9 วิธี พิชิตปัญหา “คนท้องปวดหลัง”
หากคุณไปพบนักกายภาพบำบัดหรือไปที่ร้านนวด คุณจะพบกับบรรดาแม่ ๆ ที่ประสบปัญหา “คนท้องปวดหลัง” อยู่ไม่น้อย นั่นเป็นเพราะฮอร์โมนทำให้เส้นเอ็นหย่อนตัว น้ำหนักเพิ่มขึ้น และศูนย์ถ่วงของร่างกายเปลี่ยนไป ซึ่งอาการเหล่านี้ได้ทำให้หญิงตั้งครรภ์กว่า 2 ล้านคนในแต่ละปีต้องโอดโอยกับอาการปวดหลังที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเดือนที่ 5 และ 7 ของการตั้งครรภ์ และหากคุณเป็นหนึ่งในจำนวนหญิงตั้งครรภ์ที่กำลังทรมานกับอาการปวดหัลง ลองใช้หนึ่งในวิธีเหล่านี้เพื่อบรรเทาอาการปวดของคุณสิคะ
เมื่อมดลูกของคุณ ที่ตามปกติแล้วจะอยู่ในอุ้งเชิงกราน ได้เคลื่อนตัวขึ้นไปยังช่องท้องของคุณ ทำให้เกิดอาการตึงที่ส่วนกลางและส่วนล่างของหลัง กระดูกสันหลังของคุณจึงเคลื่อน เป็นผลให้การวางท่าทางของคุณติดขัด และบีบอัดกระดูกสันหลังส่วนล่างจนเหมือนสปริงของเล่นที่โดนบีบ
แต่คุณสามารถเริ่มทำในสิ่งที่ดีกว่าเพื่อตัวคุณได้ในตอนนี้ แม้ว่าโดยทั่วไปการใช้ยาจะเป็นวิธีการรักษา แต่มีวิธีการรักษามากมายที่แพทย์ ดูลา และผู้ปฏิบัติงานด้านสุขภาพแบบองค์รวม (Holistic) แนะนำให้ใช้เพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดหลัง นี่คือวิธีการบางส่วนที่คุณสามารถทดลองเพื่อให้ร่างกายของคุณสบายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในขณะที่คุณกำลังทำงานชิ้นสำคัญ นั่นก็คืออุ้มท้องเจ้าตัวน้อย
1. โยคะคนท้อง
โยคะเป็นการเคลื่อนไหวที่ผสมผสานทั้งความแข็งแรงและความยืดหยุ่นที่มีรากฐานมาจากอินเดียโบราณ มันเป็นหนึ่งในเทคนิคที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในการบรรเทาอาการปวดเมื่อย และโยคะก่อนคลอดเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ สำหรับสตรีมีครรภ์ที่มีกล้ามเนื้อหลัง ข้อต่อ และเส้นประสาท ได้รับความเจ็บปวดจากการที่น้ำหนักเพิ่มขึ้นระหว่างการตั้งครรภ์ โยคะคนท้องสามารถช่วยปรับปรุงท่าทางและปรับร่างกายให้พร้อมสำหรับกระบวนการคลอด โยคะก่อนคลอดยังช่วยฝึกฝนให้รับมือกับความเครียดทางอารมณ์ด้วยการฝึกหายใจลึก ๆ ที่สามารถเสริมสร้างพลังให้คุณได้ นอกจากนี้การฝึกโยคะสามารถช่วยให้คุณนอนหลับได้ดีขึ้นและผ่อนคลายจิตใจรวมทั้งกล้ามเนื้อของคุณ ท่ามกลางฮอร์โมนและอารมณ์ที่เปลี่ยนไป โยคะก็ให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงพลังงาน (Grounding) และการกำหนดสมาธิ
2. การฝังเข็ม
การฝังเข็มเป็นเทคนิคทางการแพทย์จากฝั่งเอเชียตะวันออก ซึ่งจะเป็นการใช้เข็มที่ละเอียดมากแทรกเข้าไปในผิวเพื่อทำการกดจุดในร่างกายที่สอดคล้องกับการทำงานระบบต่าง ๆ ของสุขภาพร่างกายและอารมณ์ การฝังเข็มจะขจัดสิ่งอุดตันใด ๆ ที่รบกวนการไหลเวียนของพลังงานของร่างกายที่เรียกว่าชี่ (Qi) การกระตุ้นจุดฝังเข็มไม่ว่าจะเป็นการสอดเข็มหรือการกดจุด (เทคนิคที่แพทย์ใช้นิ้วแทนเข็ม) สามารถช่วยปรับปรุงการย่อยอาหาร เพิ่มระดับพลังงานของคุณ และบรรเทาอาการแพ้ท้อง ปวดหัวไมเกรน และปวดหลัง การศึกษาได้แสดงความสัมพันธ์เชิงบวกโดยตรงระหว่างการฝังเข็มและการบรรเทาอาการปวดหลังระหว่างตั้งครรภ์ ผู้หญิงหลายคนได้ประจักษ์ถึงประสิทธิภาพของมัน แต่การฝังเข็มจะต้องดำเนินการอย่างถูกต้องเพื่อป้องกันผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ เช่นคลื่นไส้ ปวดศีรษะ และการได้รับการกระตุ้นมากเกินไปจนส่งผลให้เจ็บครรภ์คลอด ควรปรึกษากับแพทย์ของคุณก่อนเพื่อให้แน่ใจว่าการฝังเข็มเหมาะสมกับคุณจากนั้นหานักบำบัดที่ผ่านการรับรองซึ่งมีประสบการณ์การทำงานกับหญิงตั้งครรภ์
3. นวดบำบัดคนท้อง
นักนวดบำบัดสำหรับคนท้องที่ผ่านการรับรองสามารถช่วยคุณบรรเทาอาการปวดหลังเฉียบพลันของคุณได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันเป็นผลมาจากการที่กล้ามเนื้อตึงตัวจนระคายเคืองประสาท (โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นเส้นประสาทไซอาติกที่ก้นและขา) และส่งสัญญาณความเจ็บปวดไปยังสมอง การวิจัยแสดงให้เห็นว่านอกเหนือจากการบรรเทาอาการปวด การนวดบำบัดเป็นประจำจะช่วยบรรเทาอาการซึมเศร้าและความวิตกกังวลในการตั้งครรภ์ได้ด้วย การนวดสวีดิชเป็นวิธีการนวดที่แนะนำให้ใช้มากที่สุด เนื่องจากเป็นการนวดแบบอ่อนโยนและผ่อนคลาย เพราะมีการใช้สโตรกที่ยาวและนุ่มนวล ซึ่งจะไม่ทำให้เกิดแรงกดลงบริเวณข้อต่อหรือรีดให้ของเหลวไหลผ่านร่างกายในทางที่ไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพ หญิงตั้งครรภ์ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเพื่อให้แน่ใจว่าการนวดบำบัดคนท้องมีความปลอดภัย และจากนั้นต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าเลือกนักบำบัดที่ได้รับการรับรอง
4. ไคโรแพรกติค
คุณอาจจะเชื่อมโยงศาสตร์ไคโรแพรกติคเข้ากับการดึงข้อต่อกรึ๊บกรั๊บ แท้จริงแล้วการบำบัดด้วยวิธีนี้มีการใช้เทคนิคที่หลากหลายเพื่อบรรเทาอาการปวดหลัง และผู้หญิงตั้งครรภ์หลายคนพบการผ่อนคลายถึงขีดสุดหากได้รับการบำบัดจากผู้เชี่ยวชาญตัวจริง นักบำบัดจะใช้เครื่องมือที่ปรับข้อต่อ (ทำให้เกิดเสียงดัง) มีการนวดคลายกล้ามเนื้อ รวมไปถึงสั่งให้มีการออกกำลังกายเพื่อป้องกันไม่ให้หญิงตั้งครรภ์รู้สึกว่ากล้ามเนื้อมีการตึงตัว การกดทับเส้นประสาท และข้อต่อที่เคลื่อนผิดที่ ดั้งนั้น ประสบการณ์ของนักบำบัดจึงเป็นหัวใจสำคัญ อาการปวดหลังของหญิงตั้งครรภ์นั้นเป็นสิ่งที่จัดการได้ คุณไม่จำเป็นต้องทนทุกข์ทรมานกับมัน
5. การทำสมาธิ
ตกต่างจากโยคะหรือการนวด การทำสมาธิเป็นเทคนิคที่คุณสามารถเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลาโดยไม่จำเป็นต้องนัดหมายกับใคร มีหลายวิธีในการฝึกทำสมาธิ หนึ่งคือเพียงแค่นั่งหรือนอนในที่เงียบสงบ และโฟกัสกับการหายใจอย่างมีสติ หายใจเข้าและหายใจออกลึก ๆ คุณสามารถนั่งสมาธิภายใต้ความเงียบงันหรือฟังเพลงที่ให้ความรู้สึกสงบเงียบ การทำสมาธิแสดงให้เห็นถึงการกระตุ้นการตอบสนองทางชีวภาพ ซึ่งเป็นการกระตุ้นสมองให้ควบคุมการปลดปล่อยฮอร์โมนความเครียด เมื่อเราตรวจจับและควบคุมความเครียดได้ ผลกระทบที่เป็นพิษของมันอย่างเช่น ความดันโลหิตสูง ความตีงเครียดของกล้ามเนื้อ ก็จะลดลง เมื่อนั่งสมาธิเป็นประจำ คุณจะสามารถเพิ่มระดับความอดทนต่อความเจ็บปวดของคุณได้ ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ทั้งในการจัดการกับอาการปวดหลังและการรับมือกับความเจ็บปวดจากการคลอด
6. การว่ายน้ำ
การว่ายน้ำเป็นหนึ่งในการออกกำลังกายที่แนะนำมากที่สุดสำหรับหญิงตั้งครรภ์เพราะมันช่วยลดความกดดันที่กระดูกสันหลัง เมื่อคุณลอยอยู่ในน้ำ แรงโน้มถ่วงจะไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกายของคุณและทำให้คุณไม่มีน้ำหนักในน้ำ การวัดมือขึ้นลงในสระน้ำจะช่วยคลายกระดูกสันหลัง และช่วยโทนกล้ามเนื้อแขน ขา และกล้ามเนื้อหลัง รวมไปถึงแกนกลางลำตัว ในขณะที่คุณสัมผัสกับการเคลื่อนไหวทั้งตัว สูดหายใจเข้าลึก ๆ และเต็มที่เพื่อช่วยในการลอยตัว การหายใจลึก ๆ จะช่วยให้คุณผ่อนคลายอารมณ์และร่างกาย รักษาความชุ่มชื่นของร่างกายอยู่เสมอในขณะที่ว่ายน้ำ และหยุดทันทีถ้าคุณรู้สึกเวียนหัวหรือมึนหัว หากคุณมีการตั้งครรภ์ที่มีความเสี่ยงสูงควรปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะไปว่ายน้ำ
7. คาดเข็มขัดพยุงครรภ์
เข็มขัดพยุงครรภ์ที่คุณสามารถหาซื้อออนไลน์ได้ง่าย ๆ เป็นชุดสำหรับใส่อยู่ชั้นในที่ช่วยพยุงหน้าท้องเพื่อโอบอุ้มอุ้งเชิงกรานและหลังส่วนล่างไม่ตึงเกินไป หากท้องของคุณยื่นออกมาข้างหน้าอย่างเห็นได้ชัด แทนที่จะทำให้น้ำหนักของคุณกระจายไปทั่วกลางท้อง เข็มขัดจะทำหน้าที่แทนกล้ามเนื้อแกนกลางท้องของคุณ ซึ่งสามารถป้องกันไม่ให้กระดูกสันหลังส่วนล่างของคุณเจ็บปวด โดยทั่วไปแพทย์แนะนำให้ผู้หญิงลองใช้เข็มขัดพยุงครรภ์และให้ใช้ต่อไปหากมันช่วยได้จริง แต่ว่าการใช้เข็มขัดประเภทนี้เป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งของการเยียวยาประเภทอื่น ๆ มากกว่าที่จะเป็นการรักษาอาการปวดหลังในการตั้งครรภ์เพียงอย่างเดียว
8. สวมใส่รองเท้าที่เหมาะสม
คุณอาจจะเป็นเจ้าแม่แฟชั่นที่ได้รับคำชมสม่ำเสมอถึงสไตล์แฟชั่นระหว่างตั้งครรภ์ของคุณ แต่ถ้าคุณยังคงใส่รองเท้าส้นสูง มันก็ไม่ได้ส่งผลดีกับหลังของคุณเท่าไหร่นัก รองเท้าส้นสูงช่วยเพิ่มความโค้งของหลังและสร้างแรงกดดัน ซึ่งเท่ากับคุณผลักดันน้ำหนักการตั้งครรภ์ของคุณไปยังข้อต่อกระดูกสันหลังและสะโพกของคุณโดยตรง คุณอาจสูญเสียความสมดุล น้ำหนักของคุณเปลี่ยนไปเมื่อระยะครรภ์เพิ่มมากขึ้น และศูนย์ถ่วงของการทรงตัวก็เปลี่ยนตาม และรองเท้าส้นสูงจะยิ่งทำให้คุณมั่นคงน้อยลงไปอีก
แต่การเดินบนรองเท้าส้นแบนก็ไม่ใช่คำตอบเดียวที่ถูกต้อง เพราะมันไม่ได้ช่วยรองรับเท้าของคุณที่มีแนวโน้มจะบานออกเพราะฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงในช่วงตั้งครรภ์เลย ตำแหน่งเท้าที่แย่สามารถแสดงให้เห็นว่ามีความไม่สมดุลเกิดขึ้น และมันจะนำมาซึ่งความเจ็บปวดตั้งแต่ขาไปจนถึงหลัง เพื่อให้ได้การรองรับที่ดีที่สุดและเพื่อลดแรงกดดันมากที่สุด ควรเลือกรองเท้าส้นเตี้ยที่สวมใส่สบายด้วยการรองรับส่วนโค้งในตัว รองเท้าส้นเตี้ยที่มีความสูงแค่เพียงเล็กน้อยจะช่วยกระจายน้ำหนักที่ขาของคุณในรูปแบบที่มั่นคงมากขึ้นและรองรับหลังได้ดี
9. ทดลองเล่นกับอุณหภูมิ
รู้สึกถึงความผ่อนคลายจากอาการปวดเมื่อยได้ง่าย ๆ ด้วยเคล็ดลับจากนักบำบัด
น้ำแข็ง: สำหรับอาการปวดหลังเฉียบพลัน (ใน 48-72 ชั่วโมงแรก) ให้ใช้แผ่นน้ำแข็งห่อผ้าเช็ดตัวเป็นเวลา 15 นาทีเพื่อบรรเทาอาการบวมที่ส่งสัญญาณความเจ็บปวดช้า ๆ ไปยังสมอง หรือจะใช้ถุงผักแช่แข็งก็ใช้ได้เช่นกัน
ประคบร้อน: เพื่อช่วยเยียวยาอาการที่เกิดจากการปวดแบบเฉียบพลัน ให้ใช้ความร้อนเพื่อเพิ่มการไหลเวียนและลดอาการปวดเมื่อย ใส่ข้าวสาร 2 ถ้วยลงในถุงเท้าผ้าฝ้าย ขมวดปมด้านปลายเปิดไว้และนำเข้าไมโครเวฟเป็นเวลา 1 นาที จากนั้นนำไปประคบลงบริเวณที่มีอาการประมาณ 15 นาที
คงไม่ดีแน่หากจะปล่อยให้อาการปวดหลังยังคงลุกลามอยู่เรื่อยไปในขณะตั้งครรภ์นะคะ ขอให้เลือกวิธีบรรเทาอาการที่คุณสนใจมาทดลองทำดูก่อนสักระยะ เรารับประกันว่าคุณจะต้องดีขึ้นในเร็ววันแน่นอนค่ะ
อ่านบทความสำหรับแม่และเด็กอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ >> story.motherhood.co.th
มองหาสินค้าสำหรับแม่และเด็กในราคาสุดพิเศษได้เลยที่ >> Motherhood.co.th