราก็เพิ่งจะไม่กี่เดือน อะไรอย่างนี้ ก็เลยยังไม่ได้ทำอะไรกับตรงนั้นมากนักน่ะค่ะ ก็ได้แต่แชร์รูปลูก รูปตลก ๆ ของลูกไป

Motherhood: อยากฝากอะไรถึงคุณแม่มือใหม่ท่านอื่น ๆ บ้าง

แม่เมย์: คืออยากจะบอกคุณแม่มือใหม่ใช่ไหมว่าควรจะยังไงดี ใช่ไหม? จริง ๆ ความเข้าใจในธรรมชาติของเด็กคือสิ่งสำคัญมากนะ ไม่ใช่แค่เฉพาะลูกเรา แต่ … เขาเรียกว่าอะไรละ … พัฒนาการของเขา อายุวัยนี้ เขาจะเป็นแบบนี้ พอถึงวัยนี้ อ๋อ เขาจะมีพฤติกรรมแบบนี้นะ อ๋อ ที่เขาทำแบบนี้เพราะว่าเขาต้องการอะไรบางอย่าง มันเหมือนจิตวิทยา คือเราต้องเข้าใจเขาน่ะ พอเราเข้าใจเขาแล้วน่ะ เราจะทรีตเขาด้วยวิธีที่ถูก ด้วยความเป็นเขา อย่างนี้ค่ะ มันจะทำให้เขาไปในทิศทางที่ควรจะเป็นได้ดีเอง คือไม่จำเป็นจะต้องไปหาแบบ ทำยังไงให้ลูกฉลาด ทำยังไงให้ลูกเรียนเก่ง อะไรอย่างนี้ แม่รู้สึกว่าถ้าเรารักและให้ความเข้าใจเขา ทุกอย่าง สิ่งดีงามทุกอย่างมันจะตามมาเอง

ได้ฟังแนวคิดของแม่เมย์แล้ว คงต้องบอกว่าน่าดีใจแทนน้องเซนเลยนะคะ ที่มีคุณแม่ที่พร้อมจะเลี้ยงดูน้องด้วยความเข้าใจเป็นแกนหลัก และผู้อ่านก็ยังได้เห็นแนวทางในการทำงานเสริมในขณะที่เป็นคุณแม่ฟูลไทม์ด้วย ส่วนในเดือนหน้านี้ ยังคงติดตามกับสัมภาษณ์พิเศษได้เหมือนเคยค่ะ แต่จะเกี่ยวกับคุณแม่หรือเจ้าตัวน้อยคนไหนนั้น ต้องติดตามกันให้ดีนะคะ

 

อ่านบทความสำหรับแม่และเด็กอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ >> story.motherhood.co.th

มองหาสินค้าสำหรับแม่และเด็กในราคาสุดพิเศษได้เลยที่ >> Motherhood.co.th