15 วิธี เพื่อลูกรัก กินให้ถูกหลัก
หากคุณอยากให้ลูกรัก “กินให้ถูกหลัก” คุณต้องรีบอ่านบทความนี้ เพราะนักโภชนาการได้ให้คำแนะนำที่ผ่านการทดลองจากความเป็นจริง ในการให้ลูกกินผัก ดื่มนม รวมทั้งได้ทดลองอาหารใหม่ ๆ และเคล็ดลับการกินอาหารที่ดีอีกมากมาย นี่คือบทเรียนที่สำคัญจากนักโภชนาการ ซึ่งจะช่วยแนะนำให้ลูก ๆ ของคุณกินอาหารได้ดีขึ้น
1. จัดทำตารางเวลา
เด็ก ๆ ต้องกินอาหารทุก ๆ 3-4 ชั่วโมง อาหาร 3 มื้อ ของว่าง 2 อย่าง และน้ำอีกจำนวนมาก หากคุณวางแผนสำหรับสิ่งเหล่านี้ การกินอาหารของลูกคุณจะสมดุลมากขึ้น และเขาจะเหวี่ยงน้อยลงเพราะเขาจะไม่หิว ใส่เครื่องทำความเย็นไว้ในรถเมื่อคุณออกไปกับลูก ๆ และเก็บแครอท เพรทเซิล โยเกิร์ต และน้ำ เพื่อที่คุณกับลูกจะได้ไม่ต้องพึ่งอาหารจานด่วน
2. วางแผนมื้อเย็น
หากการคิดถึงเมนูเป็นรายสัปดาห์หรือการทำตารางอาหารเป็นเรื่องที่น่าวุ่นวายเกินไปสำหรับคุณ ให้เริ่มด้วยเมนูสำหรับ 2-3 วันต่อครั้ง อาหารเย็นที่ดีไม่จำเป็นต้องหรูหรา แต่ควรมีความสมดุล เช่น ข้าว พาสต้า หรือขนมปังธัญพืช ผลไม้หรือผัก และแหล่งโปรตีน เช่น เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ชีส หรือถั่ว
3. อย่าทำตัวเหมือนร้านตามสั่ง
การทำอาหารสำหรับเด็กชุดนึง และสำหรับผู้ใหญ่แยกอีกชุด จะเป็นการทำให้คุณเหนื่อยเกินไป ควรเตรียมอาหารหนึ่งมื้อสำหรับทุกคน และเสิร์ฟพร้อมกันทั้งครอบครัว เพื่อให้เด็ก ๆ สามารถเลือกสิ่งที่ต้องการได้ เด็ก ๆ มักจะเลียนแบบพฤติกรรมของพ่อแม่ ดังนั้น วันหนึ่งพวกเขาจะกินอาหารส่วนใหญ่ตามที่คุณเสิร์ฟ
4. สงบปากสงบคำ
ฟังดูเหมือนยาก พยายามอย่าแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสิ่งที่ลูกกินหรือปริมาณที่ลูกกิน เป็นกลางให้มากที่สุด จำไว้ว่าคุณได้ทำหน้าที่ของคุณในฐานะพ่อแม่ด้วยการเสิร์ฟอาหารที่สมดุล ลูก ๆ ของคุณต้องรับผิดชอบในการกินมัน หากคุณเล่นบทจอมบังคับโดยพูดว่า “กินผักซะ” ลูกของคุณมีแต่จะต่อต้านเท่านั้น
5. แนะนำอาหารใหม่อย่างช้า ๆ
เด็ก ๆ เป็นคนชอบกินอาหารโดยธรรมชาติ ให้บอกลูก ๆ ว่าบางครั้งตุ่มรับรสของพวกเขาก็ต้องทำความเคยชินกับรสชาติก่อนที่พวกเขาจะชอบรสชาติเหล่านั้น ก่อนที่พวกเขาจะคุ้นเคยกับอาหารบางชนิด หากคุณรู้สึกว่าลูกของคุณได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ หรือเจริญเติบโตล่าช้า ให้ปรึกษากับกุมารแพทย์ของลูกเกี่ยวกับประโยชน์ที่เป็นไปได้จากการเพิ่มอาหารเสริมลงตารางการกินของพวกเขา
6. จิ้มเลย
หากลูก ๆ ของคุณไม่กินผัก ให้เขาทดลองกินมันกับเครื่องปรุงรสและเครื่องจิ้มต่าง ๆ เสิร์ฟแครอทหั่นบาง ๆ กับน้ำสลัด ฮัมมุส ซอสมะเขือเทศ หรือน้ำสลัดที่ทำจากโยเกิร์ตก็เป็นตัวเลือกที่ดี
7. ทำให้ตอนเช้ามีความหมาย
ครอบครัวส่วนใหญ่ไม่ได้รับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์เพียงพอในแต่ละวัน และอาหารเช้าก็เป็นช่วงเวลาอันเหมาะสมที่จะเติมไฟเบอร์เข้าไป ให้มองหาซีเรียลที่มีไฟเบอร์สูงเพื่อการแก้ไขสถานการณ์อย่างรวดเร็ว หรือเลือกข้าวกล้องมาใช้แทนข้าวขาว
8. เพิ่มถั่วเหลือง
แม้ว่าลูก ๆ ของคุณจะไม่มีอาการแพ้นม แต่นมถั่วเหลืองในปริมาณที่พอเหมาะก็เป็นแหล่งของสารพฤกษเคมีที่ดีต่อสุขภาพ เด็กบางคนอาจจะไม่ชอบนมถั่วเหลือง แต่พวกเขามักไม่สังเกตว่ามันซ่อนอยู่ในสูตรอาหาร ลองใช้นมถั่วเหลืองน้ำตาลต่ำที่เสริมแคลเซียมเพื่อประกอบอาหารแทนนมปกติ
9. โรยน้ำตาล
ให้ลูกลองกินแครอทที่ปรุงแล้วพร้อมกับน้ำตาลทรายแดงเล็กน้อย หรือผสมรูทเบียร์เล็กน้อยลงในน้ำลูกพรุนเพื่อทำโซดารสลูกพรุน คุณอาจจะต้องลดน้ำตาลเมื่อพวกเขาโตขึ้น แต่อย่างน้อยในตอนนี้มันก็ทำให้พวกเขากินผักและผลไม้ได้
10. ให้เด็ก ๆ ทำอาหาร
หากเด็ก ๆ ของคุณมีส่วนร่วมในการเลือกหรือเตรียมอาหาร พวกเขาจะสนใจที่จะกินสิ่งที่พวกเขาสร้างขึ้น พาพวกเขาไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ต และให้พวกเขาเลือกวัตถุดิบให้คุณ หากลูก ๆ โตพอ ให้เขาหั่นผักแล้วผสมลงในสลัด แม้ว่าเด็กบางคนปฏิเสธที่จะกินผลไม้สด แต่คุณสามารถลองทำมัฟฟินกล้วยด้วยกันกับพวกเขา และเด็ก ๆ มักจะกินมันเมื่อทำเสร็จแล้ว
11. ลดอาหารขยะ
จำไว้ว่าเป็นตัวคุณ ไม่ใช่ตัวเด็ก ๆ ที่มีหน้าที่ดูแลอาหารทุกอย่างที่เข้ามาในบ้าน การมีอาหารขยะน้อยลงจะเป็นการบังคับให้ลูก ๆ กินผลไม้ ผัก เมล็ดธัญพืช และผลิตภัณฑ์จากนมมากขึ้น
12. อนุญาตให้กินขนม
การกินอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพมากนักเป็นครั้งคราวจำทำให้อาหารเหล่านี้ไม่กลายเป็นอาหารต้องห้าม ที่ยิ่งคุณห้ามก็เหมือนยิ่งยุ เราจัดหมวดหมู่ของลูกกวาด น้ำอัดลม คุกกี้ อยู่ในหมวดที่กินได้บางครั้ง โดยปกติคุณควรซื้อแต่ซีเรียลธัญพืชที่ดีต่อสุขภาพ แต่หากเขาไปเล่นที่บ้านเพื่อนก็อาจกินซีเรีบลเคลือบน้ำตาลได้บางครั้ง หรือเมื่อคุณออกเที่ยวในช่วงวันหยุด คุณก็สามารถพาพวกเขาไปทานอาหารกลางวันที่ McDonald’s ได้
13. มีความสุขเข้าไว้
ยิ่งอาหารมีความสร้างสรรค์มากเท่าไหร่ อาหารก็ยิ่งมีความหลากหลายมากขึ้นเท่านั้น อะไรก็ตามที่มีขนาดเล็กก็มักจะดึงดูดเด็ก ๆ ได้ดีเช่นกัน ลองใช้ที่ตัดคุกกี้เพื่อเปลี่ยนขนมปังให้เป็นรูปหัวใจและดวงดาว ซึ่งเด็ก ๆ ชอบอะไรแบบนี้มาก รวมทั้งการใช้ภาชนะที่น่ารักก็จะช่วยให้มื้ออาหารของเด็ก ๆ เป็นไปอย่างมีความสุขมากขึ้น
14. จงเป็นแบบอย่าง
หากคุณจำกัดการรับประทานอาหารอย่างต่อเนื่องหรือมีพฤติกรรมการกินที่ผิดปกติ ลูก ๆ ของคุณจะเติบโตขึ้นโดยคิดว่าพฤติกรรมแบบนี้เป็นเรื่องปกติ เชื่อมั่นในร่างกายของคุณที่มันบอกคุณเมื่อคุณหิวและเมื่อคุณอิ่ม แล้วลูก ๆ ของคุณก็จะเรียนรู้ที่จะทำเช่นเดียวกัน
15. ปรับทัศนคติ
ตระหนักว่าสิ่งที่ลูก ๆ กินคือสิ่งที่สำคัญ การมีป๊อปคอร์นระหว่างชมภาพยนตร์หรือการรับประทานไอศกรีมซันเดย์เป็นความสุขที่แท้จริงในชีวิต ตราบใดที่คุณปรับสมดุลเหล่านี้ด้วยการเลือกอาหารอย่างชาญฉลาด และไม่ลืมการออกกำลังกาย ลูก ๆ ของคุณก็จะสบายดี
อ่านบทความสำหรับแม่และเด็กอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ >> story.motherhood.co.th
มองหาสินค้าสำหรับแม่และเด็กในราคาสุดพิเศษได้เลยที่ >> Motherhood.co.th