Site icon Motherhood.co.th Blog

ทำยังไงดี ? “ลูกถูกสุนัขกัด”

เมื่อลูกถูกสุนัขกัด

ถ้าลูกถูกสุนัขกัด พ่อแม่ต้องทำอย่างไร ?

ทำยังไงดี ? “ลูกถูกสุนัขกัด”

ถึงตอนนี้จะไม่ใช่หน้าร้อน แต่คุณก็ยังต้องระวังโรคพิษสุนัขบ้าอยู่ดีนะคะ หาก “ลูกถูกสุนัขกัด” พ่อแม่จะทำอย่างไรได้บ้าง ? ต้องรีบพาไปโรงพยาบาลหรือไม่ ? แล้วจะต้องจัดการอย่างไรกับสุนัขที่มากัดลูกเรา สังเกตอาการของมันอย่างไรให้แน่ใจว่าเป็นสุนัขที่ปลอดภัย ไม่ใช่สุนัขที่อาจมีโรคอยู่ วันนี้เรามีคำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องนี้มาฝากกันค่ะ

โรคพิษสุนัขบ้าคืออะไร ?

โรคพิษสุนัขบ้าเป็นโรคร้ายแรงที่เกิดจากไวรัส มันส่งผลต่อเส้นประสาทและสมอง ไวรัสมักติดต่อโดยการกัดจากสัตว์ที่ติดเชื้อ โรคพิษสุนัขบ้าสามารถป้องกันได้หากผู้ถูกกัดได้รับการรักษาอย่างรวดเร็ว หากผู้ถูกกัดไม่ได้รับการรักษาและอาการของโรคเริ่มพัฒนาขึ้น ผู้ป่วยจะเสียชีวิตได้เกือบทุกครั้ง

อะไรคือสัญญาณและอาการของโรคพิษสุนัขบ้า ?

อาการแรกของโรคพิษสุนัขบ้าสามารถเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ 2-3 วันจนถึงมากกว่า 1 ปีหลังจากการถูกกัด ช่วงแรกจะรู้สึกเสียวซ่า แสบ หรือคันบริเวณที่ถูกกัด ผู้ถูกกัดอาจมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ เช่น มีไข้ ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ เบื่ออาหาร คลื่นไส้ และเหนื่อยล้า

หลังจากผ่านไป 2-3 วัน อาการทางระบบประสาทจะเกิดขึ้น ได้แก่

คนที่เป็นโรคพิษสุนัขบ้าสามารถผลิตน้ำลายได้มาก และการที่กล้ามเนื้อในลำคอกระตุกอาจทำให้กลืนลำบาก สิ่งนี้ทำให้เกิดเอฟเฟกต์ ‘ฟองที่ปาก’ ที่เกี่ยวข้องกับการติดเชื้อพิษสุนัขบ้า นอกจากนี้ยังนำไปสู่ความกลัวที่จะสำลักหรืออาการที่ดูเหมือน ‘กลัวน้ำ’ ซึ่งเป็นสัญญาณที่รู้จักกันดีอีกประการหนึ่งสำหรับโรคพิษสุนัขบ้า

เชื้อไวรัสจะอยู่ในน้ำลายของสัตว์ที่ติดเชื้อ

อะไรเป็นสาเหตุของโรคพิษสุนัขบ้า ?

โรคพิษสุนัขบ้าเกิดจากไวรัสพิษสุนัขบ้า สัตว์ที่ติดเชื้อจะมีไวรัสอยู่ในน้ำลาย ไวรัสเข้าสู่ร่างกายทางผิวหนังหรือตา จมูก ปาก และเดินทางผ่านเส้นประสาทไปยังสมอง มันสามารถเพิ่มทวีคูณและทำให้เกิดการอักเสบและความเสียหาย

โรคพิษสุนัขบ้าติดต่อได้หรือไม่ ?

โรคพิษสุนัขบ้าไม่ติดต่อจากคนสู่คน ไวรัสมักแพร่กระจายผ่านการกัดจากสัตว์ที่ติดเชื้อ แต่ก็สามารถแพร่กระจายได้เช่นกัน หากน้ำลายของสัตว์เข้าตา จมูก ปาก หรือแผลเปิดของบุคคลโดยตรง เช่น รอยขีดข่วนหรือรอยถลอก

การวินิจฉัยโรคพิษสุนัขบ้าทำอย่างไร ?

ไม่มีทางรู้ได้ทันทีว่าสัตว์ที่มากัดนั้นเป็นโรคพิษสุนัขบ้าหรือไม่ เมื่อบุคคลถูกกัดโดยหรือสัมผัสกับสัตว์ที่อาจป่วย แพทย์จะไม่รอการวินิจฉัย พวกเขาจะรักษาทันที การทดสอบในห้องปฏิบัติการสามารถตรวจหาการติดเชื้อได้ แต่ผลลัพธ์มักจะตามมาในภายหลังเมื่อเป็นโรค ซึ่งจะสายเกินไปที่จะรักษา

สามารถจับสัตว์ที่กัดมาทดสอบเพื่อดูว่าไวรัสอยู่ในสมองของมันหรือไม่ แต่จะต้องทำให้มันสลบไปเสียก่อน หากเป็นสัตว์เลี้ยงที่สุขภาพแข็งแรงดี เช่น สุนัขหรือแมว ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ดูสัตว์ดังกล่าวเป็นเวลา 10 วันเพื่อดูว่าป่วยหรือไม่ หากเป็นกระต่าย หนู หรือสัตว์ขนาดเล็กอื่น ๆ ที่ปกติไม่แพร่กระจายโรคพิษสุนัขบ้า แพทย์สามารถตรวจสอบกับหน่วยงานสาธารณสุขท้องถิ่นเพื่อตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไป

ดูอาการสัตว์เองได้ หากเป็นสัตว์เลี้ยงในบ้านและฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้าประจำ

หากลูกถูกสุนัขกัดต้องทำอย่างไร ?

1. ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่บ้าน โดยรีบล้างแผลทันทีด้วยน้ำสะอาด จากนั้นฟอกสบู่ แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดให้มากที่สุด จากนั้นจึงเช็ดแผลด้วยแอลกอฮอล์หรือน้ำยาโพวิโดนไอโอดีน

2. หากสัตว์ที่กัดเป็นสุนัขหรือแมวที่เลี้ยงเองอย่างดี ไม่ไปคลุกคลีกับสัตว์อื่นนอกบ้าน รับการฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้าเป็นประจำ และเป็นการกัดที่มีมูลเหตุจูงใจจัดเจน เช่น เด็กไปแกล้งดึงหางหรือยั่วโมโห โดยไม่มีอาการผิดปกติเหมือนติดเชื้อโรคพิษสุนัขบ้า ก็สามารถเฝ้าสังเกตอาการเป็นเวลา 10 วันได้เลย

3. หากไม่แน่ใจว่าสัตว์ที่กัดอาจเป็นโรคพิษสุนัขบ้าหรือไม่ หรือถูกสุนัขจรจัดกัด ก็ให้รีบพาไปพบแพทย์เพื่อฉีดวีคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าภายในวันนั้นทันที

4. ควรไปพบแพทย์เพื่อพิจารณาการฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยัก ซึ่งจะพิจารณากันตามลักษณะของแผลร่วมกับประวัติการได้รับวัคซีนบาดทะยักในอดีต สำหรับเด็กที่เข้ารับวัคซีนบาดทะยักตามวัยอยู่แล้ว อาจไม่จำเป็นต้องฉีดซ้ำ แนะนำให้พกสมุดคู่มือฉีดวัคซีนของลูกติดไปด้วย

5. แพทย์อาจสั่งให้รับประทานยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันการติดเชื้อจากแผล และให้ยาแก้ปวดตามอาการ

6. หากพบว่ามีอาการแผลบวม แดง ร้อน ปวดแผลมาก ชาแผล หรือคันรอบ ๆ แผล รวมทั้งมีไข้ ให้รีบไปพบแพทย์ เพราะเป็นสัญญาณว่าจะติดเชื้อ

ป้องกันการสัมผัสกับโรคพิษสุนัขบ้าได้อย่างไร ?

เพื่อลดโอกาสในการสัมผัสโรคพิษสุนัขบ้า คุณควรปฏิบัติดังนี้

หากเด็กสัมผัสค้างคาว แม้ไม่ถูกกัดก็ควรปรึกษาแพทย์

ควรรู้อะไรอีกบ้าง ?

 

อ่านบทความสำหรับแม่และเด็กอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ >> story.motherhood.co.th

มองหาสินค้าสำหรับแม่และเด็กในราคาสุดพิเศษได้เลยที่ >> Motherhood.co.th