สิ่งที่ต้องรู้เกี่ยวกับ “การคลอดก่อนกำหนด”
ทราบไหมคะว่าสาเหตุอันดับต้น ๆ ที่ทารกแรกเกิดต้องเข้ารับการรักษาในหน่วยดูแลทารกแรกเกิดวิกฤตคือ “การคลอดก่อนกำหนด” นั่นเองค่ะ ซึ่งก็มีสาเหตุมาจากปัจจัยหลายประการด้วยกัน และเนื่องในวันนี้เป็นวันคลอดก่อนกำหนดโลก Motherhood เลยจะพาคุณเจาะลึกไปกับประเด็นนี้กันนะคะ
ภาพรวม
การคลอดก่อนกำหนดคือการคลอดที่เกิดขึ้นก่อน 3 สัปดาห์ก่อนวันครบกำหนดโดยประมาณของทารก กล่าวอีกนัยหนึ่ง การคลอดก่อนกำหนดเกิดขึ้นก่อนเริ่มสัปดาห์ที่ 37 ของการตั้งครรภ์
ทารกที่คลอดก่อนกำหนด โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่คลอดก่อนกำหนดนานมาก มักมีปัญหาทางการแพทย์ที่ซับซ้อน โดยปกติ ภาวะแทรกซ้อนของการคลอดก่อนกำหนดจะแตกต่างกันไป แต่ยิ่งลูกของคุณเกิดเร็วเท่าไหร่ความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนก็จะสูงขึ้น และมักต้องการการดูแลเป็นพิเศษ รวมทั้งต้องอยู่รักษาต่อในโรงพยาบาลนานกว่าปกติ
อาการ
ลูกน้อยของคุณอาจมีอาการของการคลอดก่อนกำหนดเพียงเล็กน้อย หรืออาจมีภาวะแทรกซ้อนที่ชัดเจนกว่านั้น ซึ่งสัญญาณของการคลอดก่อนกำหนดบางอย่าง ได้แก่
- ขนาดตัวเล็ก โดยที่มีศีรษะใหญ่เกินสัดส่วน
- รูปลักษณ์ที่คมชัดกว่า โค้งมนน้อยกว่าทารกที่ครบกำหนด เนื่องไม่ค่อยมีไขมันสะสม
- มีขนละเอียด (Lanugo) ปกคลุมร่างกายส่วนใหญ่
- อุณหภูมิร่างกายต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทันทีหลังคลอดในห้องคลอด เนื่องจากขาดไขมันสะสมในร่างกาย
- หายใจลำบากหรือหายใจติดขัด
- ขาดการตอบสนองในการดูดและกลืน ส่งผลให้การให้นมเป็นไปอย่างลำบาก
หากคุณคลอดลูกก่อนกำหนด ลูกน้อยของคุณอาจต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาลนานขึ้น ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าลูกน้อยของคุณต้องการการดูแลมากเพียงใด เขาหรือเธออาจเข้ารับการรักษาในหน่วยดูแลทารกแรกเกิดวิกฤต (NICU) แพทย์และทีมผู้เชี่ยวชาญที่มีการฝึกอบรมในการดูแลทารกคลอดก่อนกำหนดจะพร้อมช่วยเหลือในการดูแลลูกน้อยของคุณ
ลูกน้อยของคุณอาจต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติมในการป้อนนมและปรับตัวทันทีหลังคลอด ทีมดูแลสุขภาพของคุณสามารถช่วยให้คุณเข้าใจถึงความจำเป็นต่าง ๆ และแผนการดูแลลูกน้อยของคุณ
ปัจจัยเสี่ยง
บ่อยครั้งที่สาเหตุจำเพาะของการคลอดก่อนกำหนดอาจไม่ชัดเจนนัก อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยเสี่ยงที่ทราบกันดีของการคลอดก่อนกำหนด ได้แก่
- การคลอดก่อนกำหนดในครรภ์ก่อนหน้า
- การตั้งครรภ์แฝดสอง แฝดสาม หรือแฝดอื่น ๆ
- ช่วงเวลาระหว่างการตั้งครรภ์น้อยกว่า 6 เดือน
- ตั้งครรภ์ผ่านการปฏิสนธินอกร่างกาย
- ปัญหาเกี่ยวกับมดลูก ปากมดลูก หรือรก
- สูบบุหรี่หรือใช้ยาเสพติด
- การติดเชื้อบางชนิด โดยเฉพาะน้ำคร่ำและบริเวณอวัยวะเพศส่วนล่าง
- ภาวะเรื้อรังบางอย่าง เช่น ความดันโลหิตสูงและเบาหวาน
- มีน้ำหนักน้อยหรือน้ำหนักเกินก่อนตั้งครรภ์
- เหตุการณ์ในชีวิตที่ตึงเครียด เช่น การตายของคนที่คุณรักหรือความรุนแรงในครอบครัว
- การแท้งบุตรหลายครั้งหรือการทำแท้ง
- การบาดเจ็บทางร่างกายหรือจิตใจ
ด้วยเหตุผลที่ไม่ทราบสาเหตุ ผู้หญิงผิวดำมีแนวโน้มที่จะคลอดก่อนกำหนดมากกว่าผู้หญิงจากเชื้อชาติอื่น แต่การคลอดก่อนกำหนดสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน อันที่จริง ผู้หญิงจำนวนมากที่คลอดก่อนกำหนดไม่มีปัจจัยเสี่ยงที่จะทราบได้
ภาวะแทรกซ้อน
แม้ว่าทารกที่คลอดก่อนกำหนดจะไม่ได้มีอาการแทรกซ้อน แต่การเกิดเร็วเกินไปอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพในระยะสั้นและระยะยาวได้ โดยทั่วไป ยิ่งทารกเกิดเร็วเท่าใด ความเสี่ยงของการเกิดโรคแทรกซ้อนก็จะสูงขึ้น น้ำหนักแรกเกิดก็มีบทบาทสำคัญเช่นกัน
ปัญหาบางอย่างอาจเกิดขึ้นได้ตั้งแต่แรกเกิด ในขณะที่ปัญหาอื่นๆ อาจไม่เกิดขึ้นจนกระทั่งในเวลาต่อมา
ภาวะแทรกซ้อนระยะสั้น
ในสัปดาห์แรก ภาวะแทรกซ้อนของการคลอดก่อนกำหนดอาจรวมถึง
- ปัญหาการหายใจ ทารกที่คลอดก่อนกำหนดอาจมีปัญหาในการหายใจ เนื่องจากระบบทางเดินหายใจที่ยังไม่สมบูรณื หากปอดของทารกขาดสารลดแรงตึงผิว ซึ่งเป็นสารที่ช่วยให้ปอดขยายตัว เขาหรือเธออาจมีอาการหายใจลำบากเนื่องจากปอดไม่สามารถขยายและหดตัวได้ตามปกติ ทารกที่คลอดก่อนกำหนดอาจพัฒนาความผิดปกติของปอดที่เรียกว่าการเจริญผิดปกติ (Dysplasia) ของหลอดลม นอกจากนี้ ทารกคลอดก่อนกำหนดบางคนอาจมีอาการหยุดหายใจเป็นเวลานานหรือที่เรียกว่าภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
- ปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ ปัญหาหัวใจที่พบบ่อยที่สุดของทารกที่คลอดก่อนกำหนด ได้แก่ โรคหลอดเลือดหัวใจเกิน (Patent ductus arteriosus – PDA) ภาวะความดันต่ำ (Hypotension) PDA เป็นช่องเปิดระหว่างหลอดเลือดแดงใหญ่และหลอดเลือดแดงปอดที่ต่อเนื่องกัน แม้ว่าข้อบกพร่องของหัวใจนี้มักจะปิดตัวลงได้เอง หากไม่ได้รับการรักษา อาจทำให้เกิดเสียงฟู่หัวใจ หัวใจล้มเหลว และภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ส่วนความดันโลหิตต่ำอาจต้องมีการปรับเปลี่ยนของเหลวในเส้นเลือด ยา และบางครั้งต้องถ่ายเลือด
- ปัญหาสมอง ยิ่งทารกเกิดเร็วเท่าใด ความเสี่ยงที่จะมีเลือดออกในสมองยิ่งมากขึ้นเท่านั้น หรือที่เรียกว่าภาวะตกเลือดในสมอง อาการตกเลือดส่วนใหญ่ไม่รุนแรงและหายได้ในระยะสั้น แต่ทารกบางคนอาจมีเลือดออกในสมองมากขึ้นซึ่งทำให้ได้รับบาดเจ็บที่สมองอย่างถาวร
- ปัญหาการควบคุมอุณหภูมิ ทารกที่คลอดก่อนกำหนดจะสูญเสียความร้อนในร่างกายอย่างรวดเร็ว เพราะพวกเขาไม่มีไขมันสะสมในร่างกายเหมือนของทารกที่ครบกำหนด และพวกเขาไม่สามารถสร้างความร้อนได้มากพอที่จะต่อต้านสิ่งที่สูญเสียไปผ่านพื้นผิวของร่างกาย หากอุณหภูมิของร่างกายลดลงต่ำเกินไป อาจส่งผลให้อุณหภูมิของร่างกายแกนกลางต่ำผิดปกติ ภาวะนี้ในทารกที่คลอดก่อนกำหนดอาจนำไปสู่ปัญหาการหายใจและระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ นอกจากนี้ ทารกที่คลอดก่อนกำหนดอาจใช้พลังงานทั้งหมดที่ได้รับจากการให้อาหารเพียงเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมทารกที่คลอดก่อนกำหนดที่มีขนาดตัวเล็กต้องการความร้อนเพิ่มเติมจากตู้อบ จนกว่าจะมีขนาดใหญ่ขึ้นและสามารถรักษาอุณหภูมิของร่างกายได้เองโดยไม่ต้องรับความช่วยเหลือ
- ปัญหาทางเดินอาหาร ทารกที่คลอดก่อนกำหนดมีแนวโน้มที่จะมีระบบทางเดินอาหารที่ยังทำงานได้ไม่ดี ส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ลำไส้อักเสบเน่าตายในทารกแรกเกิด (NEC) ภาวะที่อาจร้ายแรงซึ่งอาจทำให้เซลล์เยื่อบุผนังลำไส้ได้รับบาดเจ็บ สามารถเกิดขึ้นได้ในทารกที่คลอดก่อนกำหนดหลังจากเริ่มให้อาหาร
- ปัญหาเลือด ทารกที่คลอดก่อนกำหนดมีความเสี่ยงต่อปัญหาเลือด เช่น โรคโลหิตจางและโรคดีซ่านในทารกแรกเกิด ภาวะโลหิตจางเป็นภาวะปกติที่ร่างกายมีเซลล์เม็ดเลือดแดงไม่เพียงพอ แม้ว่าทารกแรกเกิดทุกคนจะมีจำนวนเซลล์เม็ดเลือดแดงลดลงอย่างช้า ๆ ในช่วงเดือนแรกของชีวิต แต่การลดลงอาจมากขึ้นในทารกที่คลอดก่อนกำหนด ส่วนอาการดีซ่านในทารกแรกเกิดคือการเปลี่ยนสีของสีเหลืองในผิวหนังและดวงตาของทารก ที่เกิดขึ้นเนื่องจากเลือดของทารกมีบิลิรูบิน (Bilirubin) มากเกินไป
- ปัญหาการเผาผลาญ ทารกที่คลอดก่อนกำหนดมักมีปัญหากับการเผาผลาญอาหาร ทารกคลอดก่อนกำหนดบางคนอาจมีระดับน้ำตาลในเลือดต่ำอย่างผิดปกติ สิ่งนี้สามารถเกิดขึ้นได้เนื่องจากทารกที่คลอดก่อนกำหนดมักจะมีกลูโคสที่เก็บไว้น้อยกว่าทารกที่ครบกำหนด ทารกที่คลอดก่อนกำหนดยังมีปัญหาในการเปลี่ยนกลูโคสที่เก็บไว้ให้กลายเป็นกลูโคสในรูปแบบที่ใช้งานได้มากขึ้น
- ปัญหาระบบภูมิคุ้มกัน ระบบภูมิคุ้มกันที่ด้อยพัฒนา ซึ่งพบได้บ่อยในทารกที่คลอดก่อนกำหนด อาจนำไปสู่ความเสี่ยงที่จะติดเชื้อสูงขึ้น การติดเชื้อในทารกที่คลอดก่อนกำหนดสามารถแพร่กระจายไปยังกระแสเลือดได้อย่างรวดเร็ว
ภาวะแทรกซ้อนระยะยาว
ในระยะยาว การคลอดก่อนกำหนดอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนดังต่อไปนี้
- สมองพิการ คือความผิดปกติของการเคลื่อนไหว กล้ามเนื้อหรือท่าทางที่อาจเกิดจากการติดเชื้อ การไหลเวียนของเลือดไม่เพียงพอ หรือการบาดเจ็บของสมองที่กำลังพัฒนาของทารกแรกเกิด ทั้งในช่วงเริ่มต้นของการตั้งครรภ์หรือในขณะที่ทารกยังเด็ก
- การเรียนรู้ที่บกพร่อง ทารกที่คลอดก่อนกำหนดมักจะพัฒนาการช้ากว่าลูกที่ครบกำหนดในช่วงพัฒนาการต่าง ๆ เมื่อถึงวัยเรียน เด็กที่คลอดก่อนกำหนดอาจมีความบกพร่องทางการเรียนรู้มากกว่า
- ปัญหาการมองเห็น ทารกที่คลอดก่อนกำหนดอาจมีโรคจอประสาทตาผิดปกติในทารกเกิดก่อนกำหนด (Retinopathy of Prematurity) ซึ่งเป็นโรคที่เกิดขึ้นเมื่อหลอดเลือดบวมและโตมากเกินไปในชั้นเส้นประสาทที่ไวต่อแสงที่ด้านหลังตา (เรตินา) บางครั้งหลอดเลือดเรตินาที่ผิดปกติจะค่อย ๆ ทำให้เกิดแผลเป็นที่เรตินา เมื่อเรตินาถูกดึงออกไปจากตำแหน่งที่ควรจะเป็น ซึ่งเป็นภาวะที่หากตรวจไม่พบ อาจทำให้การมองเห็นบกพร่องและทำให้ตาบอดได้
- ปัญหาการได้ยิน ทารกที่คลอดก่อนกำหนดมีความเสี่ยงที่จะสูญเสียการได้ยินในระดับหนึ่งมากขึ้น ทารกทุกคนจะได้รับการตรวจการได้ยินก่อนกลับบ้าน
- ปัญหาทางทันตกรรม ทารกที่คลอดก่อนกำหนดที่ป่วยหนักมีความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาทางทันตกรรมเพิ่มขึ้น เช่น การงอกของฟันล่าช้า ฟันเปลี่ยนสี และการสบฟันที่ไม่เหมาะสม
- ปัญหาด้านพฤติกรรมและจิตใจ เด็กที่คลอดก่อนกำหนดอาจมีแนวโน้มที่จะมีปัญหาทางพฤติกรรมหรือจิตใจมากกว่าทารกครบกำหนด รวมถึงพัฒนาการล่าช้า
- ปัญหาสุขภาพเรื้อรัง ทารกที่คลอดก่อนกำหนดมีแนวโน้มที่จะมีปัญหาสุขภาพเรื้อรัง ซึ่งอาจต้องรับการรักษาในโรงพยาบาลมากกว่าทารกที่คลอดครบกำหนด การติดเชื้อ โรคหอบหืด และปัญหาการกินมีแนวโน้มที่จะพัฒนาหรือคงอยู่ ทารกที่คลอดก่อนกำหนดยังมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตอย่างกะทันหันของทารก (SIDS)
การป้องกัน
แม้ว่ามักไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของการคลอดก่อนกำหนด แต่ก็มีบางสิ่งที่สามารถทำได้เพื่อช่วยผู้หญิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีความเสี่ยงมาก เพื่อลดความเสี่ยงของการคลอดก่อนกำหนด ได้แก่
- อาหารเสริมโปรเจสเตอโรน ผู้หญิงที่มีประวัติการคลอดก่อนกำหนด ปากมดลูกสั้น หรือปัจจัยทั้งสองอย่าง อาจลดความเสี่ยงของการคลอดก่อนกำหนดด้วยการเสริมฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน
- การเย็บผูกปากมดลูก (Cervical Cerclage) เป็นขั้นตอนการผ่าตัดระหว่างตั้งครรภ์ในสตรีที่มีปากมดลูกสั้น หรือมีประวัติปากมดลูกสั้นจนส่งผลให้คลอดก่อนกำหนด ในระหว่างขั้นตอนนี้ ปากมดลูกจะถูกเย็บปิดด้วยไหมเย็บที่แข็งแรง รอยเย็บแผลถูกลบออกเมื่อถึงเวลาคลอดบุตร
ดังนั้น การวางแผนก่อนตั้งครรภ์และฝากครรภ์ในโรงพยาบาลที่มีหน่วยดูแลทารกแรกเกิดวิกฤติจึงเป็นสิ่งสำคัญมากนะคะ เพราะหากคุณแม่ต้องเผชิญกับภาวะคลอดก่อนกำหนด ลูกน้อยของคุณก็ได้รับการดูแลที่เหมาะสมนั่นเองค่ะ
อ่านบทความสำหรับแม่และเด็กอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ >> story.motherhood.co.th
มองหาสินค้าสำหรับแม่และเด็กในราคาสุดพิเศษได้เลยที่ >> Motherhood.co.thิ