Site icon Motherhood.co.th Blog

อังกฤษ “อนุมัติวัคซีน Covid-19” เป็นชาติแรกของโลก

อังกฤษอนุมัติวัคซีน covid-19

อังกฤษเป็นประเทศแรกที่อนุมัติวัคซีน Covid-19 จาก Pfizer และ BioNTech

อังกฤษ “อนุมัติวัคซีน Covid-19” เป็นชาติแรกของโลก

ขณะนี้มีการอัพเดทผลการทดลองวัคซีนออกมามากมาย พวกเราก็ได้แต่ลุ้นว่าประเทศใดจะ “อนุมัติวัคซีน Covid-19” ให้ประชาชนได้ใช้กันเป็นประเทศแรก ซึ่งข่าวได้มีการยืนยันออกมาแล้วว่า อังกฤษเป็นประเทศแรกในโลกที่อนุมัติให้ใช้วัคซีน Covid-19 เพื่อใช้กับประชาชนโดยทั่วไป เรามาติดตามรายละเอียดกันค่ะ

บีบีซี ราายงานเมื่อวันที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมาว่า ประเทศอังกฤษเป็นประเทศแรกในโลกที่อนุมัติให้ใช้วัคซีน Covid-19 เพื่อใช้กับประชาชนโดยทั่วไปได้แล้ว โดยวัคซีนดังกล่าวเป็นวัคซีนที่พัฒนาโดยบริษัทไฟเซอร์ร่วมกับไบโอเอ็นเทค (Pfizer & BioNTech) โดยทางรัฐบาลได้ทำการสั่งซื้อเอาไว้แล้ว 40 ล้านโดส เพื่อใช้กับประชาชน 20 ล้านคน

วัคซีนล็อตแรกจะมีการจัดส่งและพร้อมใช้ภายในสัปดาห์หน้านี้

วัคซีนนี้ได้รับอนุญาตให้ใช้ในกรณีฉุกเฉินโดยหน่วยงานกำกับดูแลยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ (MHRA) ก่อนการตัดสินใจของสหรัฐอเมริกาและยุโรป โดยระบุว่าวัคซีน Covid-19 จากไฟเซอร์และไบโอเอ็นเทคนั้น สามารถป้องกัน Covid-19 ได้ถึง 95 เปอร์เซ็นต์ และมีความปลอดภัยมากพอที่จะนำไปฉีดให้กับประชาชน

รายงานระบุว่ารัฐบาลอังกฤษได้ทำการสั่งซื้อวัคซีนตัวดังกล่าวเอาไว้แล้ว 40 ล้านโดส ซึ่งเป็นจำนวนที่น่าจะเพียงพอสำหรับประชาชน 20 ล้านคน ซึ่งแต่ละคนจะต้องฉีดวัคซีนคนละ 2 เข็ม ห่างกัน 21 วัน โดยครั้งที่สองเป็นตัวกระตุ้น จากนั้นจะใช้เวลาไม่กี่สัปดาห์ในการสร้างภูมิคุ้มกัน

วัคซีนจะผลิตพร้อมใช้จำนวน 10 ล้านโดสในเวลาอันใกล้นี้ และสหราชอาณาจักรจะมีวัคซีน 800,000 โดส ที่พร้อมนำออกไปฉีดในสัปดาห์หน้า โดยมีเป้าหมายคือกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ที่อยู่ในสถานดูแลเด็ก รวมถึงเจ้าหน้าที่ คนเหล่านี้จะต้องได้รับการฉีดวัคซีนเป็นอันดับแรก จากนั้นก็ลดลำดับลงตามช่วงอายุ เจ้าหน้าที่บริการสุขภาพแห่งชาติ (NHS) ก็อยู่ในลำดับความสำคัญสูงเช่นกัน และพวกเขายังมีความเสี่ยงอย่างมากทางคลินิก

ทั้งนี้ วัคซีนตัวนี้เป็นวัคซีนที่พัฒนาขึ้นด้วยวิธีการที่เรียกว่า mRNA โดยเป็นการใช้รหัสพันธุกรรมของไวรัส Covid-19 บางส่วน มาฉีดเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ เพื่อให้ร่างกายได้เรียนรู้และเกิดการสร้างภูมิคุ้มกัน จากนั้นร่างกายจึงจะสามารถต่อสู้กับเชื้อไวรัสของจริงได้ ซึ่งวัคซีนที่พัฒนาด้วย mRNA ยังไม่เคยได้รับอนุมัติให้ใช้ในมนุษย์มาก่อน แต่มีการผ่านการทดลองเชิงคลินิคกับมนุษย์มาแล้วก่อนหน้านี้

วัคซีนดังกล่าวนับเป็นวัคซีนชนิดแรกในโลกที่นำออกใช้ได้จริงในระยะเวลาที่เร็วที่สุด ด้วยเวลาเพียง 10 เดือนเท่านั้น โดยผ่านขั้นตอนต่าง ๆ ซึ่งตามปกติจะต้องใช้เวลานานนับ 10 ปีทีเดียว

อย่างไรก็ตาม ความท้ายทายที่ต้องเผชิญคือ วัคซีนชนิดนี้จำเป็นต้องถูกเก็บรักษาในอุณหภูมิต่ำถึง -70 องศาเซลเซียส ต้องขนส่งมาในกล่องที่บรรจุน้ำแข็งแห้ง และสามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้เพียง 5 วันเท่านั้นที่อุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส  ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ทั้งทางผู้ผลิตและประเทศปลายทางยังต้องทำการบ้านกันต่อไป เพื่อให้วัคซีนตัวนี้ยังสามารถคงประสิทธิภาพไว้ได้มากที่สุด

แต่ยังต้องเผชิญกับความท้าทายในการเก็บรักษาวัคซีนอยู่ดี

ขณะนี้ เครือข่ายโรงพยาบาล 50 แห่งพร้อมที่จะส่งมอบวัคซีนล็อตแรก อีกทั้งจะมีการสร้างศูนย์ผู้เชี่ยวชาญวัคซีนด้วย นอกจากนี้ วัคซีนจะหาได้จากแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไปและเภสัชกรบางคนหากพวกเขามีห้องเย็นที่สามารถเก็บรักษาวัคซีนได้ เป้าหมายเบื้องต้นคือการฉีดวัคซีนผ่านบริการสุขภาพแห่งชาติ (NHS) ทั่วสหราชอาณาจักรโดยเร็วที่สุดเท่าที่บริษัทจะผลิตได้

ทางด้านไฟเซอร์และไบโอเอ็นเทคกล่าวว่าเครือข่ายการผลิตของพวกเขามีศักยภาพในการจัดหาวัคซีนทั่วโลกได้ถึง 50 ล้านโดสในปี 2563 และสูงถึง 1.3 พันล้านโดส ภายในสิ้นปี 2564

 

อ่านบทความสำหรับแม่และเด็กอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ >> story.motherhood.co.th

มองหาสินค้าสำหรับแม่และเด็กในราคาสุดพิเศษได้เลยที่ >> Motherhood.co.th