Site icon Motherhood.co.th Blog

วิธีทำให้สูง พ่อแม่ที่อยากให้ลูกสูงต้องรีบมาฟัง

วิธีทำให้สูงที่พ่อแม่ควรรู้

พ่อแม่ที่อยากให้ลูกสูง ต้องรู้วิธีช่วยกระตุ้นความสูงของลูก

วิธีทำให้สูง พ่อแม่ที่อยากให้ลูกสูงต้องรีบมาฟัง

คุณพ่อคุณแม่หลายท่านอยากให้ลูกตัวสูง แต่ก็มีความกังวลว่าถ้าตัวเองไม่ใช่คนสูง ลูกจะสามารถสูงไปได้มากกว่าตัวเองมากน้อยแค่ไหน มี “วิธีทำให้สูง” ได้อย่างไรบ้างแม้พ่อแม่จะไม่สูง ลำพังการกินนมเยอะๆจะช่วยให้ลูกสูงได้มากไหม มาติดตามฟังคำตอบกันนะคะ

ด้วยความเป็นพ่อเป็นแม่แล้ว หลายๆคนย่อมคาดหวังว่าลูกจะประสบความสำเร็จในชีวิต ซึ่งก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าในยุคนี้อาชีพการงานหลายอย่างก็ต้องอาศัยความสูงเป็นจุดได้เปรียบ ไม่ว่าจะเป็น พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน นักกีฬาอาชีพ หรือแม้แต่ดารานางแบบ คนที่ตัวสูงก็เหมือนได้เปรียบไปซะเยอะ คุณพ่อคุณแม่ที่ไม่ใช่คนสูงอะไรมากก็อาจจะกังวลว่าลูกเราจะสูงได้มากแค่ไหน วิธีทำให้สูงที่คนเขาพูดกันมามันจะใช้ได้กับลูกไหม

กรรมพันธุ์มีส่วนบ้างเล็กน้อย แต่ส่วนสำคัญคือการกินอาหารที่ดี การพักผ่อน และออกกำลังกาย

กรรมพันธุ์มีผลมากแค่ไหนเรื่องความสูง

ส่วนสูงของเด็กนั้นจะขึ้นอยู่กับกรรมพันธุ์เป็นสำคัญ แต่จะสูงได้มากแค่ไหนนั้นก็ยังมียีนหลายคู่ที่ส่งผลด้วย ดังนั้น การที่เด็กมีพ่อแม่ตัวไม่สูงมาก ไม่ได้แปลว่าเด็กจะต้องตัวเล็ก และถ้าพ่อแม่เป็นคนตัวสูง ก็ใช่ว่าเด็กจะมีตัวสูงตามไปด้วย พันธุกรรมและยีนที่ส่งต่อมาจากพ่อแม่มีผลต่อความสูงของเด็กเพียงแค่ 20-30% เท่านั้น ปัจจัยที่มีส่วนเสริมจะเป็นการกินอาหารและการออกกำลังกายมากกว่า

ควรกระตุ้นความสูงให้ลูกตอนไหน

โดยปกติเด็กๆจะมีความสูงเฉลี่ยที่ไม่ได้ต่างกันมากนัก แต่เด็กผู้หญิงจะเริ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนเด็กผู้ชาย เมื่อเข้าสู่วัย 9-13 ปี หรือในช่วงก่อนมีประจำเดือน เมื่อมีประจำเดือนแล้วก็จะสูงขึ้นได้อีกไม่มาก เพราะฮอร์โมนเพศหญิงจะทำให้กระดูกปิดเร็วขึ้น จนไปหยุดสูงเมื่อมีอายุ 19-20 ปี ส่วนเด็กผู้ชายจะเริ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในวัย 10-16 ปี และไปหยุดสูงเมื่ออายุ 21-22 ปี ดังนั้นช่วงที่ถือว่าสำคัญสำหรับการกระตุ้นความสูงให้ลูกจะเป็นช่วงก่อนเข้าวัยรุ่นและในช่วงวัยรุ่นนั่นเอง

วิธีทำให้สูงมีอะไรบ้าง

การได้รับโภชนาการที่ดีมีส่วนช่วยให้สูงขึ้นได้ คนส่วนใหญ่อาจจะมองว่าการที่จะสูงได้นั้นต้องเน้นที่การรับแคลเซียมเป็นหลัก ความเป็นจริงคือร่างกายนั้นต้องการอาหารทุกหมู่ในการทำให้ตัวสูง คุณพ่อคุณแม่ต้องให้ลูกกินอาหารที่มีประโยชน์ ทั้งเกลือแร่และวิตามิน คาโบรไฮเดรทเองก็จำเป็น เพราะจะทำให้มีพลังงานไปใช้ในการออกกำลังกาย โปรตีนก็ต้องกินเยอะๆ โดยเฉพาะที่ได้มาจากสัตว์ เพราะจะมีกรดอมิโนที่จำเป็นครบทั้ง 20 ชนิด ซึ่งมีส่ยบเวนสำคัญในการสร้างโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone)

นอกจากจะเน้นว่าให้ลูกกินอะไรเพื่อเสริมสร้างความสูงแล้ว คุณพ่อคุณแม่ยังต้องให้เขางดอาหารหรือเครื่องดื่มที่จะส่งผลต่อความหนาแน่นของกระดูกด้วย เช่น การดื่มกาแฟ เด็กโตบางคนอาจจะชอบดื่มกาแฟสดเหมือนที่ผู้ใหญ่ดื่ม คาเฟอีนที่มีในกาแฟจะทำให้ความเป็นกรดในเลือดสูงขึ้น ร่างกายของเขาจึงต้องไปดึงเอาแคลเซียมจากกระดูกสันหลังออกมาเพื่อรักษาสภาพความเป็นด่างอ่อนๆในร่างกายเอาไว้ แล้วร่างกายก็จะขับแคลเซียมออกมาทางปัสสาวะ นอกจากนี้น้ำอัดลมก็มีโอกาสทำให้ผู้ดื่มกระดูกพรุนมากกว่าผู้ที่ไม่ได้ดื่ม 3-4 เท่า

แคลเซียมพบได้ในนม โยเกิร์ต ผักใบเขียว ถั่วเหลือง ปลากรอบ กุ้งแห้ง กะปิ

ความจริงแล้วนมไม่ได้ไปทำให้เด็กสูงโดยตรง แต่แคลเซียมที่อยู่ในนมจะช่วยทำให้กระดูกแข็งแรง และเมื่อกระดูกแข็งแรงพอความสูงก็จะไม่หยุดชะงัก เด็กอายุ 1-3 ปี ควรได้รับแคลเซียม 700 มิลลิกรัมต่อวัน เด็กอายุ 4-8 ปี ควรได้รับแคลเซียม 1000 มิลลิกรัมต่อวัน และเมื่ออายุ 9-18 ปี ควรได้รับแคลเซียม 1300 มิลลิกรัมต่อวัน

อาหารพื้นบ้านแบบไทยๆอย่างปลากรอบ กะปิ กุ้งแห้ง หรือผักใบเขียว ก็เป็นแหล่งแคลเซียมที่ดีมากเช่นกัน รวมทั้งถั่วเหลืองและเต้าหู้แผ่นด้วย

ถ้าอยากให้ลูกตัวสูง คุุณพ่อคุณแม่ต้องพยายามให้ลูกนอนหลับอย่างเพียงพอ ควรเข้านอนแต่หัวค่ำ หรือก่อน 4 ทุ่มยิ่งดี ควรนอนในห้องที่ไม่มีเสียงหรือแสงเข้ามารบกวน และปิดเครื่องมือสื่อสารทุกชนิดสำหรับเด็กโต เพื่อที่เขาจะได้หลับลึก เพราะโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) จะหลั่งออกมามากในช่วงที่หลับลึก มันเป็นตัวกระตุ้นให้กระดูกเจริญเติบโตออกมาในแนวยาว ทำให้ตัวสูงขึ้นได้ เด็กจะต้องนอนอย่างต่ำ 8 ชั่วโมงต่อวัน โดยจะต้องเป็นการนอนหัวค่ำและตื่นในช่วงเช้า ไม่ใช่การนอนดึกแล้วตื่นสาย หรือเอาการนอนกลางวันมานับรวมด้วยเพื่อให้ได้ชั่วโมงตามเกณฑ์ จะต้องเป็นการนอนที่เป็นเวลาในทุกๆวัน ไม่เว้นแม้แต่เสาร์อาทิตย์

คุณพ่อคุณแม่ควรปลูกฝังให้ลูกมีทัศนคติที่ดีในการออกกำลังกาย ในสัปดาห์นึงควรออกำลังกกายอย่างน้อย 3 ครั้ง แต่ละครั้งใช้เวลาอย่างน้อย 30 นาที การออกกำลังกายที่เหมาะสมควรเป็นประเภทที่ทำให้เขาได้เคลื่อนไหวร่างกายทุกส่วนอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งจะมีส่วนทำให้โกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ถูกหลั่งออกมาด้วย และไม่ได้ช่วยแค่เรื่องส่วนสูงเท่านั้น แต่ยังช่วยป้องกันโรคอ้วนในเด็กได้ด้วยเช่นกัน แต่อย่าลืมว่าการหักโหมออกกำลังกายก็ไม่ส่งผลดี เพราะเมื่อร่างกายอ่อนล้า การนอนหลับจะไม่ค่อยมีคุณภาพ ซึ่งจะส่งผลต่อการทำงานของโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) อีกทอดหนึ่ง

การวัดความสูงในช่วงเช้าจะให้ผลแแม่นยำที่สุด

และหากคุณพ่อคุณแม่ต้องการจดบันทึกวัดความสูงของลูก ให้วัดตัวเขาในช่วงเวลาเช้า จะเป็นช่วงเวลาที่ตรงกับส่วนสูงจริงของคนเรามากที่สุด เพราะร่างกายเราจะหดลงเล็กน้อยเมื่อทำกิจกรรมต่างๆประจำวัน และจะกลับมาสู่สภาพปกติในขณะนอนหลับ

มีปัญหาเรื่องความสูงต้องรีบพบแพทย์

หากคุณพ่อคุณแม่พบว่าลูกมีความผิดปกติจริงๆ เช่น ตัวลูกกว่าค่าเฉลี่ยของเด็กวัยเดียวกันมากเกินไป หรือมีความสูงที่มากกว่าค่าเฉลี่ยจนผิดสังเกต ก็ต้องรีบพาไปพบแพทย์จะดีที่สุด เพราะอาจจะมีความผิดปกติของร่างกายซ่อนอยู่

การฝังเข็มเพิ่มความสูงทำได้หรือไม่

การฝังเข็มเป็นวิธีบำบัดรักษาตามศาสตร์ของแพทย์แผนจีน ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่การรักษาโรคสารพัดชนิด แต่สำหรับการฝังเข็มเพื่อเพิ่มความสูงให้เด็กนั้น จะเป็นไปในทางกระตุ้นให้ร้างกายของเด็กผ่อนคลายและมีการหลั่งโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ออกมามากขึ้น ซึ่งจะใช้ไม่ได้ผลกับคนที่พ้นวัยเด็กมาแล้วหรือกระดูกปิดแล้ว

การฝังเข็มจะช่วยกระตุ้นโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ได้บางส่วนเท่านั้น

ขั้นตอนการฝังเข็มนั้น แพทย์แผนจีนจะฝังเข็มตามเส้นลมปราณเพื่อปรับสมดุลและบำรุงอวัยวะภายใน ได้แก่ ตับ ไต ม้าม ซึ่งตามตำราแพทย์แผนจีน อวัยวะตับจะสัมพันธ์กับเส้นเอ็นและเล็บ สารที่จำเป็นในไตมีหน้าที่สร้างไขสันหลังและมีผลกับการเจริญเติบโตของกระดูกและฟัน ส่วนม้ามจะคอยควบคุมการไหลเวียนเลือดและและดูดซึมสารอาหารมาหล่อเลี้ยงกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ยังมีการฝังเข็มเพื่อกระตุ้นตามข้อกระดูในส่วนต่างๆของร่างกายด้วย แพทย์จะจัดให้มีการฝังเข็มอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง ซึ่งนับว่ามีโอกาสกระตุ้นความสูงได้บ้าง หรืออาจใช้วิธีการกดจุดบำรุงไตเพิ่มเข้ามาด้วย เป็นการช่วยบำรุงไตและทำให้อวัยวะภายในต่างๆทำงานได้ดีขึ้น แต่ก็ต้องทำควบคู่ไปกับการดูแลอาหารการกิน การออกกำลังกาย และการพักผ่อนให้เพียงพอ

คุณพ่อคุณแม่คงจะเห็นแล้วว่าวิธีทำให้สูงไม่ใช่สิ่งที่ปฏิบัติยากเลย แค่ต้องอาศัยวินัยที่จะทำให้ได้อย่างสม่ำเสมอเท่านั้น แต่สิ่งที่ควรจะสอนเขาควบคู่ไปด้วยคือการสอนให้เขามั่นใจในรูปร่างของตัวเอง ควรรักตัวเองไม่ว่าจะมีรูปร่างเป็นอย่างไร ที่สำคัญไปกว่านั้นคือต้องปฏิบัติเช่นเดียวกันกับคนรอบข้างด้วย

 

อ่านบทความสำหรับแม่และเด็กอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ >> story.motherhood.co.th

มองหาสินค้าสำหรับแม่และเด็กในราคาสุดพิเศษได้เลยที่ >> Motherhood.co.th