Site icon Motherhood.co.th Blog

ท่อปัสสาวะเปิดต่ำกว่าปกติ คืออะไร ? จะแก้ไขได้หรือไม่ ?

ภาวะท่อปัสสาวะเปิดต่ำกว่าปกติ

จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อคุณสังเกตว่าลูกฉี่แตกต่างออกไปจากปกติ !

ท่อปัสสาวะเปิดต่ำกว่าปกติ คืออะไร ? จะแก้ไขได้หรือไม่ ?

ภาวะ “ท่อปัสสาวะเปิดต่ำกว่าปกติ” เป็นภาวะที่มีมาแต่กำเนิดที่พบได้บ่อย ซึ่งส่งผลต่อตำแหน่งของท่อปัสสาวะ พ่อแม่อาจจะสังเกตเห็นว่าอวัยวะเพศของลูกดูแตกต่างไปจากปกติ อาจจะเห็นว่าฉี่ออกมาจากจุดที่แตกต่างไปจากที่ควรจะเป็น และหากคุณได้พบกับพบผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินปัสสาวะในเด็ก ลูกน้อยอาจจะได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะนี้ แต่พ่อแม่หลายคนรู้สึกไม่สะดวกที่จะแบ่งปันปัญหานี้ต่อสาธารณะ เนื่องจากความเป็นส่วนตัวของบุตรหลานและความรู้สึกอับอาย และในบางครั้งแพทย์บางคนทำให้ความกังวลของพ่อแม่ด้อยความสำคัญลงไป นี่คือความเป็นจริงเกิดขึ้นและวิธีการรักษา

ภาวะท่อปัสสาวะเปิดต่ำกว่าปกติคืออะไร ?

ภาวะท่อปัสสาวะเปิดต่ำกว่าปกติในเพศชาย (Hypospadias) เป็นความผิดปกติแต่กำเนิดเนื่องมาจากฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับองคชาตและการสร้างท่อปัสสาวะทำงานบกพร่อง ส่งผลให้รูเปิดท่อปัสสาวะอยู่ต่ำกว่าปลายองคชาตตามปกติ ผู้ป่วยอาจมีความผิดปกติอื่นร่วมด้วย เช่น ภาวะองคชาตโค้งงอ องคชาตมีลักษณะต่างไปจากปกติ หรือมีปัญหาเกี่ยวกับเพศสัมพันธ์ แพทย์มักพบความผิดปกติบริเวณองคชาตของทารกได้ทันทีหลังคลอด

อาการของ Hypospadias

ผู้ป่วย Hypospadias จะมีภาวะท่อปัสสาวะเปิดในบริเวณที่ต่ำกว่าปลายองคชาต โดยส่วนใหญ่จะมีรูเปิดท่อปัสสาวะบริเวณหัวขององคชาต แต่ก็อาจพบได้บริเวณกลางหรือฐานองคชาตเช่นกัน นอกจากนี้ ผู้ป่วยอาจมีภาวะองคชาตโค้งงอลง โดยสามารถสังเกตเห็นได้เมื่อองคชาตแข็งตัว หนังหุ้มปลายมีขนาดกว้างและครอบคลุมเพียงด้านบนขององคชาต หรือเวลาปัสสาวะจะไม่พุ่งเป็นเส้นไปด้านหน้า

ทารกที่มีท่อปัสสาวะเปิดต่ำกว่าปกติอาจได้รับการวินิจฉัยทันทีหลังการคลอด แต่หากอาการไม่รุนแรงก็อาจทำให้ยากต่อการสังเกตและส่งตัวทารกเข้ารับวินิจฉัยได้ อย่างไรก็ตาม หากทารกมีความผิดปกติที่องคชาตหรือมีปัญหาในการถ่ายปัสสาวะ พ่อแม่ควรรีบพาไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยที่ถูกต้อง

หากพ่อแม่สังเกตความผิดปกติได้ไว ก็จะวินิจฉัยและรักษาได้ทัน

อะไรเป็นสาเหตุของ Hypospadias

ทางการแพทย์ยังไม่สามารถระบุสาเหตุของภาวะนี้ได้อย่างแน่ชัด แต่สันนิษฐานว่าอาจเกิดจากสภาพแวดล้อมหรือการถ่ายทอดทางพันธุกรรม โดยในระหว่างเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ที่ช่วงอายุครรภ์ 9-12 สัปดาห์ กระบวนการสร้างท่อปัสสาวะของทารกเกิดความบกพร่อง ส่งผลให้การสร้างท่อปัสสาวะไม่สมบูรณ์และทำให้รูเปิดของท่อปัสสาวะไม่อยู่ที่ปลายองคชาตตามที่ควรจะเป็น

อย่างไรก็ตาม ทารกอาจมีความเสี่ยงต่อภาวะ Hypospadias ได้มากขึ้นหากพ่อหรือสมาชิกในครอบครัวมีความผิดปกติดังกล่าว แม่ตั้งครรภ์ในขณะที่มีอายุมากกว่า 35 ปี เป็นโรคอ้วน สูบบุหรี่ รวมถึงได้รับฮอร์โมนบางชนิดหรือสัมผัสสารบางอย่างขณะตั้งครรภ์ เช่น ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่ใช้ในการรักษาภาวะมีบุตรยาก สัมผัสสารกำจัดศัตรูพืช หรือสารเคมีที่ใช้ในงานอุตสาหกรรม

การวินิจฉัย Hypospadias

แพทย์จะวินิจฉัยโดยการตรวจร่างกายของทารกเพศชายทันทีหลังคลอด ส่วนใหญ่จะสามารถสังเกตเห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจนจากรูเปิดท่อปัสสาวะเองที่เปิดต่ำกว่าปกติ ในกรณีที่สงสัยว่าทารกมีความผิดปกติ แพทย์จะต้องวินิจฉัยร่วมกับศัลยแพทย์ทางเดินปัสสาวะเด็ก และหากทารกมีอวัยวะเพศภายนอกกำกวมร่วมด้วย แพทย์และศัลยแพทย์ทางเดินปัสสาวะเด็กจำเป็นจะต้องทำงานร่วมกับวิชาชีพอื่น ๆ เพื่อประเมินความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับทารก

หากปล่อยจนเริ่มโต จะพบปัญหาเวลาปัสสาวะ

การรักษา

หากทารกมีภาวะ Hypospadias ไม่รุนแรงหรือมีความผิดปกติเพียงเล็กน้อยอาจไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษา ส่วนในรายที่มีอาการรุนแรงจะต้องรับการรักษาจากศัลยแพทย์ทางเดินปัสสาวะเด็กด้วยการผ่าตัด เพื่อปรับตำแหน่งของท่อปัสสาวะหรือแก้ไขให้องคชาตยืดตรงในบางกรณี แต่หากท่อปัสสาวะเปิดบริเวณใกล้กับฐานขององคชาต แพทย์จำเป็นจะต้องปรับแต่งท่อปัสสาวะเพื่อให้รูเปิดอยู่ในบริเวณปลายองคชาตและใช้เนื้อเยื่อผิวหนังปิดบริเวณที่ผ่าตัด

หลังเข้ารับการรักษา องคชาตของทารกจะอยู่ในลักษณะปกติและสามารถขับถ่ายปัสสาวะได้ โดยในช่วง 2-3 วันแรก ปัสสาวะอาจมีสีชมพูซึ่งเป็นอาการปกติ แต่ในบางกรณีอาจมีปัสสาวะรั่วซึมเนื่องจากมีรูทะลุ (Fistula) เกิดขึ้นใต้องคชาตหลังการผ่าตัด ซึ่งเป็นบริเวณที่มีการผ่าตัดสร้างท่อปัสสาวะใหม่ ทำให้ทารกอาจต้องเข้ารับการผ่าตัดรักษารักษาอาการดังกล่าวเพิ่มเติม นอกจากนี้ ควรพบแพทย์เพื่อติดตามอาการ ตรวจการรักษาและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น และรับฟังคำแนะนำในการฝึกให้เด็กเข้าห้องน้ำ

ทั้งนี้ หากพบว่าหลังการผ่าตัด ทารกมีไข้ที่อุณหภูมิ 38 องศาเซลเซียสขึ้นไปเป็นเวลามากกว่า 24 ชั่วโมง มีปัญหาในการปัสสาวะหรือไม่สามารถขับปัสสาวะได้อย่างปกติ ปลายองคชาตเป็นสีม่วงหรือคล้ำ ใช้ยาบรรเทาอาการปวดแล้วไม่ได้ผล หรือมีเลือดออกในบริเวณที่ทำการผ่าตัด พ่อแม่ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบทันที

หลังผ่าตัด 2-3 วันแรก จะพบว่าปัสสาวะออกเป็นสีชมพูเล็กน้อย

จะเกิดภาวะแทรกซ้อนหรือไม่ ?

หากไม่ได้รับการรักษาอาจมีภาวะแทรกซ้อนอื่นตามมา เช่น องคชาตมีรูปร่างผิดปกติหรือโค้งงอขณะแข็งตัว มีปัญหาเกี่ยวกับการหลั่งอสุจิ กระทบต่อการมีเพศสัมพันธ์ และอาจมีปัญหาในการปัสสาวะ

สามารถป้องกันได้หรือไม่ ?

ภาวะนี้ไม่สามารถป้องกันได้ แต่อาจลดความเสี่ยงลงได้บางส่วน หากกำลังตั้งครรภ์ คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในระดับมาตรฐาน รับประทานกรดโฟลิคในปริมาณ 0.4-0.8 มิลลิกรัมต่อวัน เข้าพบแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอขณะตั้งครรภ์ รวมไปถึงผู้ที่ตั้งครรภ์หลังอายุ 35 ปีขึ้นไป ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการตั้งครรภ์ เพื่อวางแผนการมีบุตรและประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

 

อ่านบทความสำหรับแม่และเด็กอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ >> story.motherhood.co.th

มองหาสินค้าสำหรับแม่และเด็กในราคาสุดพิเศษได้เลยที่ >> Motherhood.co.th