Site icon Motherhood.co.th Blog

เชื้อราในช่องปาก โรคที่เป็นได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่

โรคเชื้อราในช่องปาก

เชื้อราในช่องปากหากไม่ดูแลให้ดีจะกลายเป็นปัญหาใหญ่

เชื้อราในช่องปาก โรคที่เป็นได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่

มีโรคภัยไข้เจ็บมากมายที่สามารถเป็นกันได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ซึ่งโรค “เชื้อราในช่องปาก” ก็เป็นอีกหนึ่งโรคที่ไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อคุณแม่เองหรือเจ้าตัวน้อยก็สามารถติดเชื้อมาได้ทั้งนั้น วันนี้เราจะมาทำความรู้จักโรคนี้ให้ดียิ่งขึ้น พร้อมทั้งวิธีป้องกันรักษาให้ลูกรักห่างไกลจากเชื้อราในปากกันค่ะ

เชื้อราในช่องปากคืออะไร ?

เชื้อราในปาก (Oral thrush) คืออาการติดเชื้อที่เกิดขึ้นภายในช่องปาก โดยเกิดจากเชื้อราแคนดิดา (Candida) ซึ่งเป็นผลมาจากอาการเจ็บป่วย ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ หรือการใช้ยาบางชนิดที่สามารถกระตุ้นให้เชื้อราชนิดนี้เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว เชื้อราในปากไม่ค่อยมีอันตรายและสามารถรักษาให้หายได้ด้วยการใช้ยาฆ่าเชื้อรา

เชื้อราในปากเกิดขึ้นได้กับทั้งเด็กและผู้ใหญ่

อาการของเชื้อราในปาก

แม้จะมีสาเหตุมาจากเชื้อราชนิดเดียวกัน แต่การแสดงออกของอาการเชื้อราในปากจะแตกต่างกันไปตามปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้

1. อาการในเด็กและผู้ใหญ่

ในเบื้องต้นผู้ป่วยอาจไม่ทราบว่าตัวเองเป็นเชื้อราในปาก ทั้งนี้การแสดงอาการอาจจะเกิดขึ้นทันทีหรือกินระยะเวลาหลายวัน หลายสัปดาห์ หรือหลายเดือน ถึงจะมีอาการให้เห็น โดยลักษณะอาการมีดังนี้

ในผู้ป่วยรายที่อาการรุนแรง คราบเชื้อราอาจแพร่กระจายลงไปถึงภายในหลอดอาหาร จนทำให้กลืนอาหารได้ลำบาก และจะรู้สึกเหมือนมีอะไรติดคออยู่ตลอดเวลา

2. อาการในทารกและแม่ที่ให้นมลูก

สำหรับทารกอาจเกิดเชื้อราขึ้นได้ในช่วง 3-4 สัปดาห์หลังคลอด (มักพบในทารกที่อายุต่ำกว่า 6 เดือน) เกิดขึ้นตามสมดุลทางธรรมชาติของร่างกาย มีปริมาณไม่มาก จึงไม่ก่อให้เกิดโรค แต่หากเชื้อรามีปริมาณมากและเป็นฝ้าขาวหนา จะทำให้ทารกที่ติดเชื้อราในช่องปากมีปัญหาเรื่องการดูดนม และมีอาการหงุดหงิดได้ง่าย นอกจากนี้ ยังอาจแพร่เชื้อไปยังแม่ผ่านทางการดูดนมแม่ได้อีกด้วย ทำให้แม่เกิดอาการติดเชื้อราที่บริเวณหัวนม และมีอาการดังต่อไปนี้

สาเหตุของเชื้อราในปาก

เชื้อราในปากมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อราแคนดิดา (Candida) ซึ่งโดยปกติแล้วระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะช่วยป้องกันการติดเชื้อราดังกล่าวได้ แต่ถ้าหากสมดุลของระบบภูมิคุ้มกันผิดปกติก็จะทำให้เชื้อราชนิดนี้เจริญเติบโตจนเกินการควบคุม และกลายเป็นอาการติดเชื้อรา

ยาพ่นหอบหืดก็อาจส่งผล

กลุ่มคนที่เสี่ยงต่อเชื้อราในปากคือ ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ อย่างเด็กทารกและเด็กเล็ก และผู้ที่มีประวัติการปลูกถ่ายอวัยวะ ส่วนสาเหตุที่ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันเกิดความผิดปกติ สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น

การวินิจฉัยเชื้อราในปาก

เชื้อราในปากสามารถสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่า ในเบื้องต้นหากผู้ป่วยสังเกตพบคราบขาวภายในช่องปาก ควรรีบไปพบแพทย์หรือทันตแพทย์เพื่อรับการตรวจอย่างละเอียด โดยแพทย์จะตรวจและนำตัวอย่างจากแผลไปตรวจกับห้องปฏิบัติการอีกครั้งเพื่อยืนยันผล แต่หากอาการเชื้อรานั้นแพร่กระจายลงไปในหลอดอาหาร อาจต้องทำการตรวจเพิ่มเติม เช่น

การรักษาเชื้อราในปาก

เชื้อราในปากรักษาให้หายได้ด้วยยารักษาเชื้อรา ซึ่งในปัจจุบันมีให้เลือกใช้หลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นยาเม็ด ยาอม หรือยาน้ำ โดยต้องใช้ติดต่อกันอย่างน้อยประมาณ 7-14 วัน จึงจะหายเป็นปกติ ซึ่งยาเหล่านี้มักเป็นยาที่ไม่มีผลข้างเคียงที่รุนแรง แต่ก็อาจพบอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องอืด ปวดท้อง หรือท้องเสียได้ ดังนั้นผู้ป่วยควรมีความระมัดระวังในการใช้ยา

หากเชื้อราในปากมีสาเหตุมาจากการใช้ยาปฏิชีวนะหรือยาสเตียรอยด์ ผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาทางแก้ไข โดยแพทย์อาจเปลี่ยนยาหรือปรับยาให้เหมาะสมมากขึ้น

ภาวะแทรกซ้อนของเชื้อราในปาก

ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นจากการเป็นเชื้อราในปากนั้นมีน้อยมาก โดยมักเกิดขึ้นได้ในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ภาวะแทรกซ้อนที่พบได้ เช่น

การป้องกันเชื้อราในปาก

ความสะอาดเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงการเกิดเชื้อราในปากได้ โดยวิธีที่จะช่วยให้ช่องปากสะอาดอยู่เสมอมีดังนี้

ทำความสะอาดปากและฟันลูกหลังกินนมทุกครั้ง

สำหรับทารก คุณแม่ควรดูแลทำความสะอาดช่องปากให้ลูกวันละ 1-2 ครั้ง ในช่วงเช้าและเย็น โดยเฉพาะหลังกินนมผสม ควรดื่มน้ำสะอาดตามทุกมื้อ หรือใช้ผ้าสะอาด ชุบน้ำอุ่นเช็ดในช่องปาก ส่วนอุปกรณ์ที่ใช้กับปากของลูก รวมถึงของเล่นก็ไม่ควรมองข้าม ต้องหมั่นทำความสะอาดเพื่อป้องกันเชื้อโรค

 

อ่านบทความสำหรับแม่และเด็กอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ >> story.motherhood.co.th

มองหาสินค้าสำหรับแม่และเด็กในราคาสุดพิเศษได้เลยที่ >> Motherhood.co.th