นี่คือสิ่งที่ต้องรู้กับการมีลูกเป็น “คนเพศกำกวม”
อาจเป็นเรื่องน่ากลัวสำหรับพ่อแม่มือใหม่ที่จะได้ยินสิ่งที่ไม่คาดคิดจากแพทย์เมื่อลูกเกิด แต่ลักษณะทางเพศเกิดขึ้นตามธรรมชาติ และไม่ใช่โรคหรือภาวะที่ส่งผลต่อสุขภาพร่างกายของทารก
เมื่อทารกเกิดมา พวกเขาจะถูกกำหนดเพศทางชีววิทยา ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง โดยพิจารณาจากอวัยวะเพศของพวกเขา คุณอาจได้รู้ถึงเพศของทารกก่อนคลอดในลักษณะเดียวกัน ถ้าไม่มีอะไรโผล่มาที่ระหว่างขา ‘ยินดีด้วย คุณได้ลูกสาวจ้า’ แต่จริง ๆ แล้วมันอาจจะซับซ้อนกว่านั้นเล็กน้อย
บางครั้ง ทารกอาจมีอวัยวะเพศที่มีลักษณะเฉพาะของเพศชายและลักษณะเฉพาะของเพศหญิง และลึกกว่ารูปลักษณ์ภายนอก บางคนเกิดมาพร้อมกับลักษณะทางชีววิทยาของเพศชายและเพศหญิง (เช่น มดลูกและอัณฑะ) ที่ไม่สามารถมองเห็นได้จากภายนอก
เมื่อบุคคลไม่ตรงกับการกำหนดเพศ ‘ชาย’ หรือ ‘หญิง’ คำว่า ‘คนเพศกำกวม’ จึงถูกนำมาใช้ ซึ่งภาวะเพศกำกวมไม่ใช่เรื่องใหม่ ตอนนี้มันเป็นคำศัพท์ที่เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายมากขึ้น แม้ว่าผู้คนจำนวนมากจะยังไม่เข้าใจมันดีนักก็ตาม
แล้วคนเพศกำกวมมีลักษณะอย่างไร ?
นี่เป็นคำถามยอดนิยมอีกคำถามหนึ่งเลยใน Google แต่อาจไม่ใช่คำถามที่ถูกต้อง พึงระลึกไว้เสมอว่าคนเพศกำกวมนั้นอาจะเป็นหนึ่งในเพื่อนร่วมงาน เพื่อน เพื่อนบ้าน เพื่อนร่วมชั้นเรียน หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือคุณน่าจะมีปฏิสัมพันธ์กับคนเพศกำกวมโดยที่คุณไม่เคยรู้มาก่อน นั่นเป็นเพราะพวกเขาดูเหมือนคนอื่นที่คุณพบเจอ ประมาณ 1.7% ของประชากรอาจมีภาวะเพศกำกวม ซึ่งเป็นเรื่องปกติเหมือนกับที่บางคนเกิดมาพร้อมกับผมสีแดงหรือตาสีเขียว
จริงอยู่ ที่บางครั้งอวัยสะสืบพันธุ์ของทารกเพศกำกวมนั้นมีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด นี่คือความเป็นไปได้บางประการ:
- คลิตอริสที่ใหญ่เกินกว่าที่คาด
- องคชาตที่เล็กเกินกว่าที่คาด
- ไม่มีช่องคลอด
- องคชาตที่ไม่มีท่อปัสสาวะเปิดที่ส่วนปลาย (ช่องเปิดอาจอยู่ด้านล่างแทน)
- แคมที่ปิดหรือมีลักษณะคล้ายถุงอัณฑะ
- ที่ปิดหรือมีลักษณะคล้ายถุงอัณฑะคล้ายแคม
แต่อวัยวะเพศของทารกก็อาจดูเหมือนผู้ชายหรือผู้หญิงโดยสมบูรณ์ก็ได้ กล่าวอีกนัยหนึ่งพวกเขาอาจมีกายวิภาคอย่างผู้ชายอยู่ด้านนอก แต่มีกายวิภาคอย่างผู้หญิงอยู่ด้านในหรือในทางกลับกัน
อาจเป็นไปได้ว่าสถานะของเด็กที่เป็นคนเพศกำกวมนั้นไม่ชัดเจนจนกระทั่งเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ เมื่อร่างกายผลิตฮอร์โมนที่ไม่ตรงกับเพศที่กำหนดมากขึ้น หรือบางทีเหตุการณ์สำคัญบางอย่างที่คาดหวังว่าจะเกิดในวัยแรกรุ่น เช่น เสียงที่เข้มขึ้นหรือหน้าอกที่โตขึ้น – จะไม่เกิดขึ้น หรือสิ่งที่เกิดขึ้นอาจเป็นลักษณะเฉพาะของสิ่งที่คุณคิดว่าเป็นเพศที่ ‘ตรงกันข้าม’
ในกรณีเหล่านี้ บุคคลที่มีคุณลักษณะทางเพศชายมากกว่าตอนเป็นเด็กอาจดูเป็นผู้หญิงมากกว่าหลังวัยแรกรุ่น หรือคนที่ดูเป็นผู้หญิงเมื่อตอนเป็นเด็กอาจเริ่มดูเหมือนผู้ชายมากขึ้นเมื่อตอนเป็นวัยรุ่น
และในบางครั้ง คน ๆ หนึ่งอาจไม่ได้เรียนรู้ว่าตนเองมีลักษณะของคนเพศกำกวมจนกระทั่งในช่วงชีวิตต่อมา เช่น มีปัญหาในการมีบุตรและพบผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาคำตอบว่าเพราะเหตุใด (หมายเหตุ: ไม่ใช่ทุกคนที่มีลักษณะเพศกำกวมจะมีปัญหาเรื่องภาวะเจริญพันธุ์)
เป็นไปได้ที่จะมีลักษณะเพศกำกวมและไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ บุคคลนั้น ๆ ไม่ได้ ‘กลายเป็น’ คนเพศกำกวม มันเป็นสิ่งที่พวกเขาเกิดมาพร้อมกับมันไม่ว่าจะชัดเจนตั้งแต่แรกเกิดหรือไม่จนกระทั่งเริ่มแสดงให้เห็นชัดขึ้นในภายหลัง
อะไรเป็นสาเหตุให้ทารกมีลักษณะเพศกำกวม ?
คำว่า ‘เพศกำกวม’ ไม่ได้อธิบายสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยเฉพาะ ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว มันมีหลากหลายรูปแบบ — เป็นสเปกตรัม โดยปกติแล้วจะเกิดขึ้นตามธรรมชาติ หากคุณเป็นพ่อแม่มือใหม่ที่พยายามจะหาคำตอบให้ได้ ขอให้รู้ไว้ว่าไม่มีสิ่งใดที่คุณทำหรือไม่ได้ทำเพื่อ ‘ทำให้’ ลูกของคุณเป็นคนเพศกำกวม
ตัวอย่างเช่น คุณอาจได้เรียนรู้ในจากวิชาเพศศึกษาว่าเราเกิดมาพร้อมกับโครโมโซมเพศ โดยทั่วไป ผู้หญิงมีโครโมโซม X หนึ่งคู่ และผู้ชายมีโครโมโซม X และ Y อย่างละหนึ่งอัน
แต่คุณรู้หรือไม่ว่ามีรูปแบบอื่น ๆ อีก ? ตัวอย่างเช่น
- XXY หรือกลุ่มอาการไคลน์เฟลเตอร์ (Klinefelter syndrome)
- กลุ่มอาการ XYY
- Mosaicism หรือภาวะที่บางเซลล์มีโครโมโซมเกินมา และมีบางเซลล์ที่มีจำนวนโครโมโซมปกติ (เช่น บางเซลล์เป็น XXY และบางเซลล์เป็น XY)
ความผันแปรเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้แบบสุ่มและเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติในระหว่างการปฏิสนธิ บางครั้งเกิดจากเซลล์ไข่ และบางครั้งอาจเกิดจากเซลล์อสุจิ นอกจากนี้ยังสามารถเกิดขึ้นได้จากสาเหตุอื่น การแปรผันของโครโมโซมเหล่านี้บางครั้งส่งผลให้เกิดสิ่งที่อาจระบุว่าเป็นภาวะกำกวมทางเพศ
อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปแล้ว ทารกที่เกิดมาพร้อมกับลักษณะเพศกำกวมจะเข้าได้กับประเภท XX หรือ XY แต่ตอนนี้เรารู้แล้วว่าเพศทางชีววิทยานั้นซับซ้อนกว่าโครโมโซมของเรา
ตัวอย่างเช่น หากทารกเกิดมาพร้อมกับกายวิภาคของผู้หญิงที่ด้านนอกและกายวิภาคของผู้ชายด้านใน นี่ก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแบบสุ่มในช่วงเวลาของการปฏิสนธิเช่นกัน พวกเขาอาจมีโครโมโซม XX หรือ XY แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาเป็น ‘เด็กผู้หญิง’ หรือ ‘เด็กผู้ชาย’
‘การรักษา’ และสิ่งที่ต้องพิจารณา
ภาวะเพศกำกวมไม่ใช่โรค และไม่สามารถ ‘รักษาให้หายขาดได้’ จึงไม่มีเหตุผลหรือความจำเป็นใดที่จะต้องทำการรักษา
แต่เป็นไปได้ที่จะมีภาวะสุขภาพที่ต้องได้รับการแก้ไขที่เกี่ยวข้องกับกายวิภาคของผู้ที่มีภาวะนี้ ตัวอย่างเช่น หากคุณมีมดลูกแต่ไม่มีช่องเปิดของมดลูก เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ คุณอาจมีรอบเดือนที่เจ็บปวดซึ่งเลือดไม่ได้ออกจากร่างกาย ในกรณีนี้ คุณ (ในฐานะผู้ใหญ่) อาจต้องการผ่าตัดเพื่อเปิดช่อง
แต่นี่ไม่ใช่ ‘การรักษาภาวะเพศกำกวม’ นี่คือการรักษามดลูกที่ปิด แล้วลูกน้อยของคุณที่อาจไม่มีอวัยวะเพศแบบทั่วไปละ ?
คุณจะต้อง ‘เลือกเพศ’ หรือไม่ ?
คำตอบสั้น ๆ คือ เว้นแต่จะมีภาวะสุขภาพ (เช่น ปัสสาวะไม่สามารถไหลออกจากร่างกายอย่างถูกต้อง) คุณไม่จำเป็นต้องดำเนินการใด ๆ เลยในแง่ของการรักษาพยาบาล
แต่แพทย์ของคุณอาจแนะนำให้ทำการผ่าตัดเพื่อให้อวัยวะเพศมีลักษณะเป็นเพศชายหรือเพศหญิงมากกว่าปกติ แพทย์ชาวอเมริกันได้ทำเช่นนี้อย่างน้อยตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1930 โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผ่าตัดคลิตอริสเมื่อพ่อแม่ตั้งใจที่จะเลี้ยงลูกที่มีคลิตอริสขนาดใหญ่อย่างเด็กผู้หญิง
แพทย์อาจทำการเลือกเพศให้เด็กที่มีภาวะเพศกำกวมโดยใช้การทดสอบหากพวกเขาไม่แน่ใจว่าจะกำหนดเพศอย่างไรให้ทารก ทารกและเด็กที่มีภาวะนี้บางคนต้องต้องผ่านการผ่าตัดหรือการรักษาด้วยฮอร์โมนหลังจากการกำหนดเพศให้ ซึ่งอาจเป็นอันตรายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพวกเขาไม่ได้เป็นฝ่ายเลือกในการตัดสินใจนี้
สิ่งนี้กำลังเปลี่ยนแปลง และเริ่มมีบางประเทศหรือบางรัฐอนุญาตให้ใช้ ‘X’ แทน ‘M’ หรือ ‘F’ ในเอกสารต่าง ๆ เช่น บัตรประจำตัวประชาชน อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปสิ่งนี้ยังคงเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ในภายหลังเมื่อลูกของคุณโต หรือแม้แต่เป็นผู้ใหญ่และตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง และในสถานที่ส่วนใหญ่ การเปลี่ยนเพศในสูติบัตรของคุณหมายถึงการเปลี่ยนจากเพศชายเป็นเพศหญิงหรือในทางกลับกันเท่านั้น
เมื่อพูดถึงการเลี้ยงลูก มีข่าวดีสำหรับทารกที่เกิดมาพร้อมกับลักษณะกำกวมทางเพศ การเลี้ยงลูกในลักษณะที่เป็นกลางทางเพศกำลังเป็นที่ยอมรับมากขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา
แต่การตีตราและอุปสรรคทางสังคมยังคงมีอยู่จริง นี่เป็นเหตุผลที่แพทย์หลายคนยังคงแนะนำให้ทำการผ่าตัดเพื่อให้อวัยวะเพศของทารกตรงกับเพศที่ถูกกำหนดให้ตอนเกิด สิ่งนี้สามารถนำไปสู่คำถามทุกประเภท
- จะเกิดอะไรขึ้นถ้าลูกของฉันนิยมตัวเองเป็นเพศตรงข้ามที่เราเลือกให้พวกเขา ?
- จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราเอาอวัยวะเพศชายอันน้อยออก แล้วไปพบทีหลังในช่วงวัยแรกรุ่นของลูกว่าผลิตฮอร์โมนเพศชายในปริมาณที่โดดเด่นพอ
- จะเกิดอะไรขึ้นถ้าลูกของเราไม่พอใจการตัดสินใจของเรา และหวังว่าเราจะปล่อยทุกอย่างไว้เหมือนตอนที่พวกเขาเกิดมา ?
- จะเป็นอย่างไรหากเราเลือกที่จะไม่ทำศัลยกรรม และในตอนหลังลูกของเราหวังว่าเราจะทำศัลยกรรมให้ในช่วงที่ยังซับซ้อนน้อยกว่านี้ ?
คำถามเหล่านี้มักถูกระบุโดยทั่วไปว่า ‘ถ้าเราเลือกผิดล่ะ ?’ ความกังวลนี้มีน้ำหนักมากเลยทีเดียว
สิ่งสำคัญคือต้องพูดคุยกับที่ปรึกษาที่คุ้นเคยกับภาวะเพศกำกวมและคนเพศกำกวม ไม่ว่าจะเป็นนักสังคมสงเคราะห์ ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์หลายคน เพื่อนและครอบครัวที่ไว้ใจได้ และคอมมูนิตี้ของบุคคลที่มีลักษณะของภาวะนี้
การเลือกปฏิบัติต่อผู้ที่มีภาวะเพศกำกวม
ร่างกายของผู้ที่มีภาวะนี้มักถูกมองว่าเป็นสิ่งที่แตกต่าง ซึ่งทำให้เสี่ยงต่อการถูกเลือกปฏิบัติ ล่วงละเมิด และเป็นอันตราย การเลือกปฏิบัติและอันตรายประเภทหนึ่งที่เกี่ยวข้องมากที่สุดที่คนต่างเพศต้องเผชิญคือการถูกกดดันหรือบังคับให้เข้ารับการรักษาทางการแพทย์เพื่อทำให้ร่างกายของพวกเขาเป็นอย่างหญิงชาย ‘ทั่วไป’
- การแทรกแซงทางการแพทย์มักเกิดขึ้นเนื่องจากแพทย์และชุมชนคิดว่าผู้คนต้องการร่างกายบางประเภทเพื่อให้ ‘เป็นปกติ’ หรือเพื่อหยุดการกลั่นแกล้ง
- ไม่มีหลักฐานว่าการผ่าตัดในวัยทารกหรือวัยเด็กสามารถหยุดการกลั่นแกล้งหรือทำให้ร่างกาย ‘ปกติ’ ได้ คนที่มีร่างกายทุกประเภทเติบโตขึ้นมาเพื่อให้มีอัตลักษณ์ที่แตกต่างกันไป
- การแทรกแซงทางการแพทย์อาจมีผลในทางลบต่อผู้ที่มีภาวะเพศกำกวมเมื่ออายุมากขึ้น เช่น ความเจ็บปวด สูญเสียความรู้สึกทางเพศ การมีร่างกายที่แตกต่างจากอัตลักษณ์ทางเพศ และปัญหาสุขภาพจิต
จะเกิดอะไรขึ้นหากคุณมีปัญหาในการยอมรับลูกที่มีภาวะเพศกำกวม ?
สังคมยังคงต้องทำความเข้าใจกับแนวคิดที่ว่าไม่ใช่ทุกคนจะเข้าได้กับการจัดประเภทชายหรือหญิง เป็นผลให้ผู้ปกครองหลายคนรู้สึกละอายใจกับภาวะนี้ของลูก อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้อาจส่งผลเสียต่อทั้งพลวัตของครอบครัวและความนับถือตนเองของบุตรหลาน ดังนั้น จึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องหาผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพและกลุ่มสนับสนุนที่คุณสามารถพึ่งพาคำแนะนำในการนำทางให้คุณไปสู่ความเป็นจริงใหม่
นักจิตวิทยาและผู้สนับสนุนบอกว่าการเปิดใจกับลูกเกี่ยวกับสภาพของพวกเขา แทนที่จะพยายามซ่อนจากเพื่อนสนิท ผู้ดูแล และสมาชิกในครอบครัวจะช่วยส่งเสริมให้เกิดสภาพแวดล้อมของการยอมรับ
อ่านบทความสำหรับแม่และเด็กอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ >> story.motherhood.co.th
มองหาสินค้าสำหรับแม่และเด็กในราคาสุดพิเศษได้เลยที่ >> Motherhood.co.th