Thailand Only! “ฉีดวัคซีนแบบผสมสูตร” WHO ท้วงแล้วว่าอันตราย
จากการที่คณะกรรมการโรคติดต่อได้มีมติให้มีการ “ฉีดวัคซีนแบบผสมสูตร” เพื่อป้องกันโรคโควิด-19 โดยให้เหตุผว่าเป็นแนวทางที่เหมาะสมกับสถานการณ์ในไทยและมีผลการศึกษารองรับ แต่ทางหัวหน้าคณะนักวิทยาศาสตร์ประจำองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ออกมาเตือนถึงอันตรายจากการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แบบผสมสูตร
WHO ออกมาท้วงเรื่องการฉีดวัคซีนแบบผสมสูตร
ดร. ซุมยา สวามินาธาน หัวหน้าคณะนักวิทยาศาสตร์ประจำองค์การอนามัยโลกเตือนว่า การสร้างภูมิคุ้มกันโดยจับคู่วัคซีนจากผู้ผลิตที่แตกต่างหลากหลายรายมาผสมกัน ซึ่งหลายประเทศกำลังดำเนินการอยู่นั้นถือเป็นแนวโน้มที่อันตราย เพราะยังมีข้อมูลการวิจัยว่าด้วยการฉีดวัคซีนแบบผสมสูตรอยู่น้อยมาก จนไม่อาจจะทราบได้ว่าจะมีผลข้างเคียงอย่างไรบ้าง
“การจับคู่ผสมวัคซีนต่างชนิดเข้าด้วยกันเป็นกระแสความนิยมที่ค่อนข้างเสี่ยง เรายังอยู่ในขั้นที่ปราศจากข้อมูลหลักฐานใด ๆ ที่จะมาสนับสนุนเรื่องนี้ สถานการณ์ในอนาคตอาจตกอยู่ในความปั่นป่วนได้ หากประชาชนเริ่มตัดสินใจกันเองว่าจะฉีดวัคซีนเข็มที่สอง สาม สี่ หรือไม่ อย่างไร และจะฉีดเมื่อใดแน่” ดร. ซุมยากล่าว
องค์การอนามัยโลกออกมาแถลงเตือนดังข้างต้น หลังจากที่คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติของไทยมีมติเห็นชอบให้ฉีดวัคซีนต่างชนิดร่วมกันได้ โดยผู้ได้รับวัคซีนซิโนแวคเข็มที่ 1 ให้ฉีดเข็มที่ 2 เป็นแอสตร้าเซนเนก้า โดยฉีดเว้นระยะห่างกัน 3-4 สัปดาห์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนากลายพันธุ์สายพันธุ์เดลตา
นอกจากนี้ คณะกรรมการโรคติดต่อฯ ยังมีมติรับทราบเรื่องการฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกันหรือบูสเตอร์โดสสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า โดยกระตุ้นภูมิจะเป็นวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าซึ่งเป็นชนิดไวรัลเวกเตอร์เป็นหลัก เนื่องจากบุคลากรทางการแพทย์ส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนชนิดเชื้อตายของซิโนแวค ซึ่งผู้เชี่ยวชาญไทยพบว่าการให้วัคซีนคนละชนิดกันจะมีผลดีต่อการสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกายเพื่อป้องกันโรคโควิด-19 เพิ่มมากขึ้น
ต่อมา ดร. ซุมยาได้ทวีตข้อความอธิบายความเห็นของเธอเพิ่มเติมเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนผสมสูตรว่า หากเป็นการตัดสินใจของหน่วยงานด้านสาธารณสุขที่อยู่บนพื้นฐานข้อมูลก็เป็นสิ่งที่กระทำได้
“ประชาชนไม่ควรตัดสินใจเองในเรื่องนี้ แต่ควรเป็นการตัดสินใจของหน่วยงานด้านสาธารณสุขของรัฐที่อยู่บนพื้นฐานของข้อมูลที่มีอยู่” ดร. ซุมยาทวีต “เรายังต้องรอผลการศึกษาเกี่ยวกับการให้วัคซีนผสมสูตร ทั้งข้อมูลในส่วนของภูมิคุ้มกันและความปลอดภัยเป็นสิ่งที่ต้องประเมิน”
ดร. ซุมยา หัวหน้าคณะนักวิทยาศาสตร์ขององค์การอนามัยโลกยังกล่าวเสริมอีกว่า ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานยืนยันถึงความจำเป็นของการฉีดวัคซีนเข็มที่สาม หากได้รับวัคซีนครบโดสพื้นฐานไปเรียบร้อยแล้ว แต่ดร. ซุมยาก็ไม่ได้ปฏิเสธถึงความเป็นไปได้ที่อาจต้องฉีดวัคซีนเข็มที่สามกันในอนาคต
ไทยจะทำอย่างไรต่อ ?
ปัจจุบันวัคซีนโควิดที่ประเทศไทยใช้มี 2 ชนิดคือวัคซีนเชื้อตาย ได้แก่ วัคซีนของซิโนแวคและซิโนฟาร์ม และวัคซีนไวรัลเวกเตอร์ ได้แก่ วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า
หลังจากที่กระทรวงสาธารณสุขอนุญาตให้เริ่มฉีดวัคซีนสูตรนี้ ก็มีผู้เชี่ยวชาญบางส่วนออกมาแสดงความเห็น โดยหนึ่งในนั้นคือ แพทย์จากจุฬาฯ ที่บอกว่า การฉีดด้วยสูตรนี้ไม่ต่างอะไรกับการฉีดแอสตร้าเซนเนก้าเพียงเข็มเดียว เพราะซิโนแวคต้องฉีด 2 เข็ม จึงจะได้ผล
ขณะที่ ศ.นพ.มานพ พิทักษ์ภากร หัวหน้าศูนย์วิจัยการแพทย์แม่นยำ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า การฉีดวัคซีนตามสูตร เข็มที่ 1 ซิโนแวค – เข็มที่ 2 แอสตร้าเซนเนก้า สร้างระดับภูมิคุ้มกัน Neutralizating antibody (NAb) ได้สูงกว่าการฉีดซิโนแวค 2 เข็ม แต่ก็ยังน้อยกว่าการฉีดแอสตร้าเซนเนก้า 2 เข็ม
อย่างไรก็ตาม หมอมานพกล่าวว่า มาตรการนี้ควรเป็นมาตรการระยะสั้นในช่วงที่ปริมาณวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าไม่เพียงพอเท่านั้น ควรหยุดสั่งซื้อซิโนแวคเพิ่มและหันไปจัดหาวัคซีนชนิด mRNA หรือวัคซีนชนิดอื่นที่มีประสิทธิภาพสูงกว่ามาเป็นวัคซีนตัวหลัก จะเป็นการแก้ไขปัญหาอย่างเหมาะสมกว่า
อ่านบทความสำหรับแม่และเด็กอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ >> story.motherhood.co.th
มองหาสินค้าสำหรับแม่และเด็กในราคาสุดพิเศษได้เลยที่ >> Motherhood.co.th