Site icon Motherhood.co.th Blog

ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ

ความเชื่อผิด ๆ เรื่องสุขภาพ

มีความเชื่อเรื่องสุขภาพที่ส่งต่อกันมาหลายอย่างที่ทำให้ผู้คนเข้าใจผิด

ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ

หนุ่ม ๆ สาว ๆ ทั้งหลายอาจเคยได้ยินคำสอนหรือข้อห้ามจากผู้ใหญ่มามากมายเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพร่างกาย ซึ่งไม่เคยมีใครคิดสงสัยเลยว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แถมยังมีการบอกต่อ ๆ กันไปเรื่อย ๆ จนกลายเป็นความเชื่อผิด ๆ เกิดขึ้น

นอกจากจะเชื่ออย่างสนิทใจแล้ว หลายคนยังยึดมั่นทำตามมาเรื่อยๆ ตั้งแต่เด็กจนโตอีกด้วย แต่มันคงถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องแยกแยะได้สักทีว่าความเชื่อที่ถูกปลูกฝังมาหลาย ๆ เรื่องมันมีข้อเท็จจริงอย่างไร ดังนั้นทาง Rabbit Finance จึงมีเรื่องของความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับสุขภาพ มาให้ทุกคนได้ทราบกัน ลองไปดูกันดีกว่าว่าจะมีเรื่องอะไรบ้าง

1. ต้องดื่มน้ำเปล่าวันละ 8 แก้ว

นี่คือความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับสุขภาพที่ได้ยินกันมาเป็นเวลานานมาก ๆ ซึ่งการดื่มน้ำเปล่าเป็นสิ่งที่ดีต่อร่างกาย แต่การที่ต้องดื่มให้ได้อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว นั้นอาจไม่จำเป็นเสมอไป เพราะว่ามันไม่มีตัวเลขกำหนัดที่แน่นอนตายตัว ถ้าอยากรู้ว่าเราดื่มน้ำเพียงพอหรือไม่ในแต่ละวันหรือไม่ อาจต้องใช้วิธีสังเกตจากสีของปัสสาวะ

หากปัสสาวะมีสีเหลืองเข้ม หมายความว่าเราดื่มน้ำเปล่าน้อยเกินไป ต้องดื่มให้มากขึ้นกว่าเดิม แต่ถ้าปัสสาวะมีสีเหลืองอ่อน หมายความว่าเราดื่มน้ำเพียงพอแล้ว ส่วนจะดื่มเพิ่มอีกหรือหยุดแค่นี้ ก็แล้วแต่ความกระหายน้ำของแต่ละคน รวมถึงกิจกรรมต่าง ๆ ที่เราทำในแต่ละวันด้วย

2. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้อายุยืน

มีงานวิจัยบางชิ้นสนับสนุนว่าการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่พอดิบพอดีไม่มากไม่น้อยจนเกินไป จะช่วยให้อายุยืนได้ แต่ว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้นมีอยู่ตั้งมากมายหลายชนิด จึงไม่ได้หมายความว่าทุกชนิดจะให้ผลแบบนั้น

โดยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีผลดีต่อหัวใจและหลอดเลือดก็คือ ไวน์แดง เท่านั้น เนื่องจาก 3 สาเหตุ ดังนี้ ในไวน์แดงมีสารต้านอนุมูลอิสระชื่อ Flavonoid ที่มีส่วนช่วยต้านการแข็งตัวของเลือด ช่วยลดไขมันในเลือด และช่วยลดโอกาสของการแข็งและหนาตัวของหลอดเลือด

อย่าลืมว่าไม่ใช่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดจะช่วยในเรื่องนี้ และต้องดื่มในปริมาณที่พอเหมาะคือ 240 มล. ต่อวัน เพราะอย่าลืมไปว่ายังไงมันก็ยังมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์อยู่ดี เพื่อจะได้เห็นผลจริง ๆ แทนการทำลายสุขภาพร่างกายตัวเอง

3. ออกกำลังกาย ช่วยลดน้ำหนัก

ความจริงแล้วการออกกำลังกายนั้นช่วยให้เรามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง แต่เนื่องจากมันทำให้เกิดการเผาผลาญ จึงทำให้สามารถช่วยให้น้ำหนักลงตามไปด้วย หลายคนจึงอาจมองว่าการออกกำลังกายนั้นช่วยลดน้ำหนัก โดยมองข้ามจุดประสงค์หลักเรื่องการทำให้สุขภาพร่างกายที่แข็งแรงไป

นอกจากนี้ยังมีบางคนที่คิดว่าออกกำลังกายแล้วจะสามารถกินเท่าไรก็ได้ เพราะยังไงก็เบิร์นออกไปอยู่ดี แต่หากเรามีจุดประสงค์เพื่อลดน้ำหนัก แต่ไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน บอกเลยว่าไม่มีทางที่น้ำหนักจะลงได้แน่นอน มีแต่จะเท่าเดิมหรือไม่ก็อาจอ้วนขึ้นด้วยซ้ำ ดังนั้นการลดน้ำหนักที่ถูกต้องจึงควรจะออกกำลังกายควบคู่กับการคุมอาหารไปพร้อม ๆ กัน

บางคนที่ต้องการลดน้ำหนักอย่างเร่งด่วน ไม่ว่าจะเป็นคนที่กำลังจะออกทริปแล้วอยากสวมเสื้อผ้าถ่ายรูปสวย ๆ หรือจะเป็นคนที่เตรียมตัวจะแต่งงาน ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักและดูแลรูปร่างให้ออกมาดูดีที่สุดในวันแต่งงาน จึงมีการเตรียมตัวอย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นการเช่าสินสอดสำหรับงานแต่ง ไปจนถึงการเตรียมงานต่าง ๆ รวมทั้งการออกกำลังกายเพื่อลดหุ่น แต่ก็ไม่ใช่ว่าออกกำลังแล้วจะได้ลดน้ำหนักสมใจกันทุกคน เพราะถ้าออกกำลังผิดวิธีและยังกินอาหารไม่มีประโยชน์อยู่เรื่อย ๆ ก็จะไม่เกิดประโยชน์

4. กินรสหวานมาก ๆ อาจเป็นโรคเบาหวาน

สาเหตุของโรคเบาหวาน ความจริงแล้วมากจากการที่ร่างกายของเราขาดอินซูลิน ซึ่งทำหน้าที่ในการรักษาระดับน้ำตาลในเลือด หากร่างกายสามารถผลิตอินซูลินได้ตามปกติ ถึงจะทานอาหารรสหวานมากแค่ไหน ก็ไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน นอกจากจะทำให้เราอ้วนได้เท่านั้น

แต่หากกรณีที่เรามีพันธุกรรมของโรคนี้อยู่ภายในร่างกาย อาจต้องควบคุมรสชาติของอาหารให้สมดุล ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และแน่นอนว่าไม่ควรทานอาหารที่มีรสหวานมากหรือบ่อยจนเกินไป ก็สามารถช่วยให้อาการของโรคเบาหวานที่แฝงอยู่ในตัว เกิดปะทุหรือกำเริบขึ้นมาได้

5. ทำงานหนักแล้วสมองจะพัฒนาขึ้น

คนหนุ่มสาวที่อยู่ในวัยทำงาน มักจะมีความพลังกาย พลังใจ และความคิดสร้างสรรค์ในการทำงานสูง หลายคนจึงมีมุมมองความคิดที่ว่า ทำงานหนักเป็นการสร้างความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ทำให้หลายคนนั่งทำงานกันหามรุ่งหามค่ำติดต่อกันแทบทุกวัน

อีกทั้งยังจริงจังกับงานสุดๆ ซึ่งมันก็เป็นสิ่งที่ดีและควรทำอย่างยิ่ง แต่บางคนกลับทำไปเพราะเชื่อว่าการทำงานหนักเป็นการพัฒนาสมองไปในตัว ทว่าการทำงานหนักจนขาดความสมดุลของชีวิตและได้รับการพักผ่อนไม่เพียงพอ จะทำให้ร่างกายอ่อนล้า เสื่อมเร็ว และเซลล์สมองตายจะเร็วกว่าปกติ เนื่องจากถูกใช้งานหนักเกินไป

6. อาหารเสริมคือเคล็ดลับหุ่นสวย สุขภาพดี

ในระยะเวลาไม่กี่ปีมานี้ มีอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริมความงาม รวมถึงวิตามินเสริมสุขภาพ มาให้เราทุกคนได้เลือกซื้อมาบริโภคกันมากมายเต็มไปหมด ซึ่งหลายคนก็เลือกทานกันตามชอบและคิดว่าตอบโจทย์ความต้องการของตัวเองที่สุด

แต่ความจริงแล้วมันเป็นความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับสุขภาพ ที่จะมาหวังผลลัพธ์ให้มีหุ่นสวยสุขภาพดี จากการอาหารเสริมหรือวิตามินเสริมสุขภาพทั้งหลายอย่างเดียว โดยขาดการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอควบคู่กับการทานอาหารที่มีประโยชน์

การทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ นอกจากจะทำให้ร่างกายขาดสารอาหารบางชนิดที่จำเป็นแล้ว ยังอาจทำให้ร่างกายได้รับอันตรายจากการได้รับวิตามินและแร่ธาตุบางอย่างเกินความจำเป็น และมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงต่อตับกับไตในระยะยาวอีกต่างหาก

7. คนอ้วนจะมีปริมาณคอเลสเตอรอลในร่างกายสูง

บอกเลยว่าความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับสุขภาพอย่างแรง เพราะมันไม่จริงเสมอไป บางครั้งคนผอมก็มีโอกาสคอเรสเตอรอลสูงได้เช่นกัน เนื่องจากะระดับคอเลสเตอรอลไม่ได้วัดกันที่น้ำหนักตัวเพียงอย่างเดียว

ถึงแม้จะเป็นคนที่มีรูปร่างผอมและไม่ค่อยทานอาหารที่มีไขมันสูงเท่าไหร่ ก็อาจมีระดับคอเรสเตอรอลในเลือดสูงได้ ถ้าหากมีพันธุกรรมที่ทำให้ระบบเมตาบอลิซึมหรือกระบวนการสร้างและสลายในร่างกายทำงานผิดปกติ ก็จะทำให้เกิดการผลิตและสะสมคอเลสเตอรอลไว้ในกระแสเลือดมากเกินไปได้เหมือนกัน

ในกรณีนี้ผู้ป่วยหลายคนจะไม่ค่อยรู้ตัว ดังนั้นเพื่อความไม่ประมาท เราจึงควรไปตรวจสุขภาพและตรวจเลือดเป็นประจำทุกๆ ปี รวมถึงพยายามเลี่ยงการทานอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูงมากจนเกินไป ปรับเปลี่ยนมาทานอาหารคลีนบ้าง จะได้ไม่ต้องเสี่ยงต่อการมีคอเลสเตอรอลสูงนั่นเอง

8. น้ำตาลหรือของหวาน ทำให้รู้สึกสดชื่น

หลายคนน่าจะได้ยินและทำตามความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับสุขภาพเรื่องนี้กันอยู่บ่อย ๆ ว่าเวลาที่เรารู้สึกเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย ควรจะดื่มน้ำหวานหรือทานของหวานๆ จะช่วยให้ร่างกายรู้สึกกระชุ่มกระชวยและกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น

แต่ความจริงแล้วการดื่มน้ำหวานหรือทานของหวาน นอกจากจะไม่ช่วยฟื้นฟูร่างกายที่เหนื่อยล้า อ่อนเพลียแล้ว ยังทำให้ร่างกายเราแย่ลงด้วยซ้ำ เนื่องจากเวลาร่างกายของเรารับน้ำตาลเข้าไป ก็จำเป็นต้องใช้วิตามินบีช่วยในการเผาผลาญเสมอ

เมื่อใดก็ตามที่วิตามินบีหมด ร่างกายจะอยู่ในสภาพพร่องวิตามินบี ซึ่งมีผลให้เกิดการอ่อนเพลีย เหนื่อยล้า หมดแรง ดังนั้นถ้าใครอยากสดชื่นขึ้นจริง ๆ ควรจะเปลี่ยนมาดื่มน้ำเปล่าสะอาด จะดีต่อร่างกายมากกว่า

ตอนนี้ทุกคนก็คงหากทราบแล้วว่ามันมีข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ดังนั้นอาจต้องถึงเวลาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับสุขภาพเหล่านี้เสียที และที่สำคัญคืออย่าลืมทานอาหารที่มีประโยชน์ รวมถึงออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอควบคู่ไปด้วย จะได้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงอย่างถูกต้อง หากต้องการความคุ้มครองดี ๆ ที่ช่วยเสริมการดูแลสุขภาพของคุณ ลองหาประกันสุขภาพ เปรียบเทียบราคาเบี้ยประกัน และเลือกความคุ้มครองที่เหมาะกับคุณมากที่สุด เพื่อการดูแลสุขภาพได้ครบรอบด้าน เพิ่มความสบายใจให้กับคุณ